หายหน้าหายตาจากวงการไปนาน สำหรับ ปิงปอง สะแกวัลย์ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเคยเป็นนักแสดงดาวรุ่งมีงานแน่น แต่กลับมีมรสุมชีวิตต่าง ๆ จนทำให้ต้องออกจากวงการไป ล่าสุด (17 กกรกฎาคม 2560) เจ้าตัวก็ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ คุยเช้าShow ทางช่อง ONE พร้อมเล่าเรื่องชีวิตให้ฟังว่า
โดย ปิงปองเผยว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น ตนก็ถูกผู้ใหญ่ในวงการคนหนึ่งที่เคยรักและเอ็นดูตัดขาด เพราะเขาอยากดัดนิสัยจนไม่รู้จะดัดยังไง พอมันดัดไม่ไหวเขาก็ต้องแบนออก เนื่องจากตนทำตัวไม่ดี เบี้ยวกองถ่าย มาสายในวันที่มีงาน นัดกอง 50 กว่าคน เขาก็รอไปเถอะ แต่ตนก็ไม่ไปกอง ปิดโทรศัพท์หนี มาสายด้วย และอีกหลาย ๆ อย่าง และยังทำหลายครั้งมาก ผู้ใหญ่เขาก็ให้โอกาสเราหลายครั้งมาก จนส่ายหัว บอกไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นเราก็หายหน้าไปเกือบ 10 ปี
จนกระทั่งก็ได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ที่เอ็นดูอีกท่านให้มาแสดงละครเรื่อง รอยไหม จากนั้นก็มีคนจ้างเพิ่มอีก 4-5 เรื่อง แต่สุดท้ายก่อนเปิดกล้องตนก็เกิดอุบัติเหตุก็กลับต้องใช้เวลารักษาตัว ซึ่งตอนที่เกิดอุบัติเหตุคนก็ว่าเราเยอะ หาว่าเราเมาแล้วขับบ้าง ขับเร็วเกินไปบ้าง แต่ความจริงคือเราไม่ชินทางเจอหลุมจนหักหลบแล้วเป็นเนินทางขึ้นก็ทำให้ไปประสานงากับรถที่สวนมาอย่างจังทำให้คนที่นั่งไปด้วยเสียชีวิต ส่วนตัวเองก็บาดเจ็บสาหัส แล้วเราขับเพียง 40 กม./ชม. เพราะเป็นทางขับในสวนปาล์ม และต้องกลับไปทำงานต่อจึงไม่ได้ดื่มแน่นอน ตอนนั้นสลบไป 3 วัน หลังจากนั้นตนก็เดินทางไปไหว้ที่เกิดเหตุทุกปี
ในช่วงที่รักษาตัวเจ้าตัวเผยว่า รู้สึกเครียดมาก ต้องนั่งวิลแชร์จากคนไฮเปอร์ที่ทำอะไรได้หมด แต่ตอนนั้นแค่จะถือบะหมี่สำเร็จรูปออกจากเตาไมโครเวฟก็ยังทำจานตกแตก เลยคิดว่าชีวิตนี้จะอยู่ไปทำไม อยู่ไปก็รกโลก
ทั้งนี้ ปิงปอง ยอมรับว่า มีเขียนพินัยกรรม วูบหนึ่งจึงตัดสินใจกินยาหวังฆ่าตัวตาย ก็มีบอกเพื่อนฉันจะกินยาฆ่าตัวตาย เพื่อนก็นึกว่าพูดเล่นคิดว่าไม่ทำจริง ตอนนั้นจริง ๆ ก็จะไปแล้ว จะหลับแล้วแต่ร่วมกตัญญญูมาพอดี เพราะเพื่อนโทรไปบอกว่าให้มาดูหน่อย อีกนิดเดียวเกือบจะไม่มีสะแกวัลย์อีกแล้ว ส่วนที่ไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกนั้นก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยไปอยู่มา 6 เดือนแล้วก็กลับมาเพราะ พี่นีโน่ ไลน์ไปหาว่าจะมีละครให้เล่น ตอนนี้ก็ตามหาพี่เขาอยู่
และเมื่อถูกถามว่าตอนนั้นรู้ตัวไหมว่าทำผิด เจ้าตัวก็บอกว่าตอนนั้นยังไม่รู้ ถึงตอนนั้นเราก็ไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ตนก็โตแต่ตัว นิสัยเป็นเด็กรักสนุก รักเฮฮา รักเพื่อน แล้วไม่สนใจเรื่องงาน เพราะเกิดมาไม่คิดว่าตัวเองเป็นดาราอยู่แล้ว เคยใช้ชีวิตยังไงก็ใช้ชีวิตแบบนั้น วันหนึ่งเขาบอกไม่ต้องมาอีกแล้วนะ ณ ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไร ด้วยเรายังมีเงินอยู่ มีเพื่อนคบ มีละครช่องอื่น ๆ บ้าง
โดยเจ้าตัวเปิดใจต่อว่า จนถึงตอนนี้ตนยังพอมีงานอยู่บ้างหลังหายหน้าไป 6 ปี โดยมี โก้ ธีรศักดิ์ คอยช่วยให้ทำรายการต่าง ๆ และ ดุ๊ก ภาณุเดช ที่ให้ไปช่วยสอนการแสดงกับผู้ที่มาสมัครเรียน อย่างไรก็ดี ตนรู้สึกอยากกลับมาเล่นละครอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เคยขอโอกาสเพราะกลับตัวมาเป็นคนดีแล้ว ตนก็โทร.ไปหาผู้ใหญ่ที่เคยเอ็นดู ว่าเรากลับมาเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่ เขาก็ตอบว่าก็ดีแล้ว ก็เป็นพนักงานออฟฟิศต่อไปสิ เราก็แอบจุกไปเหมือนกัน
ทั้งนี้ ปิงปอง ยังได้ฝากถึง บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ ผู้บริหารช่อง ONE อีกว่า "น้องพยายามติดต่อหาพี่หลายครั้ง แต่ก็ไม่รู้จะไปหายังไง เพราะกว่าจะผ่านด่านไปถึงพี่ได้ ณ ตอนนี้มันยากมาก ผิดกับสมัยก่อนที่เราได้เจอกันง่ายมาก ถ้าพี่บอยได้ดูแล้วนึกถึงน้องสาวคนนี้ น้องอยากกลับมาเล่นละครนะ อยากกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เหมือนเดิม" งานนี้เมื่อมีการยังยืนยันว่า บอย ถกลเกียรติ น่าจะรับทราบข้อความดังกล่าวแล้วเพราะดูรายการนี้อยู่ ปิงปอง ก็ถึงกับน้ำตาไหล ก่อนจะยืนยันกับพิธีกรอีกครั้งว่า ถ้าได้โอกาสอีกครั้งจะไม่มีคำว่า "มาสายหรือไม่มา" อีก
