ป๋อมแป๋ม ขอโทษแล้ว ดราม่าล้อเลียนสำเนียงชาติอื่น ชี้ไม่ได้เจตนา

          ป๋อมแป๋ม นิติ ขอโทษปมดราม่าโดนติงล้อเลียนสำเนียงชาติอื่นในรายการ ยันชัดไม่ได้เจตนา ชี้เป็นความผิดของทางรายการไม่เกี่ยวกับ ปู ไปรยา - ณัฐ ศักดาทร ที่ทำให้คนเข้าใจสิ่งที่รายการพยายามจะสื่อผิดไป ยันไม่ได้หัวเราะเพราะตลก

          กลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาจนได้ สำหรับกรณีของ รายการ ทอล์ก-กะ-เทย One Night ซึ่งพิธีกรคือ ป๋อมแป๋ม นิติ และมีสาวปู ไปรยา - หนุ่มณัฐ ศักดาทร เป็นแขกรับเชิญ และในช่วงหนึ่งของรายการ ได้ให้แขกรับเชิญทั้ง 2 คน ทดลองอ่านข่าวด้วยสำเนียงของประเทศต่าง ๆ พร้อมหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน ซึ่งต่อมาชาวเน็ตมองว่า การกระทำนี้เป็นการเหยียดสำเนียงของชนชาติอื่น ๆ (อ่านข่าว ดราม่าสนั่น ! ชาวเน็ตถล่ม ปู-ณัฐ-ป๋อมแป๋ม ทำตลก ล้อเลียนสำเนียงชาติอื่นในรายการ)

          ล่าสุด (16 ธันวาคม 2561) ป๋อมแป๋ม ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีนี้ว่า ก่อนอื่นตนก็อยากจะขอโทษถึงกรณีนี้ และอยากจะขอโทษแทนคนอื่น ๆ ทั้ง ปู ณัฐ และทีมงาน ตนพูดในฐานะโปรดิวเซอร์รายการ ถ้าหากรายการที่ออกมาทำให้ใครรู้สึกไม่สบายใจ เราไม่ได้มีเจตนาที่จะล้อเลียน แต่ก็เข้าใจที่ผู้ชมอาจจะเข้าใจไปในทางนั้นและรู้สึกไม่โอเค รู้สึกระคายหู เราต้องขอโทษจริง ๆ ขอโทษแทนคนอื่น ๆ ด้วยจริง ๆ

          คือจริง ๆ ก่อนหน้าที่จะทำตรงนี้ออกมาเราก็ได้มีการพูดคุยปรึกษากันแล้วว่า เราจะทำอย่างไรไม่ให้มีลักษณะของการล้อเลียน เรื่องของเรื่องคือสิ่งที่เราอยากจะให้เห็นคือ ณัฐกับปู พูดภาษาอังกฤษเก่ง เขาพูดได้หมด คราวนี้ถ้าจะผิดมันคงผิดที่ทางรายการเอง ที่ตัวแมสเสจของรายการที่เราอยากจะบอกจริง ๆ คือภาษาไหนมันก็พูดได้หมด ถ้ามันสื่อสารเข้าใจมันก็คือเข้าใจ แมจเสจตรงนั้นมันอาจจะไม่ได้ออกไปถึงคุณผู้ชม ซึ่งตรงนี้เราขอรับไว้ว่า มันเป็นความผิดของรายการเอง ไม่ใช่ความผิดของปูหรือของณัฐ เพราะที่รู้จักทั้งสองคนเรารู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางที่จะมีความทัศนคติในเชิงลบต่ออะไรแบบนี้เลย ก็ขอโทษตรงนี้

          ยอมรับว่าได้รับการติเตียนเยอะ ซึ่งทั้งหมดเราก็ไม่ได้โกรธ เราก็รู้สึกว่าถ้าเกิดติดตามรายการมาตลอดก็จะรู้ว่าเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับคอมเมนต์ของคุณผู้ชมเยอะ เราไม่ได้โกรธไม่ได้ว่าอะไร จุดหนึ่งที่เราคุยกับทีมของเราก็คือมันเป็นบทเรียนที่ดีที่ต่อไปเราก็จะเพิ่มความระมัดระวังของเนื้อหาใด ๆ ถ้ามันจะต้องไปเกี่ยวข้องกับคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันก็คงเป็นเรื่องที่เราจะต้องใส่ใจให้มากขึ้น


          ถามว่านอยด์หรือเสียใจไหม มันก็มีนอยด์นิดหน่อยอยู่แล้ว แต่ว่าอย่างที่บอกมันไม่ได้นอยด์ในลักษณะที่เราโกรธคนที่มาว่าเรา แต่เรารู้สึกนิดหนึ่งว่าเสียดาย ถ้าดูทั้งเทปช่วงที่สัมภาษณ์ปูกับณัฐในเรื่องแรงบันดาลใจที่เขาเป็นทูตคือมันดีมากเลย เราก็รู้สึกว่าตัวเราเองไม่น่าพลาดเลยที่ทำให้คนเข้าใจผิดในสิ่งที่เราจะสื่อ แต่ก็ขอน้อมรับไว้เป็นความผิดของรายการเอง

          ส่วนกรณีที่ของ ลูกกอล์ฟ คณาธิป สุนทรรักษ์ ที่ได้ทวีตข้อความถึงประเด็นดังกล่าวนั้น ป๋อมแป๋ม เผยว่า ส่วนตัวก็ยังไม่ได้คุยกัน แต่ตนก็เข้าใจเจตนาของลูกกอล์ฟ เพราะเขาจะย้ำเสมอว่า ไม่ว่าพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไหน ขอแค่เราสื่อสารรู้เรื่องก็พอ มันคือการสื่อสารที่สัมฤทธิ์ผลและถูกต้อง คือเราเห็นด้วยกับลูกกอล์ฟเลยว่า มันหมดยุคของการมาล้อเลียน แต่อย่างในรายการตรงที่เราหัวเราะตอนนั้น เราไม่ได้หัวเราะเพราะว่าสำเนียงเขาตลก วันนั้นที่มันขำคือณัฐเขาพูดเหมือน นั่นคือสิ่งที่กระทบเราว่าณัฐทำไมมันพูดเหมือนอย่างนี้ แต่ว่ามันไม่ได้มีเจตนา หรือความตั้งใจที่จะล้อเลียนเลย คือถ้าเกิดดูตอนต้นที่พูดสำเนียงบริทิชและอเมริกันเพื่อให้เห็นว่าเราพูดได้ แต่ว่าแมสเสจที่เราต้องการจะสื่อในส่วนของขั้นตอนการตัดต่อมันอาจจะตกหล่นไป กับทางลูกกอล์ฟเองก็ไม่มีทางที่หลังจากนี้จะทำให้เรามีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่มีทางที่จะตีกัน

          จริง ๆ ตนจะสื่อว่า สำเนียงของแต่ละพื้นที่เขามีความแตกต่างกัน ตนมองว่ามันเป็นเรื่องสนุกด้วยซ้ำไปกับการที่เราได้เรียนรู้สำเนียงต่าง ๆ ตอนตนเล่นละคร ต้องพูดภาษาใต้ เราไปฝึกมา แต่พอไปอยู่หน้างาน คนใต้ท้องถิ่นบอกอันนี้ไม่ใช่ใต้สุราษฎร์ธานีเป็นใต้พัทลุงก็ต้องไปแก้ เราเลยรู้สึกว่ามันสนุกและมีเสน่ห์ด้วยซ้ำไป

          ถามว่าในฐานะโปรดิวเซอร์รายการจะทำให้เราทำงานยากขึ้นไหมในยุคที่อะไร ๆ ก็ดูอ่อนไหวไปหมด คืออย่าเรียกว่ามันยากเลยดีกว่า เรียกว่ามันเป็นความท้าทายมากกว่า คือเราอยู่ในสื่อก็ต้องยอมรับอยู่แล้วว่า มันอาจจะถูกใจใครไม่ถูกใจใคร การมีคอมเมนต์ติชมมันก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่าการทำงานครั้งต่อไป อย่างที่บอกว่าอย่าใช้คำว่ายาก ยิ่งข้อจำกัด ยิ่งโจทย์มันแคบลง เราจะทำอย่างไรให้ทะลุโจทย์อันนี้ไป อันนี้มันเป็นเรื่องที่ท้าทาย เราว่าคนทำงานทีวี ทำงานครีเอทีฟน่าจะรู้สึกสนุกกับเรื่องนี้มากกว่าด้วยซ้ำไป

          โดย ป๋อมแป๋ม ปิดท้ายว่า หลังจากนี้ก็จะต้องระมัดระวังมากขึ้นว่าจะไม่ไปกระทบกระทั่งหรือไปพูดถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในบทสนทนาของเรา อันนี้มันเป็นบทเรียนสำคัญของตัวเราเองว่า มันเป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวังมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในเรื่องของการล้อเลียน การพูดถึงคนที่เขาไม่ได้อยู่ในบทสนทนาของเรามันก็เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ว่า เราต้องเรียนรู้จากมัน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก