ฟรอยด์ พ้นผิด คดีเยลลี่กัญชามอม นศ. ยันไม่ฟ้องกลับ ให้น้องสำนึกเอง

          ก่อนหน้านี้ มีงานเข้าอย่างจังสำหรับนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ กรณีมีชื่อถูกพาดพิงว่ามอมนักศึกษาสาวด้วยเยลลี่กัญชา ทำให้เจ้าตัวต้องเข้าไปให้ปากคำกับทางตำรวจ ซึ่งยอมรับว่าเป็น ดารา ฟ. ที่ถูกกล่าวถึงจริง แต่ไม่ได้เป็นคนยื่นเยลลี่ให้น้องนักศึกษา

อ่านข่าว : ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ เปิดใจครั้งแรก ! หลังพบตำรวจ ปมโดนโยงมอมยานักศึกษา

          เรื่องดังกล่าวเงียบหายไปสักพัก กระทั่งล่าสุด (8 มกราคม 2563) ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ ออกมาอัปเดตความคืบหน้าของคดี ยืนยันว่า เรื่องจบไปแล้ว เพราะตนเป็นแค่พยานในคดีนี้เท่านั้น ตนไม่มีความผิดในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

อัปเดตคดีตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : มันไม่มีอะไรเลยครับ มันจบไปแล้ว เพราะอย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่แรกว่าผมเป็นแค่พยานในเหตุการณ์ครับ ก็จบ ส่วนที่เหลือก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไป

เรามีความกังวลอะไรบ้างไหม ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ไม่เกี่ยวอะไรเลยครับตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว มันจบตั้งแต่ตอนที่ผมไปให้ปากคำเพิ่มเติมแล้ว แค่นั้นเองครับก็จบเลย

หมายความว่าเราพ้นผิดจากที่เขากล่าวหาแล้วใช่ไหม ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : มันไม่ได้พ้นผิด เพราะว่าผมไม่ผิดครับ

ในส่วนของพยาน ตำรวจยังต้องเรียกเราไปให้ปากคำอะไรเพิ่มอีกไหม ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ไม่มีเลยครับ ผมว่าหากอยากรู้ลึกกว่านี้คงต้องไปถามเจ้าหน้าที่สืบสวนเอง อย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่แรกว่าเราบริสุทธิ์ใจที่จะให้ปากคำในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ

ตัวเราติดใจอะไรไหม ที่น้องผู้หญิงเพ่งเล็งมาที่เรา จนทำให้เราเสียหาย ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ผมไม่อยากเอาเรื่องแบบนี้มาคิดในตอนนี้แล้ว เพราะผมคิดว่ามันผ่านปีเก่ามาแล้ว คือผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่แล้ว ถ้าผมทำดีหรือทำไม่ดี ผมก็รู้อยู่แก่ใจ ในปีนี้ซึ่งเป็นปีใหม่ ผมก็ไม่อยากจะเอาเรื่องที่ผ่านมาแล้วที่มันเป็นเรื่องไม่ดีในชีวิตผม เข้ามาทำให้มันรกหัว รกสมองครับ

จากนั้นไม่ได้มีการติดต่อระหว่างน้องผู้หญิงเลยใช่ไหม ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ไม่ได้ติดต่ออยู่แล้ว เพราะผมไม่เคยรู้จักเขาอยู่แล้วครับ

ตัวเขามีความผิดอะไรไหมที่มากล่าวหาเรา ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ผมไม่สนใจนะครับ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาจัดการดำเนินคดีต่อเอง ผมไม่รู้เรื่อง ในส่วนของตัวผมเองมันยังไม่ได้มีผลอะไรกับงานผม ผมเลยยังไม่ได้ทำอะไรเขาครับ

ตอนนี้ทราบหรือยังว่าใครเป็นคนทำ ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : อันนี้ผมไม่ทราบนะครับ ไม่ได้ติดตามอะไรเลย อย่างที่บอกผมอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งอยู่ผิดที่ผิดทาง และกลายเป็นเอาชื่อเรามาใช้ในเรื่องนี้เท่านั้นเองครับ

จากนี้ไปต้องระวังตัวจากคนแปลกหน้าที่มาร่วมโต๊ะด้วยมากแค่ไหน ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : โห ตอนนี้ผมระวังตัวมาก เก็บตัวมาก และคือเลือกคนคบอะ คนไหนไม่ได้มีผลกับชีวิตเรามาก หรือไม่ได้จำเป็นที่จะต้องรู้จักคนใหม่ ๆ เราก็พยายามระวังตัวมากขึ้น เหมือนปีนี้มันเป็นปีที่ดี เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ผ่านมา มันสอนให้เราโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และระวังมากขึ้นด้วย คือไม่ได้ถึงกับไม่กล้าร่วมโต๊ะคนแปลกหน้าไปเลยนะครับ แต่เราจะมีที่ว่าง และคงจะไม่เฟรนด์ลี่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ต้องมีระยะห่างมากขึ้นในการที่จะรู้จักคนใหม่ ๆ ครับ

กลัวการไปปาร์ตี้เลยไหม ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : มันไม่เกี่ยวกับการปาร์ตี้ คือแค่การเจอคนใหม่ ๆ กับบางคนเราก็ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาหาเราในรูปแบบอะไร หรือเขาต้องการจะหวังอะไรจากเรา เราแค่ระวังตัว ไม่ได้เกี่ยวว่าเราจะไม่ออกสังคมเลย ไม่ไปเที่ยวไหนกับเพื่อนเลย หรือไม่สังสรรค์เลย อันนี้มันก็เกินไปครับ เราคงใช้ชีวิตปกติ แต่คนใหม่ที่จะเข้ามาคงจะยากขึ้นในการที่จะรู้จักกับผม

เราอยากให้น้องผู้หญิงรับผิดชอบอะไรไหม อย่างเช่น การโพสต์ขอโทษหรือชี้แจง ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : อันนี้ก็ต้องปล่อยให้เขาสำนึกด้วยตัวเอง ผมคงไปบังคับคนอื่นไม่ได้ครับ

ที่บอกว่าตอนนี้ไม่ได้กระทบกับงานแล้ว แสดงว่าคนอื่นก็เชื่อว่าเราไม่ได้ทำจริง ๆ ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ผมไปบังคับความคิดใครไม่ได้ครับ แต่ผมรู้ตัวอยู่แล้วว่าผมทำอะไรไป และผมเชื่อว่าคนที่รู้จักผมดี ผมอยู่ในวงการมานานเหมือนกัน คนที่รู้จักผมจริงเขาจะรู้ว่าตัวผมเป็นยังไง

โกรธน้องเขาไหม ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ผมปล่อยดีกว่า ผมก็ไปทำบุญ ไปทำบังสุกุล ล้างสิ่งที่ไม่ดีออกจากร่างกาย เพราะบางทีในชีวิตเรามีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามา มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่จะมาดึงตัวเราไปหน่อยหนึ่ง

ด้านน้องผู้ชายที่เรารู้จัก ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย มีโอกาสได้คุยกันไหม ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ไม่ได้คุยเลยนะ เพราะต่างก็แยกย้ายทำงาน ผมก็ยุ่งด้วย

สินค้าบางตัวที่ชะงักไป มีความเชื่อมั่นในตัวเราเหมือนเดิมหรือยัง ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ผมเชื่อมั่นในตัวเองพอ และคิดว่าลูกค้าที่จ้างผมก็คงเชื่อมั่นในตัวผม ผมไม่เคยมีอะไรที่เสียหายในวงการบันเทิงอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีหลักฐาน มันเป็นเพียงการกล่าวหาเท่านั้น ฉะนั้นผมคิดว่าสังคมน่าจะมีน้ำหนักพอที่จะเชื่อในเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่างภาพที่สื่อเอามาลงเป็นถุงขนม อันนั้นต้องแจงนะครับว่ามันไม่ได้เป็นของผม

ได้บทเรียนกับสิ่งที่ผ่านมายังไงบ้าง ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : อย่างที่บอกว่าการที่จะเจอใครใหม่ ๆ หรือคนแปลกหน้าที่จะเข้ามาในชีวิต ก็ต้องดูให้ดีและมีระยะห่างมากขึ้นครับ

เรามองว่ามันเป็นการใส่ร้ายเราไหม ?

          ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ : ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาต้องการอะไรเท่านั้นเองครับ