ปิดรับสมัครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับการสมัครเพื่อคัดเลือกเป็นสมาชิกในเพลงซิงเกิลที่ 9 หรือเลือกตั้งครั้งที่ 2 ของวงไอดอลสาว BNK48 โดยมีสมาชิก BNK48 ทั้งรุ่น 1 และ รุ่น 2 สมัครกันพร้อมหน้ารวม 41 คน จากทั้งหมด 46 คน และสมาชิกจากวง CGM48 วงน้องสาว อีก 25 คน รวมผู้สมัครทั้งสิ้น 66 คน
โดยสมาชิกรุ่น 1 ที่ไม่ลงสมัครประกอบด้วย นิ้ง มนัญญา, เคท กรภัทร์ และ เปี่ยม รินรดา ส่วนรุ่น 2 ได้แก่ แนทเธอรีน ดุสิตา และ อุ้ม ณัชชา อย่างไรก็ตาม แนทเธอรีน ได้โพสต์ร่ายยาวลงเฟซบุ๊ก Natherine BNK48 ถึงเหตุผลที่ไม่ลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ว่า "ทำไมถึงไม่ลงเลือกตั้ง ? ที่หนูจะไม่ลง ไม่ใช่เพราะหนูอยากจะลาออกนะคะ แต่อะไรหลาย ๆ อย่างมันไม่เป็นเหมือนที่เราคิด และมีอะไรหลายอย่างที่มันเปลี่ยนไป การเลือกตั้งครั้งที่แล้วของหนู เหมือนกับการขึ้นเขาเลยค่ะ หนูมีหน้าที่ปีนเขา หาหินที่เหมาะสม หาช่องทางขึ้นเขา แล้วคอยเลี้ยงตัว ไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ให้ถึงยอดเขา
ส่วนแฟนคลับก็เหมือนเป็นกำลัง เป็นคนที่ผลักดันให้เราสามารถปีนขึ้นไปบนเขาได้ ก่อนขึ้นเขาได้มีการนัดหมายกันว่า จะมีคนคอยรับเราบนเขา แต่พอแฟนคลับผลักดันให้เราขึ้นเขาแล้ว เราพยายามหาช่องทางเต็มที่แล้ว และปีนเขาอย่างสุดกำลังแล้ว แต่พอเกือบจะถึงยอดเขา คนที่รอรับเรา เขาไม่ช่วยฉุดเราขึ้นมา และยังฉุดคนข้างหลังเราอีกหลายคนขึ้นไปด้วย มันทำให้หนูรู้สึกแบบนั้น หนูจึงขอไม่ลงเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะหนูไม่เห็นความคุ้มค่าของการที่จะตะเกียกตะกายขึ้นไปทำอะไรบนนั้นแล้ว
ไม่ใช่เพราะไม่สู้ แต่ขอเลือกสู้ในสนามอื่นดีกว่าค่ะ การสู้ของแต่ละคน มันไม่เหมือนกันหรอก คนที่ตามหนูก็จะรู้ดีว่าที่ผ่านมาหนูสู้จนตัวตายขนาดไหน หนูเหนื่อยขนาดไหน กว่าจะสร้างวันนี้ขึ้นมาได้ ได้โปรดอย่าเอานิยามของตัวเองมาตัดสินหนูเลยค่ะ เพราะมันจะไม่ถูกหรอก ตัวหนูรู้ตัวเองดีที่สุด
คนที่เห็นหนูขึ้นเขาไปแล้ว หลายคนคงคิดว่าส่งขึ้นไปได้แล้ว มันคงจะมีที่อยู่วิวดี ๆ ให้หนู มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันให้หนู ตอนแรกหนูก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่สิ่งที่เจอคือ การต้องพยายามดิ้นรนอยู่บนเขา โดยไม่มีปัจจัยสี่ ไม่มีอุปกรณ์ซัพพอร์ตอะไรเลย ในเวลาที่คนอื่นมีกันหมด ถ้าทุกคนขึ้นไปแล้วไม่มีเหมือนกันหมด ไม่มีปัญหาค่ะ หนูคงสู้จนตัวตาย แต่ปรากฏว่าเลือดตาแทบกระเด็น ถ้าต้องสู้แบบนี้ หนูว่ามันเหนื่อยแบบไม่ฉลาดเกินไป
ถ้าลำพังหนูเสียแรงคนเดียว หนูทุ่มเทคนเดียว หนูลำบากกับมันคนเดียว หนูก็คงโอเค เพราะถ้าสุดท้ายมันจะไม่คุ้ม หนูก็คงไม่ได้รู้สึกแย่มาก แต่นี่มันเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฟนคลับของหนูด้วย ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวที่ต้องทุ่มเท ทุกคนก็ต้องทุ่มเท ไม่ใช่แค่หนูที่เหนื่อย ทุกคนก็ต้องเหนื่อยเหมือนกัน ดังนั้นการต่อสู้ของวงนี้ การต่อสู้ของหนู ไม่ได้แปลว่ามีแค่หนูเท่านั้น คนที่สู้ไม่ได้มีแค่หนู แต่แฟนคลับของหนู เป็นคนที่ต้องสู้ไปกับหนูด้วย จะให้หนูเอาผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงแฟนคลับของหนูว่าเขาจะต้องเสียอะไรไปบ้าง หนูทำไม่ได้
หลังจากคิดทบทวน คิดแล้วคิดอีก หนูจึงสรุปได้ว่า หนูอยากให้ทุกคนเก็บเงินมาไว้จับมือหนูมากกว่า อย่างน้อยการมาจับมือ เราทั้ง 2 ฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนกำลังใจซึ่งกันและกัน ได้พูดคุยกันให้หายคิดถึงเนอะ มาจับมือหนูกันเยอะ ๆ นะคะ
สรุปก็คือ หนูเห็นว่ามันไม่คุ้ม ไม่ใช่สำหรับหนูที่ไม่คุ้ม เพราะถ้าเป็นตัวหนูคนเดียว ไม่มีอะไรที่ไม่คุ้มหรอกค่ะ มีแต่ได้ แต่มันไม่คุ้มสำหรับแฟนคลับของหนูค่ะ และเมื่อเห็นว่าไม่คุ้ม หนูก็อยากจะไปสู้ในเวทีอื่นมากกว่า เว้นแต่เจ้าของเวทีเขาจะไม่ต้องการหนู หรือแสดงออกให้หนูรู้ว่า หนูไม่มีค่าพอสำหรับเขา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมา หนูก็คงจะอยู่ไม่ได้ค่ะ หนูรักพวกคุณที่สุด อยากให้รู้ว่าทุกสิ่งที่หนูทำ หนูไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น หนูคิดถึงทุกคนเสมอ รักกันต้องไม่เห็นแก่ตัวและไม่เอาเปรียบกันค่ะ หนูรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ หนูรู้ว่าทุกการกระทำย่อมมีผลตามมาเสมอ และหนูจะยอมรับผลของการกระทำทุกอย่างที่หนูได้ทำลงไปค่ะ แล้วไว้เจอกันนะ"
