ดิว อริสรา เผยเหตุการณ์โดนขโมยกระเป๋าที่สนามบิน เจ้าตัวบอกทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว และคนที่เอาไปไม่น่าจะใช่คนไทย คงคุยกันไม่รู้เรื่อง ซึ่งตนไม่ได้ติดใจอะไรเพราะได้ของคืนแล้ว
ทำเอานางร้ายดิว อริสรา ถึงกับปวดหัวไม่น้อย เพราะต้องเจอกับเหตุการณ์โดนผู้หญิงคนหนึ่ง ฉกกระเป๋ากลางสนามบินขณะกำลังเดินทางไปทำงานที่ จ.เชียงใหม่ แต่สุดท้ายก็ได้กระเป๋าคืน และของทุกอย่างก็ยังอยู่ครบถึงแม้กระเป๋าจะโดนเปิดแล้วก็ตาม
ล่าสุด (13 กุมภาพันธ์ 2561) สาวดิวได้มาเปิดใจถึงเรื่องนี้ที่งาน Siambanterng Star\'s Light Awards 2017 ว่า คนที่เอากระเป๋าของเธอไปดูแล้วไม่น่าจะใช่คนไทย แค่ได้กระเป๋าคืนและไปทำงานทัน ตนก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว เพราะในกระเป๋าไม่มีของมีค่า มีแค่อุปกรณ์ในการทำงานเท่านั้น
กระเป๋าหายที่สนามบิน แต่ได้คืนแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
ดิว อริสรา : ก็เป็นอะไรที่ตื่นเต้นค่ะ เพราะว่าไม่คิดว่ามันจะเจออะไรแบบนี้ ก็รู้สึกว่าตำรวจไทยเก่งมาก จริง ๆ เหตุการณ์ในวันนั้นมันไม่มีอะไรเลย เราเช็กอินแล้ว ก็แวะซื้อสตาร์บัคส์แล้วพี่ที่มาด้วยเขาก็เฝ้ากระเป๋าให้เรานั่นแหละ แล้วเขาหันมาบอกดิวว่าพี่สั่งอันนี้นะ พอหันกลับไปคือกระเป๋าไม่มีแล้ว เป็นกระเป๋าใบเล็ก เป็นกระเป๋าที่ใส่อุปกรณ์สำหรับทำงานโดยเฉพาะ พอหันกลับไปไม่เจอเราก็ตั้งสติได้เลยขอเทปจากสตาร์บัคส์ แล้วก็ไปประสานประชาสัมพันธ์ ซึ่งทางประชาสัมพันธ์ก็อาจจะช้าหน่อย เพราะเขายังช็อกอยู่ว่าต้องทำยังไง ทุกอย่างใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง แต่พอพี่ตำรวจมา ใช้เวลาแค่ 10 นาที ตามกระเป๋าเจอเลย และคนที่เอาไปไม่น่าใช่คนไทย
ดิว อริสรา : มันไม่มีเวลาดำเนินการอะไร เพราะว่าหนึ่งคือของเราอยู่ครบ แล้วเครื่องบินก็รอเราอยู่ ไฟลท์ดีเลย์เพราะเรา เราก็เลยต้องรีบวิ่งไปเพื่อขึ้นเครื่อง แล้วจริง ๆ เราก็ไม่ได้อยากจะเอาเรื่องอะไรอยู่แล้ว ด้วยความที่ดิวว่าเขาอาจจะพูดได้ว่าหยิบกระเป๋าผิดไป หรืออะไรก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือกระเป๋าดิวถูกเปิด แต่ของในนั้นมันก็ไม่ได้มีค่าอะไรที่จะต้องหายไป แต่ตำรวจเขาไปเจอกระเป๋าข้างทางนะคะ ไม่ได้เจอตัว คงจะค้นแล้ว แล้วไม่มีอะไร มีแค่รองเท้าหนึ่งคู่ ชุดหนึ่งชุด ต่างหูหนึ่งคู่ ที่หยิบไปเขาก็คงคิดว่ามันจะมีของมีค่าแหละ แต่ดิวไม่อยากพูดแบบนั้นไง เดี๋ยวจะดราม่า เราก็คิดว่ามีชุดใส่ไปทำงานแล้วก็จบแล้ว ถามว่าติดใจอะไรไหม คือดูจากทรงแล้วมันก็น่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็เลยโอเคเราขึ้นเครื่องไปทำงานของเราดีกว่า
ต่อไปต้องระวังมากขึ้นไหม ?
ดิว อริสรา : จริง ๆ มันทำให้ดิวรู้ว่าช่วงเวลาแค่ 10 นาที มันไม่น่าอันตรธานหายไปได้ไว้ขนาดนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก เราก็ต้องระวัง พี่ที่มากับดิวก็ต้องระวัง ปล่อยอะไรไว้ไม่ได้เลยค่ะ
หลังจากนั้นตำรวจเขาได้ดำเนินการอะไรต่อไหม ?
ดิว อริสรา : ไม่ได้ตามเลย ตอนนั้นแค่ขอกระเป๋า เพราะว่ากลัวว่าเดี๋ยวตกเครื่องแล้วจะไปทำงานไม่ทัน แต่ตอนแรกก็กลัวว่าถ้าไปงานทันแล้วจะใส่ชุดอะไร ห่วงแค่นั้นเลย
ดิว อริสรา : เขาก็เดือดค่ะ เขาช่วยประสานโน่นนี่
เหมือนพี่ไผ่ต่อว่าเรื่องการตามหายกระเป๋า ?
ดิว อริสรา : เราเป็นคนคิดว่าจะหากระเป๋ายังไง คือเจ้าหน้าที่เขาก็ยังงงไงว่าจะต้องทำยังไง เราก็ไม่รู้ เราเลยต้องโทรศัพท์หาพี่ไผ่ว่าต้องทำยังไง เขาก็บอกเราเป็นสเต็ป ๆ ซึ่งมันก็ทำให้ดิวคิดถึงคนอื่นว่าถ้าคนอื่นเขาไม่รู้จะทำยังไง อย่างดิวไปตรงประชาสัมพันธ์ คำตอบแรกที่ได้คือให้ออกไปข้างนอก เพื่อไปแจ้งความ ดิวก็เลยแบบ อ้าว จะทำยังไงดี ต้องออกไปแจ้งความคือตกเครื่องแน่ ๆ เราก็เลยบอกเขาว่าลองประสานทางการท่าได้ไหมค่ะ ลองแบบนี้ได้ไหมค่ะ คือเราก็ช่วย ๆ กัน แต่ว่าเราก็ต้องโทรศัพท์หาพี่ไผ่ก่อนค่ะ
ภาพจาก Instagram duearisara
