แตงกวา อดีตภรรยา เอ พศิน กลับลำไม่ใช่ทอม แค่ชอบแต่งแมน ๆ - อยู่บ้านเดียวแต่นอนคนละห้อง

         รายการ ถามสุดซอย ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.20 - 23.15 น. ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส เปิดใจสัมภาษณ์ แตงกวา จิราพร สายบัวคำ อดีตภรรยา เอ พศิน เปิดตัวเป็นทอม และสาเหตุทำไมต้องบอกเลิกกันอ้างถือเคล็ดบูชาพญานาค

         แตงกวา : ตอนนั้นไปทำงานที่คลินิกความงาม พี่เอน่าจะมาใช้บริการ แต่ไม่ได้ทักกัน

         แตงกวา : ไม่มีใครจีบใครเลย ตั้งแต่ทักกันก็เป็นเพื่อนกันตลอด จนปีหนึ่งก็เลยรู้สึกว่าลองเป็นแฟนกันดีกว่า

         แตงกวา : เรารู้จักมาปีหนึ่งแล้ว รู้สึกว่านาน พี่เขาเป็นคนใจเย็น ไม่จู้จี้จุกจิก เป็นผู้ใหญ่พอ อายุห่างกัน 22 ปีค่ะ

         แตงกวา : ก็ด้วยค่ะ

         แตงกวา : ไม่ได้พลาดนะคะ เราไปไหนมาไหนเป็นเพื่อนกัน ก็รู้สึกว่ามีก็มี ไม่ได้คิดล่วงหน้าด้วย

         แตงกวา : ตกใจ เพราะตอนนั้นยังไม่ได้บอกว่า เราต้องคบกันจริงจัง

         แตงกวา : ก็เรื่อย ๆ ค่ะ ไม่เชิงหวานสวีตเป็นแฟน อยู่กันแบบพี่น้องสบาย ๆ

         แตงกวา : ตั้งแต่เป็นแฟนก็จะรู้สึกว่ามีสิทธิ์หึงหวง เป็นห่วง หงุดหงิดตัวเอง (หัวเราะ) เราขี้หึงบ้างค่ะ ก็เลยเปลี่ยนสถานะดีกว่า เป็นเพื่อนดีกว่า คบกันได้นานกว่าเป็นแฟนด้วย

         แตงกวา : ไม่เกี่ยวค่ะ เกี่ยวกับหนูกับพี่เอล้วน ๆ

         แตงกวา : ทีแรกคิดไปเองว่าเราเพิ่งบูชาพญานาค ไป ๆ มา ๆ นั่งคิดจะไปโทษท่านทำไม ทั้งที่อยู่ที่ตัวเราล้วน ๆ ท่านไม่เกี่ยว

         แตงกวา : ใช่ค่ะ

         แตงกวา : ทั้งคู่ค่ะ จับเข่าคุยกัน บางทีหึงหวงก็ลำบากใจกันทั้งคู่

         แตงกวา : ใช่ค่ะ

         แตงกวา : จริง ๆ ไม่เกี่ยวกับท่านเลยค่ะ คนเลิกกันมีเหตุผลของแต่ละคนอยู่แล้ว จริง ๆ เข้าใจผิดไปเอง เราบูชาจริงแต่เรื่องเลิกไม่เกี่ยวค่ะ

         แตงกวา : จริงค่ะ แยกกันแล้ว แยกห้องนอนอยู่

         แตงกวา : ใช่ค่ะ น่าจะถึงเวลา ไม่น่าจะใช่คนที่ต้องรักกันในฐานะคู่รัก และไม่มีเรื่องมือที่สาม ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน งงไหมคะ (หัวเราะ)

         แตงกวา : เริ่มจากฝันค่ะ แตงฝันว่าไปเที่ยวถ้ำ ๆ หนึ่ง แล้วมืดมาก ไปทั้งครอบครัว สักพักครอบครัวหายไปหมด เหลือแตงลอยเรืออยู่คนเดียว สักพักมีพญานาคว่ายน้ำมาแล้วโผล่หัวขึ้นมาเหมือนจะฉกแตง แตงก็หนีขึ้นฝั่ง เขาก็ว่ายตาม สักพักกลายร่างเป็นคน เป็นผู้ชาย หล่อ สูง สมาร์ตเลย ก็เข้ามากอดแตง เหมือนความรู้สึกว่าเขาเป็นสามี เขาบอกหนีมาทำไม ทำไมไม่อยู่กับเราในถ้ำ แตงไม่เชื่อเรื่องที่มองไม่เห็นเลยค่ะ แต่อยู่ดี ๆ แตงไปวัดหนึ่งอยู่ที่เชียงราย ตั้งใจไปทำบุญ แล้วอยู่ดี ๆ ก็ยืนร้องไห้หนักมาก ลืมตาไม่ขึ้น สงสัยดูหนังเยอะ กลัวตัวเองเหมือนในหนัง ร่างออกแล้ววิญญาณอื่นเข้ามาแทน (หัวเราะ) แต่ก็ลืมตาไม่ขึ้น จนต้องพูดความฝันให้พระฟัง พระบอกว่ามีถ้ำอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนในความฝันเลย

         แตงกวา : ใช่ค่ะ ไม่ได้ใส่ใจเลยตอนนั้น พระบอกว่ามีถ้ำ ไปดูก็เหมือนในฝัน แค่ไม่มีน้ำ พระท่านก็บอกว่าถึงเวลาแล้วแหละว่า ต้องบูชาอะไร ไปลองศึกษาดูว่าพญานาคเป็นยังไง เราก็อยากรู้อยากเห็น ถ้าพญานาคมีจริง แตงขอให้ได้โชคหน่อย พอสิ้นเดือนมาถูกหวย ท้าทาย (หัวเราะ) ตอนนั้นเราไม่เชื่อเลย หลังจากนั้นก็ยังไม่เชื่อ ขอเรื่องงานอีกค่ะ ถ้าแตงพูดออกไป งานนี้เขาติดต่อมา ขอให้คอนเฟิร์ม อย่างโฆษณาหรือรีวิว อธิษฐานภายใน 3 วัน แล้วก็ได้หมดเลยค่ะ ก็เลยพอแล้ว ไม่ท้า ไม่พูดแล้ว เอาท่านมาบูชา แต่เป็นองค์สีดำค่ะ

         แตงกวา : ยังไม่ได้คิดค่ะ เกือบปีมั้งคะ

         แตงกวา : งานดีขึ้นค่ะ ได้โชคโดยไม่รู้ตัว ไม่ค่อยขอเรื่องความรัก ขอแค่งานและสุขภาพ

         แตงกวา : คิดเองค่ะ (หัวเราะ)

         แตงกวา : ไม่ได้เป็นทอม แตงชอบลุคนี้มากกว่า

         แตงกวา : แตงเป็นตัวของตัวเองค่ะ เป็นผู้หญิงสตรองอยู่แล้ว เหมือนแมน ๆ ด้วยซ้ำ ตอนผมยาวแตงก็แมน ๆ แต่งตัวเท่ ๆ แต่คนไม่ได้โฟกัสเพราะผมยังยาว

         แตงกวา : พูดแหย่เล่น (หัวเราะ) แตงคิดว่าแตงเป็นอะไรก็ได้ค่ะ ที่เป็นตัวของตัวเองและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อย่างน้อยต้องเป็นแม่ที่ดีให้ลูก

         แตงกวา : มีดู ๆ อยู่ แต่ไม่พูดดีกว่า สถานะโสดเหมือนเดิมค่ะ

         แตงกวา : ยังไม่โฟกัสตรงนั้นเลยค่ะ คิดเรื่องงานอย่างเดียวเลย ไม่ได้คิดเรื่องมีใหม่ เพราะตอนนี้แตงเปลี่ยนมาเป็นช่างภาพถ่ายแนวพรีเวดดิ้ง

         แตงกวา : ใช่ค่ะ เรื่องดูแลลูกก็สลับกัน ใครไม่ไปทำงานก็ดูแลลูก ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน

         แตงกวา : แตงว่าแยกไม่ได้ แตงเอาตัวเองไปอยู่ในจุดของลูก ถ้าแตงเป็นลูก ก็ไม่อยากให้พ่อแม่แยกทางกัน อยากมีทั้งพ่อและแม่ และแตงก็แยกไม่ได้ เพราะแตงอยู่กรุงเทพฯ ตัวคนเดียว พี่เอเป็นที่ปรึกษาที่ดีมากสำหรับแตง

         แตงกวา : หนูเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ก็ได้ค่ะ  (หัวเราะ) ไม่มีใครมานั่งเสียใจ มันเสียเวลาค่ะ

         แตงกวา : ก็แยกค่ะ ให้พี่เอออก เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเลโก้ พี่เอออกไปสร้างครอบครัว ถ้าเมื่อไรอยากจะออก

         แตงกวา : ไม่ใช่ค่ะ ข่าวผิดหมดเลย เลิกกันแล้ว มีสิทธิ์ที่เขาจะเปิดใจ แตงรู้ไม่ใช่ไม่รู้ มีหลังจากเลิกกันแล้ว ก่อนเลิกไม่มี

         แตงกวา : ตอนนี้ก็บอกเลโก้ประจำว่าแม่กับป่ะป๊าเป็นเพื่อนกันแล้ว รักกันมาก

         เอ : เดิมทีเราศรัทธาในพระพุทธเจ้า ผมก็เขียนหนังสือเกี่ยวกับบรรพบุรุษพระพุทธเจ้าและศึกษาเรื่องธรรมะมาตลอด พอเราศึกษาเรื่องพญานาคที่คุ้มครองพระพุทธเจ้า ก็รู้สึกว่ามีความสุขใจในการได้นับถือศรัทธา ผมกับแตงกวาก็ศรัทธาในสิ่งเดียวกัน แตงกวาเริ่มสัมผัสสิ่งลี้ลับได้ก่อน ก็เลยรู้สึกว่าน่าสนใจ

         เอ : เขาบอกว่าคนที่บูชาพญานาค จะไม่สมหวังเรื่องความรัก เราก็พยายามหาข้อพิสูจน์ อะไรที่สามารถทำให้เราสบายใจเราก็จะทำ ก็มีคนแนะนำว่าถ้าเป็นอย่างนี้ เราจะสร้างวัตถุมงคลไปทางสายนี้โดยตรง ก็ต้องมีการแก้เคล็ด เขาบอกว่าจะมีบททดสอบต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต บางคนก็ความรัก ครอบครัว เงินทอง ธุรกิจ จะโดนไม่เหมือนกัน เมื่อผ่านไปแล้วจิตเราจะนิ่ง จะเมตตา ให้อภัย เหมือนอัปเลเวล แตงกวาเขาจะมีเซ้นส์มากกว่าผมในช่วงแรก เขาจะชัดเจนมาก ไปบางที่เขาจะมีพลังงานที่สื่อสารกับตัวเขาจิตเขา ช่วงแรกผมก็ยังไม่มี แต่พอเริ่มเขียนภาพก็มีสมาธิ เริ่มสื่อสารอะไรบางอย่างได้ทางร่างกายกับจิตเรา

         เอ : ผมว่าถ้านับถือเกี่ยวกับเทวะวิทยา หรือพุทธเทวะ ก็จะเชื่อว่ามีเทวดาประจำตัว ไม่งั้นเราคงไม่ดูฤกษ์เกิดว่าเทวดาประจำตัวเป็นองค์ไหน บังเอิญเรานับถือองค์พญานาค ปู่ย่า ขอพร ขอความสงบสุข รุ่งเรือง เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็น่าจะมีสิ่งเดียวกันคุ้มครอง หรือมากกว่านั้น แต่จิตมนุษย์ไปไม่ถึง เพราะเราไม่ใช่เกจิอาจารย์

         เอ : ช่วงนั้นก็จริงนะ มีช่วงหนึ่งร้อน ๆ หนาว ๆ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเวลาทำอะไร แล้วมีอุปสรรคเยอะ ก็มีคนแนะนำว่าเอางี้ไหม ไหน ๆ เราก็มาสายนี้เต็มตัว

         เอ : ไม่ใช่หรอกครับ ผมเป็นคนก่อนพูดหรือคิดอะไร เป็นสิ่งที่เกิดจากการวิเคราะห์ หาเหตุผล ผมเชื่ออะไรยาก ไม่ใช่งมงายเรื่องพวกนี้ กว่าจะเชื่อต้องผ่านการพิสูจน์มากับตัวเอง

         เอ : ทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยากจะเลิกนะครับ คือสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้คือครอบครัว ผมว่าเลิกโฟกัสเรื่องเลิกไม่เลิก หย่าไม่หย่า เรื่องราวที่ผ่านมาไม่ใช่เวย์แล้ว เป็นเรื่องการเราอยู่ยังไงถึงมีความสุขดีกว่า

         เอ : ก็มีเราในครอบครัว มีลูกชายเป็นศูนย์กลาง มีแตงกวาที่เราพร้อมซัพพอร์ตในสิ่งที่เขาทำ บางอย่างพออยู่ในสถานะสามีภรรยามันคุยกันยาก

         เอ : ผมว่าปัจจุบันครับ เราโฟกัสที่ความสุขของเขา และความสมบูรณ์ในชีวิตของลูกด้วย ถ้าเขามีเป้าหมายแล้วไปไม่ถึง เขาอยากจะลองแล้วเราไม่ให้ลอง เหมือนเราอยากทำงานแบบนี้แต่พ่อแม่ไม่ให้ทำ จะลองเสี่ยงทำงานแบบนี้แต่พ่อแม่ไม่ให้เสี่ยง เราก็จะติดอยู่ในใจว่าทำไมไม่ให้โอกาสเรา

         เอ : ไม่ใช่ เป็นเรื่องเป้าหมายในชีวิตที่ต้องอาศัยเวลา ผมก็เชื่อมั่นว่าเขาทำได้

         เอ : มีเหตุผลมากมายสำหรับครอบครัว ผมบอกเลยว่าอาชีพผมเป็นนักแสดง เป็นสาธารณะ แต่ว่าเหตุผลบางอย่างที่เป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่สาธารณะ ถ้าเราโฟกัสที่ปัจจุบัน เราดูแลลูก เราไม่เคยสะกดคำว่าเราทำหน้าที่ แต่เราอยู่ตรงนี้เรามีความสุข เขาทำสิ่งที่อยากทำได้โดยเราไม่ได้ปิดกั้น เขาก็ยอมรับเรา เราก็ยอมรับเขา ลูกเราก็มีความสุขอย่างที่เห็น ผมว่าเป็นความสุขที่สมบูรณ์

         เอ : เขาไม่เคยบอก (หัวเราะ) เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา สำคัญตรงที่เขาเบียดเบียนคนอื่นหรือเปล่า เห็นแก่ตัวหรือเปล่า ตรงนี้สำคัญที่สุด เพราะคนมีลักษณะพิเศษในวงการนี้ ผมว่ามีเป็นล้านคน และประสบความสำเร็จเยอะ ฉะนั้นใครอยากเป็นอะไร อยากแต่งตัวยังไงก็เป็นสิทธิ์ของเขา ชีวิตของเขา เราให้เกียรติเขาก็ต้องยอมรับในตัวตนเขาได้ทุกอย่าง

         เอ : น่ารักดีนะครับ (หัวเราะ)

         เอ : ผมว่าคนเราเติบโตไปตามวุฒิภาวะและเวลาด้วย ตอนนี้เขาค้นหาตัวเองเจอแล้วว่าเขาชอบถ่ายภาพ เวลาผมยาวก็ไม่สะดวก

         เอ : รับได้ครับ คือเวลาเรารัก เราเมตตา ปรารถนาดีต่อใคร ยังไงก็ได้ แค่เห็นเขาประสบความสำเร็จยังไงก็ได้ มันคือการให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าเราไม่เห็นแก่ตัว เรามองเขาอย่างที่เรามองตัวเองเราก็จะรู้สึกได้ว่าการให้มันยิ่งใหญ่

         เอ : ยากครับ อย่างที่ทราบเราก็ยังช่วยกันดูแลลูก ตอนนี้ก็เปิดเผยให้คนทั้งโลกรู้แล้วว่าเป็นแบบนี้ เพื่อให้การทำงานสะดวกขึ้น ถ้าคนที่สาม ที่สี่จะเข้ามา ก็เป็นเรื่องที่เราต้องให้เกียรติเขา ยังไม่ใช่เวย์ เราต้องโฟกัสที่ลูกก่อนอยากให้ลูกเติบโต อีกความคิดเห็นที่สำคัญคือความคิดเห็นของลูก เมื่อเขาโตขึ้น

         เอ : ถามน้องหรือยังครับ (หัวเราะ) ทุกสิ่งในโลกไม่แน่นอน เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปได้เสมอ ถ้าเรามีความรักปรารถนาดีต่อกัน สิ่งดี ๆ ก็เกิดขึ้นได้ตลอด และผมก็ยังมีอยู่

         เอ : สวัสดีครับสาวหล่อ (หัวเราะ) สำหรับเราไม่ต้องพูดเขาก็เข้าใจในสิ่งที่เราทำ มีความหมาย มีความสำคัญกับชีวิตคนคนหนึ่งที่สำคัญที่สุดในโลกของเรา หนูจะทำอะไรก็ได้ ยังไงก็อยู่ในความห่วงใยของป๊ากับลูกอยู่เสมอ จะเป็นกำลังใจและซัพพอร์ตตลอดไป ผมสัญญากับคุณพ่อเขาไว้แล้วว่าจะดูแลเขาตลอดชีวิต

         แตงกวา : ตอนนี้คิดว่าแบบนี้ดีกว่าค่ะ

         แตงกวา : หนูว่าได้นะ ถ้าพี่เอแยกไปแล้ว วันหนึ่งคิดถึงลูกก็กลับมานอนบ้าน ให้แฟนมาด้วยก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ติดอะไร

         แตงกวา : ใช่ค่ะ แบบนี้แฮปปี้กว่า

         แตงกวา : ใช่ค่ะ ตอนนี้เป็นเพื่อนกันล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่มีหึงหวงเลย แฮปปี้กับตอนนี้ที่สุดค่ะ