แพรว คณิตกุล เผยจุดแตกหัก ทำรัก ฟรอยด์ พัง ..ภาษารักเราไม่ตรงกัน

          แพรว คณิตกุล เปิดหมดเปลือก สาเหตุสะบั้นรัก ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ จบความสัมพันธ์ หลังคบกัน 5 ปี ตอนนี้หัวใจโอเคขึ้นแล้ว

          ถือเป็นอีกข่าวที่ทำให้หลายคนฮือฮาก่อนหน้านี้ สำหรับกรณีการเลิกรากันของนักร้องสาว แพรว คณิตกุล และนักแสดงหนุ่ม ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ ที่ดูเหมือนความรักจะราบรื่น แต่จู่ ๆ ทั้งคู่ก็ออกมาประกาศว่าได้ยุติความสัมพันธ์กันแล้ว หลังคบหาดูใจกันมากว่า 5 ปี จนคนอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ชี้แจงว่าเป็นเพราะความเป็นตัวเองของทั้งคู่

          ล่าสุด แพรว คณิตกุล ก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวความรักและเรื่องหัวใจในรายการ คลับฟรายเดย์ พร้อมเปิดเผยเหตุผลของการเลิกรากับ ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์ แบบหมดเปลือก

เรื่องหัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
          แพรว คณิตกุล : เรื่องหัวใจยังโสดอยู่ค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะไปแนวไหนยังไง หัวใจยังเข้มแข็งค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรถึงขั้นที่ต้องเสียใจหรืออะไร

กับ ฟรอยด์ ความรักเป็นยังไงเล่าหน่อย ?
          แพรว คณิตกุล : ของฟรอยด์เราเคยเจอกันมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมาเป็นแฟนกันเพราะว่าทำงานด้วยกัน แล้วรู้สึกว่าทำไมคนนี้ไฮเปอร์จัง แต่เขาทำงานดีนะ ดูลุย ตอนนั้นเรามีแฟนเลยไม่ได้คุยอะไรเขามาก พอหลังจากเราโสดเราก็จะไปกินข้าวกับเขาได้ เขาดูเริ่มนิ่งขึ้น สงบขึ้น เลิกปาร์ตี้ สังสรรค์แล้ว ช่วงโปรโมชั่นที่คบกันแรก ๆ หนูเหนื่อยมาก เพราะเขาจะมาปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้า พอหมดโปรโมชั่นหนูสบายมากเลย เพราะเขาจะมาตอน 8 โมงเช้า 5 ปีเป็นยังไงก็เป็นงั้น เขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธนาน แต่เขาจะรู้ตัวเองว่าอันนี้ทำแล้วมันไม่เวิร์กเขาก็จะเปลี่ยนตัวเองใหม่ เราก็จะไม่มานั่งขยี้เรื่องเก่า

เราสองคนต่างกันไหม ?
          แพรว คณิตกุล : ต่างในหลาย ๆ เรื่อง ความไฮเปอร์ยังมี เรื่องกิจกรรมเขาจะเอ็กซ์ตรีมมากกว่าแพรว แต่แพรวสามารถไปกับเขาได้หมดเลย ทั้งเดินป่า กางเต็นท์ ฟรอยด์เขาจะเป็นคนทำงานหนักดูแลครอบครัว นั่นคือจุดที่ดีของเค้าที่เราคบกันมาได้ยาว ๆ เขารักครอบครัว รักแม่ ไม่ได้เป็นคนที่แย่ ในหลาย ๆ เรื่องทำให้เรามองข้ามไปได้

          คือตอนที่เขาไปปั่นจักรยาน แพรวก็ไปซื้อจักรยานเพื่อไปปั่นกับเขา และจองทริปไปปั่นด้วยกันที่ต่างประเทศ แต่พอเขาข้ามขั้นซื้อเสือหมอบขั้นสุดราคาเป็นแสน ซึ่งเราก็ไม่สามารถทำได้ ฟรอยด์เขาจะเป็นคนตื่นเช้าลุกไปปั่นจักรยานตั้งแต่ตี 5 แต่ถ้าวันไหนมีงาน 10 โมง ก็จะตื่นเช้ากว่านั้นเพื่อไปปั่นรอบสุวรรณภูมิ ซึ่งแพรวไม่สามารถทำแบบนั้นได้ แล้วก็สามารถไปถ่ายรายการยัน 4 ทุ่มได้ พอเขาหมดแรงหลับ ก็จะไม่สามารถปลุกได้เลย อย่างถ้าแพรวรถชนหรืออะไรก็ตาม ก็ต้องโทร. ไปหาพี่เขาให้ไปปลุกน้อง ถึงจะได้คุยกับฟรอยด์

ถึงขั้นเข้าไปปรึกษากับแม่ของฟรอยด์ ?
          แพรว คณิตกุล : คือบ้านแพรวจะถูกสอนมาว่า ถ้าพ่อแม่ โทร. มาแล้วไม่ได้รับต้องรีบ โทร. กลับเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน แต่บ้านเขา เขาโตมาในบ้านที่ผู้หญิงแข็งแกร่ง บ้านมีแต่ผู้หญิง ถ้าแม่ไม่สบายหรือเป็นอะไรก็จะไปหาหมอเองได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะให้เขามาถามว่า เป็นยังไงกินยารึยัง สำหรับเขามันไม่คุ้นชินกับเรื่องราวแบบนี้ เราเลยเข้าใจ เพราะบางอย่างเรารับรู้ข้อมูลจากแม่มา เลยทำให้เราคบเขาได้ยาว

ดูเหมือนเราชิล เราเข้าใจเขาไปเสียหมดเลย ?
          แพรว คณิตกุล : มันมีในช่วงเวลาที่เรางอน เราไม่เข้าใจก่อนที่เราจะไปคุยกับแม่ว่าเป็นยังไง จนมาเข้าใจว่าเขาเป็นแบบนี้ เติบโตมาในบ้านที่แข็งแกร่ง

เคยทะเลาะกันแรงมั้ย ?
          แพรว คณิตกุล : ไม่ค่อยค่ะ เพราะบางทีแพรวก็เงียบ บางทีฟรอยด์ก็เงียบ แต่วันรุ่งขึ้นฟรอยด์โผล่มาแล้วไง และฟรอยด์จะไม่ค่อยหายไปเกิน 2 วัน มันก็เลยไม่มีอะไรที่รุนแรงมาก ก็ต้องขอบคุณเขาด้วยนะ ไม่ว่าจะผิดหรือไม่ผิดก็ตามเขาก็มาแล้วบอกว่าเขาอยู่นี่

ตอนที่จีบกันใครออกตัวแรงกว่า ?
          แพรว คณิตกุล : ฟรอยด์ค่ะ เขามองว่าเค้าเป็นผู้ชายจะต้องมาเทกแคร์ผู้หญิง แต่เห็นเขาแบบนี้เขาคิดเยอะเหมือนกัน เขาไม่มาคนเดียว เขาลากเพื่อนมาด้วย

ทำไมเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเวลาทะเลาะกัน ทำไมไม่เอ่ยปากขอโทษ ?
          แพรว คณิตกุล : คืออันนี้เราก็คุยกันว่าช่วยใส่ใจเราหน่อย เวลาเราไม่สบายหรืออุบัติเหตุช่วยใส่ใจเราเยอะ ๆ หน่อย เรื่องนี้เราคุย แต่ถ้าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผ่านมา อันนี้เราโอเค แต่ถ้าเรื่องไหนเราคุยซ้ำ ๆ เดิม ๆ เราก็จะไม่ชอบแล้ว ไม่อยากให้ตัวเองมีอารมณ์นั้น บางที 1 อาทิตย์เราเจอกัน 1 ครั้ง หรือ 2 อาทิตย์ 2 ครั้ง แพรวโอเคนะ อยู่ได้

          แต่ถ้าเรารถชนหรืออุบัติเหตุก็อยากให้เขามา มีครั้งหนึ่ง น้ำมันท่วมเข้ารถเรา เราก็ โทร. หาประกันและหาเขา เขาก็งัวเงียตื่นมารับสาย แล้วบอกว่า อยากให้ไปมั้ย เราก็ ฮึ ซึ่งเรารู้สึกว่า อันนี้เราต้องการเขา เขาควรเสนอตัวมาเลย แต่ถ้ารถชนต่างจังหวัดไม่ต้องมาแค่ถือสายคุยกับเราก็พอ ซึ่งอันนี้เราก็เข้าใจเขาอีกเพราะว่า เขาต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนดำน้ำเพื่อถ่ายละคร คือเรารถชนอยู่พัทยา ไปถ่ายหนังกลับมาก็เที่ยงคืนแล้ว แต่เราก็เข้าใจเขาเพราะเขากำลังนอนใช้พลังมาทั้งวัน จะให้เขาขับรถมาก็ไม่ได้มั้ง แค่อยากให้อยู่เป็นเพื่อนด้วยในสายโทรศัพท์ แต่สุดท้ายก็ให้วางหูไปเพราะเข้าใจที่ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ตัวแพรวก็ได้แต่ไลน์ไป จากเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นหลายครั้ง และแพรวก็เป็นคนที่ไม่ชอบพูดอะไรแบบนี้ซ้ำ ๆ ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปโมโหอะไรแบบนี้

มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เราระเบิดออกมา ?
          แพรว คณิตกุล : ทุกอย่างของแพรวจะไม่ค่อยระเบิด แต่จะค่อย ๆ ออกมา เราจะไม่ค่อยทะเลาะกันในโทรศัพท์ แต่จะคุยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ไปเรื่อย ๆ ตามสูตร เขาจะไม่พูดอะไรเลยฟังอย่างเดียว

เหมือนเข้าใจทุกสิ่ง แต่ยอมรับไม่ได้สักอย่าง ?
          แพรว คณิตกุล : คือได้บางอย่าง จะมานั่งโทษเขาอย่างเดียวไม่ได้ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เขาอย่างเดียว มันอยู่ที่เราด้วยว่าไหวไหม แบบนี้โอเคไหม อยากให้สถานการณ์แบบนี้อยู่ต่อมั้ย เราจะไม่เอาอายุมาเป็นตัวกดดันว่าต้องเลือก

แพรวกับฟรอยด์อายุห่างกันมากไหม ?
          แพรว คณิตกุล : 4 ปี ค่ะ

ปัญหาหลัก ๆ ที่ทำให้ไปต่อไม่ได้คืออะไร ?
          แพรว คณิตกุล : มันไม่มี แต่เป็นปัญหาที่รวมกันหลายเรื่องซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ คนอาจจะมองว่าเราทั้งคู่เป็นคนลุย แต่มันมีมากกว่านั้น เช่น ภาษารัก การกอด การสัมผัส คำพูดดี ๆ เราแตกต่างกันตรงจุดนี้ ฟรอยด์จะเป็นคำพูดดี ๆ แต่สำหรับแพรวก็จะพูดไปด้วยสัมผัสไปด้วย กอดไปด้วย ภาษารักเราคนละแบบกัน สำหรับแพรวแค่คำพูดมันไม่ได้ เราต้องการการแสดงออก การกอด การปลอบใจ การวิ่งมาหา ณ เวลานั้น ภาษารักเราไม่ตรงกัน

เคยคุยกันเรื่องจุดหมายปลายทางไหม ?
          แพรว คณิตกุล : ไม่เคยคุยในเรื่องอนาคตเรื่องลูกค่ะ แต่เรื่องแต่งงานมีบ้าง แต่ของฟรอยด์เขาจะไม่ค่อยนิ่งค่ะ เขาจะเป็นคนเริ่มคุยก่อน

เคยแยกกันเพื่ออะไรจะดีขึ้นไหม ?
          แพรว คณิตกุล : แพรวเลือกคุยในวันที่ครบรอบเผื่ออะไรจะดีขึ้น จะปรับเปลี่ยนได้ไหมหรือเข้าใจได้ไหม แต่แพรวเคยเห็นบางคู่ที่แยกกัน 3 เดือน ว่าจะเป็นยังไงพอกลับมา แต่ฟรอยด์บอกว่าไม่เอาหรอก งั้นเลิกไปเลยถ้า 3 เดือน แต่ทีนี้พอหลังจากนั้นเขาก็อยากลอง 3 เดือน เราเลยรู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์หรอกกับความเป็นเขา ซึ่งเราโอเคกับแค่บางอย่าง ถามว่าทำไมเพิ่งรู้หลังจากคบ 5 ปี แน่นอนว่ากว่าเราจะรู้ภาษาของแต่ละคนลึกซึ้งมันต้องผ่านเหตุการณ์อะไรมาแล้ว ก็เลยไม่ได้ใช้วิธีห่างกันสักพักเพราะมันไม่มีประโยชน์

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก newtv