วันที่ 24 ตุลาคม 2562 มีรายงานว่า หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ นักแสดงชื่อดัง พร้อมด้วย นายจรินทร์ ธรรมวัฒนะ หรือ จิน สามี เดินทางเข้าพบและมอบกระเช้าผลไม้ให้แก่ พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และ ส.ต.ท. ธีรพงษ์ ขาบจันทึก ผบ.หมู่ งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดี/รังสิต กก.2 บก.จร. ที่ สน.วิภาวดี สืบเนื่องจากกรณีที่เจ้าตัวได้มีการโพสต์ข้อความลักษณะตำหนิการทำหน้าที่ของ ส.ต.ท. ธีรพงษ์ อ้างว่าต้องการจะเรียกรับเงินจากตนเอง
โดย หนิง ปณิตา กล่าวว่า ต้องขอโทษ ส.ต.ท. ธีรพงษ์ ที่ได้มีการโพสต์ข้อความต่อว่าไปในโซเชียลมีเดีย ซึ่งยอมรับว่าบางครั้งตนมีอารมณ์ที่คิดเร็ว ทำเร็ว ก็ถือเป็นบทเรียน ส่วนที่เข้ามาขอโทษช้า เนื่องจากที่ผ่านมาติดงาน จึงให้สามีเดินทางมาให้ข้อมูลก่อน และนัดหมายมาในวันนี้ โดยภายหลังเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ก็ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อว่าตนเป็นจำนวนมาก ตนยอมรับและน้อมรับทุกคำวิจารณ์ที่ตั้งใจจะสอน แต่ในส่วนของคำพูดที่รุนแรงและลามปามไปยังบุพการีนั้น อยากขอวอนทุกคนอย่าพาดพิงไปยังบุคคลอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็จะไม่แจ้งความกลับเพราะตนกระทำผิดจริง
ขณะที่ นายจรินทร์ เปิดเผยว่า รถมาเซราติ ซื้อมาจากคนรู้จักประมาณปีกว่า ตนน่าจะเป็นเจ้าของมือที่ 3 หรือ 4 สำหรับขั้นตอนการจดทะเบียนก่อนหน้านี้ ตนได้รับเลขทะเบียนมาแล้ว คือ 8กฏ3940 แต่ทำหายไป และวันนี้ได้นำรถ พร้อมเอกสารมาให้ตำรวจตรวจสอบตามขั้นตอน เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะไม่ใช่รถผิดกฎหมาย เพราะหากผิดกฎหมายจริง น่าจะติดปัญหาตั้งแต่ในขั้นตอนการโอนแล้ว ส่วนสาเหตุที่นำทะเบียนอื่นมาใช้แทนนั้น เนื่องจากอยู่ระหว่างรอทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบกอยู่ เพราะมีการยื่นเอกสารหลักฐานไปแต่ไม่ครบ ทำให้ขั้นตอนล่าช้า
ด้าน ส.ต.ท. ธีรพงษ์ เจ้าหน้าที่คู่กรณี กล่าวว่า ตนยกโทษให้ และไม่ติดใจอะไร ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่เจ้าพนักงาน ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว
ทั้งนี้ ไทยพีบีเอส รายงานว่า หนิง ปณิตา ได้มีการเสียค่าปรับการสวมทะเบียนรถ ตามความผิดกฎหมายจราจรว่าด้วยรถยนต์ มาตรา 67 ผู้ใดใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สำหรับรถคันหนึ่งกับรถอีกคันหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ด้าน กรมการขนส่งทางบก ได้ทำการคัดลอกเลขเครื่องยนต์รถมาเซราติ เพื่อนำไปตรวจเทียบเคียงกับข้อมูลในระบบของกรมการขนส่งทางบก เบื้องต้นพบว่าเลขเครื่องยนต์ตรงกับเลขเล่มจดทะเบียน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สำนักข่าว INN, ไทยพีบีเอส