ภาพจาก Instagram bee_teerapong
จับมือกันผ่านร้อนผ่านหนาวจนใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมากว่า 30 ปีแล้ว สำหรับ บี๋ ธีรพงศ์ และ ฮันนี่ ภัสสร โดยล่าสุด (21 กันยายน 2562) ทั้งคู่ก็ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ Club Friday Show ถึงเส้นทางชีวิตรักที่ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะสมัยที่คบกันตอนแรก ๆ ใครก็ว่าไปกันไม่รอด เพราะฝ่ายชายทำงานเป็นช่างภาพนู้ด แถมยังดูลุคเจ้าชู้ ย่อมมีสาว ๆ เข้าหามากมายอย่างแน่นอน
โดย ฮันนี่ ภัสสร เปิดเผยว่า ตนเป็นคนที่ไม่หึงเลย เพราะทราบอยู่แล้วว่างานของสามีเป็นแบบนี้ ซึ่งถ้าได้ไปสัมผัสจริง ๆ ก็จะรู้ว่างานไม่ได้สุ่มเสี่ยงขนาดนั้น เพราะมีทีมงานอยู่ในสตูดิโอกันหลายคน ยิ่งถ้าออกไปถ่ายงานข้างนอกอากาศก็จะร้อนและเหนื่อย ทำให้ไม่คิดเรื่องอย่างว่าแน่นอน อีกทั้งตนเป็นห่วงผู้หญิงมากกว่า เพราะเวลาที่บี๋ถ่ายภาพ นางแบบจะต้องออกมาหุ่นดีมาก ผู้หญิงจะต้องบิดท่าทางจนเหนื่อย จึงไม่น่าจะมีโมเมนต์กุ๊กกิ๊กกันได้
และถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเรื่องงาน แต่ก็มีโมเมนต์ที่ทำให้ตกใจเหมือนกัน เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไปงานปาร์ตี้แล้วมีนางแบบต่างชาติคนหนึ่งเข้ามากระโดดกอดและจูบ บี๋ ธีรพงศ์ ซึ่ง ฮันนี่ ยอมรับว่า ตกใจแต่ก็ขำ เพราะกระโดดกอดแน่นเหมือนลูกลิง แต่ก็คิดว่าคงเป็นธรรมเนียมของชาวต่างชาติ จึงไม่ได้หึงหวงอะไร
อย่างไรก็ตาม ทั้งบี๋และฮันนี่ ยอมรับว่า ด้วยภาพลักษณ์ที่ต่างคนต่างดูมีเสน่ห์ดึงดูด ทำให้ตอนที่คบกันใหม่ ๆ คนมักจะบอกว่า ไม่น่าจะไปกันรอด แต่ทั้งคู่ก็ปล่อยให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันมาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปีแล้ว
ทั้งนี้ ฮันนี่ เปิดเผยว่า ตนคิดมาตลอดว่าไม่มีอะไรเหมาะสมกับสามีเลย เพราะบี๋ชอบผู้หญิงหุ่นดี แต่ตนหุ่นอวบและตาตี่ ไปไหนก็ไม่เก่งทั้งด้านการช่วยเหลือและการทำงานหลาย ๆ อย่าง และภาษาก็ไม่ดี ซึ่งบี๋ กล่าวว่า ฮันนี่เป็นได้ยิ่งกว่าคนอื่น ที่สามารถไปปิ้งตัวให้ดำได้ ทำตัวให้ผอมได้ ไม่กินอาหารที่ทำให้อ้วนได้ ทำทุกอย่างได้อย่างที่ตนอยากให้เป็น และกล่าวอีกว่า ที่ทำไปทั้งหมด ที่บ่น ที่อะไรต่าง ๆ นานา ก็เพราะว่ารักคำเดียว ก่อนฮันนี่จะโผเข้ากอดและบอกรักเช่นกัน
นอกจากนี้ บี๋ ธีรพงศ์ ยังได้เผยความรู้สึกหลังไปร่วมรายการผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวอีกด้วย ระบุว่า "ขอบคุณพี่อ้อยพี่ฉอดมากครับ... แรก ๆ ในรายการก็นั่งตัวเกร็ง... ด้วยคำถามที่ยิงมา... ต่อมารู้สึก Relax และก็ Enjoy มากครับ..... ตอนคบกันใหม่ ๆ เจอแต่คำว่าไปกันไม่รอด"
