ทำเอาหลายคนตกใจ เมื่อนักร้องลูกทุ่งสาว หญิงลี ศรีจุมพล อัดคลิปประกาศหากเสียชีวิตก่อนมีทายาท ขอยกทรัพย์สิน 50 ล้าน สร้างมูลนิธิเด็กกำพร้า สำหรับรีสอร์ต "หญิงลีลั้ลลา" มูลค่ากว่า 20 ล้าน ให้ขายทอดตลาดเพื่อนำเงินเข้า "มูลนิธิหญิงลั้ลลา" และยังให้ บุ๋ม ปนัดดา เป็นคนดูแลมูลนิธิด้วย
อ่านข่าว : หญิงลี อัดคลิปพินัยกรรม หากเสียชีวิตก่อนมีลูก มรดก 50 ล้านให้ใคร - แฟนคลับหวั่นซึมเศร้า
ล่าสุด (26 มกราคม 2564) บุ๋ม ปนัดดา ได้เผยผ่านทางไนน์เอ็นเตอร์เทน เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตอนที่เรารู้ว่าหญิงลีไลฟ์พูดถึงก็โทร. สายตรงเข้าไปหา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เครียดอะไรหรือเปล่า น้องก็บอกว่าใช่ เครียดปัญหาส่วนตัว เรื่องในครอบครัวที่มันแก้ปัญหาไม่ได้ ใช้ธรรมะแก้ ปลงกับชีวิตตัวเองว่าวันหนึ่งคนเราก็ต้องตาย วิ่งงานทุกวันก็มานั่งคิดว่าถ้าตายไปทรัพย์สมบัติจะทำยังไงต่อ เพราะไม่มีทายาท เขาก็เลยอยากจะทำทุกอย่างให้เรียบร้อย เลยทำคลิปดังกล่าว ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเราก็ทำแล้ว จัดการให้เรียบร้อยดีกว่าให้ญาติมาทะเลาะกัน
หญิงลีเขาก็คิดว่าเขาอยากจะใช้สิ่งที่ตัวเองสร้างมาเพื่อสาธารณกุศล โดยการยกตึกให้เป็นมูลนิธิเด็กกำพร้า หรืออื่น ๆ คิดว่าที่รีสอร์ตจะทำยังไง เงินที่จะแบ่งให้พ่อแม่ด้วย เราก็พยายามบอกว่าด้วยจิตอันเป็นกุศลของน้องจะทำให้น้องอยู่อีกนาน อย่าไปสนใจอะไร อย่าไปเครียด ปัญหาครอบครัวเชื่อว่าต่อให้เป็นคนดังหรือไม่เป็นคนดังก็มี ญาติไม่เป็นดังใจ ญาติสร้างปัญหาให้กับเรา ยิ่งเป็นครอบครัวคนไทย ใครที่มีเงินเยอะก็จะเป็นที่พึ่งพาของคนอื่น ๆ ในครอบครัวที่ทำงานบ้าง ไม่ทำงานบ้าง หรืออาจจะเป็นพ่อแม่เอาเงินจากเราไปช่วยคนที่ไม่ทำอะไร เราเองก็รู้สึกไม่สบายใจ
เราก็เลยแนะนำน้องว่าให้พ่อแม่ประมาณนี้ ถ้าเขาจะเอาไปให้ใครเราก็หลับหูหลับตาเอา แต่เราก็ให้เท่านี้ ไม่ให้มากกว่านี้ เราก็ค่อย ๆ คุยกับหญิงลีไป สุดท้ายเขาก็บอกขอบคุณเราที่เข้ามาคุยกับเขา แล้วก็ขอโทษที่ตอนไลฟ์พูดว่าจะให้เราเป็นคนจัดการตึกกับมูลนิธิ เพราะพี่บุ๋มน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ โดยที่ไม่ได้โทร. หาพี่บุ๋มก่อน เราก็บอกไปว่าเราไม่มีปัญหา เราเข้าใจ
เขาก็กลัวดราม่าเรื่องว่าจะทำมูลนิธิ กลัวคนมาว่าว่าจะมีการเรี่ยไรเงินมั้ย เดี๋ยวเราจะพาน้องไปทำบุญด้วยกัน ช่วยเหลือเด็กอ่อนที่พ่อแม่ติดอยู่ในคุก ด้วยประสบการณ์น้องจะสร้างมูลนิธิได้เอง เราจะช่วยด้วย แต่เชื่อว่าอีกนานแหละ หญิงลีแข็งแรง ไม่ได้ป่วยเป็นอะไร แต่เป็นเจตจำนงของน้องเขาว่าจะเอาตึกไปทำอะไร เราก็จะให้น้องเริ่มทำสิ่งอื่น ๆ ก่อนที่จะทำมูลนิธิขึ้นมา
ส่วนเรื่องในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงมั้ย เชื่อว่าครอบครัวเขาคงเข้าใจ คงไม่อยากมานั่งทะเลาะกันตอนหลัง ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เพราะนี่เป็นเจตจำนงของเจ้าตัว เราอาจจะดึงน้องมาทำงานด้วยกันก่อนเพื่อให้น้องสบายใจ เป็นสิ่งที่เขาอยากจะทำ ตึกเขาใหญ่มาก อาจจะทำเป็นที่พักฉุกเฉินร่วมกับภาครัฐได้
สำหรับสภาพจิตใจของเขานั้น มันเป็นปัญหาครอบครัวที่คนอื่นเข้าไปยุ่งไม่ได้ ได้แต่ให้กำลังใจ ได้แต่บอกว่าไม่ใช่ครอบครัวหญิงครอบครัวเดียวที่เจอภาวะแบบนี้ เชื่อว่าอีกหลาย ๆ คนที่ทำงานหนัก เราเหมือนต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีทั้งกาฝาก มีทั้งนก หนอน สัตว์ต่าง ๆ เข้ามาพักพิงเรา ถ้าเราเข้มแข็งมากพอ เราก็จะเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ให้ที่พักพิงได้ เราก็จะภูมิใจที่เราเก่ง เรามีความสามารถ เขาเลยต้องมาพึ่งพาเรา เพราะฉะนั้นขอส่งกำลังใจให้กับคนที่ต้องแบ่งตังค์ให้กับคนในครอบครัว ทั้งแบบเต็มใจและไม่เต็มใจ อะไรที่หนักเกินไปก็อาจจะต้องแบ่งเบาบ้าง