ท็อป ณัฐเศรษฐ์ แรงมากเว่อร์ เลิกกับ ไพลิน ไม่ดี ลั่นให้ของไปเยอะมาก ถ้าปลอมก็คืนมา ! 

          กลายเป็นที่จับตามองขึ้นมาทันที สำหรับเรื่องราวความสัมพันธ์ของ ท็อป ณัฐเศรษฐ์ และนางแบบสาว ไพลิน โอลเซ่น หลังมีเพจออกมาแฉเรื่องของไฮโซหนุ่ม ที่เลิกรากับแฟนดารานางแบบเพราะฝ่ายหญิงทำตัวตีเสมอคุณพ่อของฝ่ายชาย หลังฝ่ายชายจะซื้อรถให้คุณพ่อ แต่กลับถูกแฟนสาวเบรกและถามว่า ทำไมไม่ซื้อให้บ้าง ก่อน ไพลิน จะออกมาโพสต์ข้อความในทำนองแฉว่า ที่ผ่านมาเหมือนตกนรกทั้งเป็น ของที่ซื้อให้ก็มีแต่ของปลอม

          ล่าสุด (11 ธันวาคม 2562) หนุ่มท็อป ก็ได้ออกมายอมรับแล้วว่าได้เลิกรากับ ไพลิน แล้วจริง พร้อมทั้งยอมรับว่า รักครั้งนี้จบลงไม่สวย ซึ่งเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน ในช่วงวันเกิดของตน เรารู้สึกว่าไปต่อกันไม่ได้แล้ว ส่วนเรื่องสาเหตุก็ไม่ขอลงรายละเอียดมาก เพราะตนก็เป็นผู้ชาย พูดมากไปก็คงไม่ดี ส่วนที่บอกว่ามีเรื่องของคุณพ่อเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น มันก็มีหลายเหตุการณ์ หลายปัจจัยที่ทำให้เห็นหลาย ๆ อย่างมันชัดเจนขึ้น

          หนุ่มท็อป เปิดเผยต่อว่า ตนเป็นคนถอยออกมาก่อน ตนชัดเจนกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอยู่แล้ว เรื่องนี้มันเสียความรู้สึกทั้งคู่ เหตุการณ์มันก็เกิดมาสักพักแล้ว ถามว่ามันเป็นเรื่องที่กระทบกระทั่งกับครอบครัวหรือเปล่านั้น เอาเป็นว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว ณ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นตน หรือครอบครัว คงไม่อยากจะมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับผู้หญิงคนนี้แล้ว อยากจะแยกให้ชัดเจน และตนก็คงไม่อยากจะพูดถึงเขาอีกต่อไป

          ส่วนข้อความที่เขาโพสต์ก็ได้เห็นแล้ว ตนมีหลักฐานทุกอย่างหมด อย่างที่บอกไปว่าตนเป็นผู้ชาย อย่าให้พูดอะไรไปมากกว่านี้เลย ก็อยากให้เรื่องมันจบ เรื่องที่เขาบอกว่าตนซื้อของปลอมให้นั้น ถ้าคนรู้จักตนและโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กคงจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างตนทำธุรกิจขนาดนี้ ให้กับแบรนด์ระดับขนาดนี้ การใช้ของพวกนี้มันเป็นไปไม่ได้ แล้วถ้าพูดตามตรง ถ้าของที่ให้ไปมันไม่จริง จะใส่โชว์ถ่ายทำไม มันก็ไม่น่าภูมิใจไหม ถ้าคิดว่าปลอมก็เอามาคืนก็ได้ มีเยอะมากที่เอาไป ซึ่งหลังจากที่เขาโพสต์ก็ยังไม่ได้ติดต่อเขาไป ตนไม่อยากจะคุยกับเขาตั้งแต่วันที่เราแยกกัน เพราะมันชัดเจนมากแล้ว

          ถามว่าเสียใจไหม ยอมรับว่าค่อนข้างเสียใจมาก เพราะเข้าใจว่าเวลาที่ผ่านมามันเป็นเวลาที่ดีกันทั้งคู่ ถึงแม้จะเลิกรากันไป เราต่างคนต่างโตก็พอรู้แล้วว่าเหตุผลมันคืออะไร มันไม่จำเป็นต้องทำอะไรกันแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องทำร้ายใคร มันผ่านมาแล้ว ต่างคนก็ต่างเริ่มใหม่แล้ว แต่ก็เห็นชัดเจนว่าเขาก็ปิดไอจีหนีไปแล้ว เขาทำเสร็จก็หนีไปเลย

          ส่วนเรื่องการฟ้องนั้น แน่นอนมันมีเรื่องกฎหมายที่เราสามารถจะคุยได้ แต่ตนไม่อยากทำแบบนั้น ตอนนั้นยอมรับว่ามีเตรียมข้อมูลไว้ด้วย ถามว่าจะฟ้องไหม ก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน เพราะถ้ามองอีกมุมหนึ่งมันก็ทำได้ แต่ตนว่ามันเป็นเรื่องที่เด็กและไร้สาระพอสมควร ตอนนั้นก็มีตัดสินใจไปแล้ว จริง ๆ เตรียมไว้หมดทุกอย่างแล้ว เขาก็ทราบเขาถึงปิดไอจีหนีไป แต่ตนไม่อยากทำ จากนี้ก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนนี้อีกเลย

          ตนยอมรับว่าเรื่องนี้ก็มีทำให้กระทบภาพลักษณ์ แต่คิดว่าคนที่รู้จักตน หรือคนที่ทำงานกับตน หรือคนที่อยู่รอบข้าง ก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ มันเป็นอะไร และก็หวังว่าสิ่งที่ตนตั้งใจทำมาโดยตลอด คนจะรู้ว่าเป็นยังไง ซึ่งกับเรื่องนี้ตนจบมานานมากแล้ว ค่อนข้างชัดเจนมากกับการจบในครั้งนี้ เพราะไม่เคยชัดเจนกับใครเท่าครั้งนี้มาก่อน แน่นอนว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกเสียใจ แต่การเสียใจของเขาไม่จำเป็นต้องเลือกทำอะไรแบบนี้ แต่อย่างที่บอกไปตนและครอบครัวอยากจบจริง ๆ ก็คุย ๆ กันอยู่ว่าอยากให้มันผ่านไป

          ส่วนสถานะตอนนี้ก็โสด ถามว่าปิดใจไหม ไม่ได้ปิด แต่ค่อนข้างเข็ดเหมือนกัน ไปไม่ค่อยเป็น ไม่รู้ว่าจะไปแนวไหน เพราะตนตั้งใจมาก ๆ กับรักครั้งนี้ ตนเชื่อว่าคนที่อยู่รอบข้างคงจะรู้ และตนพร้อมที่จะมีครอบครัวแล้ว กับการที่ได้เจอเหตุการณ์แบบนี้มันทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน ว่ามันยังมีความคิดที่แตกต่าง การกระทำ หรืออะไรแต่ละเรื่องที่คงมีคนคิดไม่เหมือนกัน ตอนนี้ก็รู้แล้วว่ามันมีแบบนี้ ก็เรียนรู้แล้ว เรียนรู้แบบรู้สึกจริง ๆ แล้วว่าอะไรมันก็เกิดขึ้นได้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
NineEntertain