แต่งให้สวยในงบที่จำกัด (ลิซ่า)
เราสามารถแต่งตัวดูดีได้โดยไม่ต้องใช้ราคาเป็นตัววัด
ต้องยอมรับกันล่ะค่ะว่าเรากำลังอาศัยอยู่ในสังคมที่ให้ความสำคัญกับเรื่องภาพลักษณ์เป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจการทำงาน เราจึงจำเป็นที่จะต้องแต่งตัวให้ดูดีน่าเชื่อถือ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากมายในการเลือกซื้อเสื้อผ้าเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ใช่ไหมคะ เพราะคนที่ฉลาดแต่งฉลาดใช้ ย่อมมีวิธีจัดการเพื่อให้ตัวเอง "ดูดี" ได้แม้จะในงบที่จำกัดค่ะ
ชุดที่ไม่ทำให้คุณต้องทุบกระปุก
ชีพจรแฟชั่นเปลี่ยนไปไม่หยุดหย่อน แน่ล่ะว่าพวกเราก็ต้องวิ่งตามเพื่อไม่ให้หลุดเทรนด์ แต่คนที่ฉลาดแต่งเขาจะไม่ "ลอก" ตามแคตตาล็อกออกมาเด็ดขาด เขาเพียงแค่ดูสไตล์ของแฟชั่น พิจารณาถึงจุดเด่นในเทรนด์ว่าคืออะไร สามารถนำชุดเก่ามาปรับแล้ว "มิกซ์ แอนด์ แมตช์" ของที่มีอยู่ได้อย่างไรบ้าง สิ่งจำเป็นที่จะต้องซื้อเพิ่มคืออะไรเพื่อให้เขาดูสมาร์ตได้สมกับค่าเงินที่มีในกระเป๋า
ดังนั้นบันไดขั้นแรกสำหรับการแต่งตัวของคนที่รู้จักเงินในกระเป๋าของตัวเอง จึงเหมือนกับการซื้อสิ่งของอื่น ๆ นั่นก็คือศึกษาและทำการบ้าน เริ่มจากดูว่าข้าวของในตู้เสื้อผ้าชิ้นไหนเก่าสมควรเอาออก ตัวไหนยังสมควรเก็บไว้ จากนั้นก็เย็บชุดที่ขาด เอาของเดิมมาดัดแปลงเพิ่มเติม แล้วดูว่ามีอะไรจำเป็นต้องซื้อจริง ๆ จนสิ้นสุดขั้นตอนพวกนี้แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าหากจะพบว่าตลอดปีนี้คุณอาจไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรเลยก็ได้
แต่หากถึงคราวต้องตัดสินใจซื้อแล้วล่ะก็ขอให้พิจารณาถึงเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ค่ะ
จดรายชื่อจำนวนเสื้อผ้าแต่ละแบบ แต่ละสีที่คุณมีเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าเสมอ เพื่อความสะดวกในการตัดสินใจซื้อในครั้งต่อไปว่าคุณขาดเหลือสิ่งใดบ้าง โดยก่อนจะเอาชิ้นไหนมาเพิ่ม ให้ถามตัวเองก่อนทุกครั้งว่ามันจะเข้าชุดกับเสื้อ กระโปรง หรือกางเกงที่มีอยู่หรือเปล่า หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ลิสต์รายชื่อให้เหมือนกับเวลาก่อนที่จะไปช้อปปิ้งตามซูเปอร์มาร์เก็ต นั่นคือซื้อเฉพาะสิ่งที่ยังขาดและจำเป็นสำหรับในตู้เสื้อผ้าจริง ๆ เท่านั้น
เลือกซื้อเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ตลอดปี
ไม่ซื้อเพียงเพราะมันติดป้าย "on sale"
ความหมายอีกนัยหนึ่งของคำว่า "แฟชั่น" ก็คือ "การสูญเสีย" หรือของประเภทใช้ได้ไม่นานก็ต้องทิ้ง จึงควรอยู่ห่าง ๆ สไตล์เสื้อผ้าที่เทรนด์มากเกินไป เพราะโดยปกติเทรนด์อะไรที่คลั่งไคล้จนบูมมากผิดปกติ มักอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งนั่นจะมีผลให้เสื้อติดเทรนด์จ๋าของคุณ จะกลายเป็นขยะไร้ค่าอย่างรวดเร็ว ควรเลือกแบบที่กลาง ๆ ออกคลาสสิกที่สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาสดีกว่าค่ะ เพราะแบบพวกนี้มักสวมใส่ง่าย เข้ากันได้กับทุกอย่าง
เน้นการลงทุนเพื่อ "คุณภาพ" ในราคาที่คุณสามารถจับจ่ายให้มากกว่า "ปริมาณ" เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นของมีคุณภาพ อาจจำเป็นต้องจ่ายแพงอีกนิด แต่มันก็จะยังรักษารูปทรงและความสวยงามจนถึงวาระสุดท้ายของมันได้นานกว่าของถูกทั่วไป เรียกว่า คุ้มค่าในระยะยาว ค่ะ
เลือกซื้อเสื้อผ้าที่ดูแลรักษาได้ง่าย จะช่วยคุณลดค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุแปลก ๆ หรือรักษายาก
เลือกซื้อเครื่องประดับเท่าที่จำเป็น และเลือกชิ้นที่สามารถเข้ากันได้กับหลายชุด
ถ้าคุณเคยเล็งเสื้อผ้าบางตัว หรือบางชุดไว้แล้ว หากถึงวันที่ตัดสินใจซื้อ ขอให้สวมรองเท้า กางเกง หรือกระโปรงที่น่าจะ "เข้ากัน" กับชุดใหม่นั้นไปลองดูในห้องแต่งตัวด้วย เพื่อดูว่ามันเข้ากันได้จริงหรือไม่ (แต่ไม่ต้องใส่เครื่องประดับไปเต็มยศ)
ก่อนควักกระเป๋าจ่ายเงินออกไป ขอให้ตรวจสอบความเรียบร้อยของเสื้อผ้าให้ดีก่อนว่า ตะเข็บขาด ซิปปริ กระดุมหลุด หรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดปัญหา เมื่อคุณเพิ่งไปค้นพบความจริงหลังจ่ายเงินมาแล้ว
กระโปรง ให้ลองนั่งลง ว่าทำให้เรานั่งสะดวกหรือไม่ โดยเฉพาะกับกระโปรงฟิตรัดรูปสั้นเหนือเข่า เมื่อนั่งแล้วจะต้องไม่เกิดช่องว่างระหว่างน่องมากเกินไป
กระโปรงพลีต รอยจีบต้องคมถึงสะโพก และรอยพับ ต้องไม่เปิดอ้าออก
เสื้อสูท แจ็กเก็ต ให้ลองงอแขนดูว่าฟิตเกินไปจน ทำให้อึดอัดหรือเปล่า ส่วนเสื้อสูทเมื่อลองสวมแล้ว แผ่นรองไหล่ต้องอยู่เข้าที่ไม่เลื่อนไปมา
ชุดลูกไม้ ต้องดูพลิ้วไหว ไม่แข็งหรือกระด้างเกินไป
ตรวจสอบและทำความเข้าใจถึงเงื่อนไขการเปลี่ยนคืนก่อนซื้อให้ถ้วนถี่ เพื่อป้องกันอาการเซ็งสุด ๆ ภายหลัง
ขอขอบคุณข้อมูลประกอบจาก
