ภาพจาก Nutphon Yingcharoenkitkhajor
เดินทางกลับถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น Miss Universe Thailand 2019 หลังเดินทางไปประกวด Miss Universe 2019 พร้อมทำผลงานได้ดีที่สุดกับการเป็น Top 5 และเมื่อเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในช่วงบ่ายของวันที่ 12 ธันวาคม 2562 ก็มีครอบครัว สื่อมวลชน และแฟนนางงาม ไปรอต้อนรับเป็นจำนวนมาก
โดย ฟ้าใส ปวีณสุดา ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกว่า ส่วนตัวแล้วภูมิใจมาก ๆ กับ Top 5 Miss Universe 2019 วินาทีนั้นเรารู้สึกว่าถ้าได้เข้าก็ดีใจ แต่ถ้าไม่ได้ก็ภูมิใจอยู่แล้ว เพราะเราก็เตรียมใจแล้ว เพราะปีนี้คนเก่ง ๆ ก็เยอะ ในการตอบคำถามแต่ละคนก็ตอบได้ดีมาก ๆ ขึ้นอยู่กับว่ากรรมการจะชอบคำตอบแบบไหนมากกว่ากัน ถามว่าคาดหวังไหม ณ ตอนนั้นช่วงรอบ 20 คน เข้า 10 คน แล้วเราเห็นตัวเก็งหลาย ๆ คนตุ้บไปก็เริ่มหวั่นใจเหมือนกัน พอได้เข้าไปเราก็ขอให้ได้เข้าไปเรื่อย ๆ
สำหรับเราแล้ว Top 5 เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ เราเป็นหนึ่งเดียวของเอเชีย ใน Top 5 เลย ถามว่าผิดหวังไหมที่ไม่ได้เข้ารอบไปมากกว่านี้ ไม่เลย เพราะเราเองรู้สึกว่าเราเต็มที่ในทุกก้าวแล้ว แต่ถ้าหากเราไม่เต็มที่ในวันนั้นก็คงรู้สึกผิดหวังว่าทำไมไม่ทำให้ดีกว่านี้ แต่เราเชื่อว่าเราทำเต็มที่แล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Miss Universe Thailand 2019
ส่วนเรื่องการตอบคำถามนั้นที่หลายคนมองว่าไม่แฟร์ ฟ้าใส ปวีณสุดา เผยว่า เอาตรง ๆ ก็มองว่าบางคำถามก็ง่ายจริง ซึ่งถ้าเราได้คำถามอื่น เราอาจจะสามารถตอบได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเราได้คำถามนี้มา เราก็ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะตอบคำถามนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปฟังคำตอบของตัวเองแล้ว เชื่อว่า ณ ตอนนั้นได้ตอบคำถามอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ยอมรับว่าค่อนข้างตกใจกับคำถามที่ได้รับ เพราะมันค่อนข้างเซนซิทีฟ ซึ่งตอนนี้ก็ยืนยันเหมือนเดิมว่าเราไม่มีทางยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ ให้ความเป็นส่วนตัว แต่กลับกลัวในบ้านของเรา หรือความมั่นคง 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย เรายังยืนที่เดิมคือควรเป็นกลาง
หากเป็นพี่ พี่จะเลือกตอบอะไร ระหว่าง Privacy และ Security เราเลือกตรงกลางดีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าในความมั่นคง ความปลอดภัย ในปัจจุบันมันมีโลกเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ตามสถานที่ต่าง ๆ มีกล้องวงจรปิดมากขึ้น ซึ่งหากไม่มีในจุดนี้ก็อาจจะมีอาชญากรรมเพิ่มขึ้นมาก็ได้ เชื่อว่ามันต้องมีจุดตรงกลางที่สามารถพบกันได้ และจะทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและมีความส่วนตัวด้วยเหมือนกัน
ถามว่าตอนที่ประกวดมีความกังวลเรื่องอะไรมากที่สุด ตอนนั้นน่าจะเป็นเรื่องเจ็บตามากกว่า เพราะไม่คิดว่าตื่นขึ้นมาแล้วเราจะลืมตาไม่ได้ ด้วยความที่มันเซนซิทีฟกับไฟมาก ๆ วันต่อมาคือตื่นมาแล้วมันมีน้ำตาไหลออกมาเอง ซึ่งวันนั้นก็เป็นวันที่เราปิดตาไว้ ซึ่งทางกองเขาก็เข้าใจ เพราะเราก็ได้แจ้งก่อนแล้วว่าเรามีปัญหาเรื่องตา โชคดีที่ได้พัก 1 วัน ก่อนวันจริง อาการเลยดีขึ้นมาก ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ มันเป็นมาตั้งแต่ตอนประกวด Miss Universe Thailand ด้วยความที่เรามีปัญหาเรื่องการใส่คอนแทคเลนส์ และนอนน้อยด้วย ทำให้ตาแห้งจนถอดคอนแทคเลนส์ไม่ได้ จนต้องไปโรงพยาบาลให้คุณหมอช่วยถอดออกให้ ทำให้กระจกตาถลอกตั้งแต่ตอนนั้น จริง ๆ เราก็พยายามรักษา แต่ด้วยเวลาต่าง ๆ ไม่อำนวย จึงยังไม่ได้รักษาอย่างจริง ๆ จัง ๆ ตอนที่ประกวด Miss Universe ก็ต้องใส่คอนแทคเลนส์แค่ข้างเดียวตลอด เพราะอีกข้างใส่ไม่ได้เลย ซึ่งหลังจากนี้ก็จะไปรักษา
ภาพจาก Nutphon Yingcharoenkitkhajor
ส่วนประเด็นที่หลายคนมองว่า ฟ้าใส เป็นตัวเก็งในปีนี้ ตอนเก็บตัวมีโดนหมั่นไส้ไหม เจ้าตัวก็ตอบตรง ๆ ว่า ไม่เคยรู้สึกจนกระทั่งทางคนแต่งหน้าของกองประกวดเขาพูดว่า ไทยแลนด์อยู่ไหน แล้วคนทั้งห้องหันมามอง ตอนนั้นก็เลยรู้สึกว่าทำไมเจาะจงไทยแลนด์ รู้สึกอึดอัดว่าทำไมเจาะจงเรา แต่ก็มาเข้าใจว่าเพราะเขามองว่าเรามียอดฟอลโลเว่อร์เยอะมากที่สุด แล้วเขาก็อยากจะขายสินค้าของเขา เขาจึงเจาะจงนางงามที่มียอดฟอลโลเว่อร์เยอะที่สุด
และกับเพื่อน ๆ นางงามในวันนั้นก็อาจจะมีนิดหนึ่งที่ไม่อยากคุยกับเรา แต่คนที่สนิท ๆ จริง ๆ อย่าง ญี่ปุ่น ลาว เมียนมา สวีเดน เขาก็เหมือนเดิม เพราะเขาก็อยากได้มิตรภาพและประสบการณ์ที่ดี เขาก็ทำเต็มที่ และเขาก็รู้ว่าไม่ใช่สปอนเซอร์ที่เป็นคนตัดสินใจว่าใครจะชนะ แต่เป็นคณะกรรมการมากกว่า ส่วนกับมิสแอฟริกาใต้ Miss Universe คนล่าสุดนั้น ด้วยความที่เราแยกกันทำกิจกรรม จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดคุยมาก แต่เราก็ยินดี เพราะเขาตอบคำถามได้ดีมาก
ฟ้าใส ยังได้เผยถึงงานในอนาคตด้วย โดยเผยว่า งานในวงการนั้นถ้ามีโอกาสก็อยากจะรับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับทางผู้ใหญ่ว่าจะมีงานอะไรให้บ้าง ซึ่งส่วนตัวแล้วก็อยากทำทุกงาน แต่ที่ชอบตั้งแต่เด็ก ๆ ก็คือการพากย์เสียง ร้องเพลงก็พอได้
นอกจากนี้เจ้าตัวยังเผยว่า พร้อมเป็นรุ่นพี่นางงามที่จะช่วยเทรนรุ่นน้องในรุ่นต่อ ๆ ไป ช่วยแชร์ประสบการณ์อย่างเต็มที่ ซึ่งเราก็อยากให้ทางพี่ลูกเกด มาช่วยเหมือนเดิม เพราะพี่เขาช่วยได้เยอะจริง ๆ ก็อยากฝากบอกรุ่นน้องว่า ต้องสตรองให้มาก ๆ ถ้าตรงนี้ไม่ใช่ฝันของเราจริง ๆ ก็คงไม่ไหว เพราะเชื่อว่าถ้าเป็นฝันจริง ๆ ทุกคนจะตั้งใจ มุ่งมั่นกับมันอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาตัวเอง เพราะไม่มีใครที่รู้จุดด้อยของตัวเองได้เท่ากับตัวเอง
ขอบคุณภาพจาก Nutphon Yingcharoenkitkhajor
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
