เป็นหนึ่งในนางงามซึ่งกลายมาเป็นที่พูดถึงอย่างมากในหมู่ชาวโลก สำหรับ ตูซาร์ หวิ่น วิน (Thuza Wint Lwin) สาวงามจากเมียนมา ซึ่งเดินทางจากบ้านเกิดมาร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2020 (Miss Universe 2020) ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนจะปรากฏตัวในรอบชุดประจำชาติ พร้อมกับการชูป้าย "Pray for Myanmar" เพื่อ Call Out ถึงเหตุการณ์รัฐประหารในเมียนมา ที่ทหารเข่นฆ่าสังหารประชาชนจำนวนมาก
อ่านข่าว : ตูซาร์ หวิ่น วิน นางงามเมียนมา ชนะชุดประจำชาติ Miss Universe 2020 !!
การกระทำของเธอที่ยืนหยัดสู้เพื่อประชาธิปไตย สื่อข้อความไปถึงคนทั่วโลก บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเธอต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายกว่าจะถึงจุดนี้ และยังมีสิ่งที่ต้องสูญเสียกับทางเลือกของเธอ
โดยในบทสัมภาษณ์กับ นิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ตูซาร์ หวิ่น วิน ยอมรับว่าเธอต้องเผชิญกับความตึงเครียดและหวาดกลัวตั้งแต่ตอนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ จนถึงขั้นต้องปลอมตัวที่สนามบิน และจนถึงตอนนี้ที่เธอตัดสินใจเป็นกระบอกเสียงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศบ้านเกิด ทำให้เธอเชื่อว่าตัวเองคงไม่ปลอดภัยถ้าจะกลับไปยังเมียนมา
และเมื่อการประกวดมิสยูนิเวิร์สสิ้นสุดลง เธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปอยู่ที่ไหนดี...
ความฝันวัยเด็ก สู่การขึ้นเวทีประกวด
ตูซาร์ หวิ่น วิน ซึ่งให้สัมภาษณ์จากฟลอริดา สหรัฐฯ บอกเล่าว่า ในตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอมักจะดูการประกวดมิสยูนิเวิร์ส และเฝ้าหวังว่าตัวเองจะได้เป็นหนึ่งในตัวแทนของประเทศขึ้นไปยืนบนเวทีนั้นบ้าง เธอเริ่มต้นการประกวดนางงามเมื่อปีที่แล้ว ด้วยความรู้สึกประหม่าและตื่นเต้น จนในที่สุดก็สามารถคว้ามงกุฎและตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สเมียนมา มาครองได้สำเร็จ และคว้าตั๋วเข้ามาแข่งขันบนเวทีระดับโลก
ความหมายของการประกวด ที่เปลี่ยนไป
แต่ในขณะนี้ การเป็นตัวแทนของประเทศมอบความหมายใหม่แก่ตัวเธอ จากแค่การก้าวตามความฝัน เธอหวังจะใช้เวทีนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนานาชาติ สู่การเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา และร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติให้ปลดปล่อยผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ถูกทหารควบคุมตัว
ช่วงเวลาแห่งความหวาดกลัว จากปากคนเมียนมา
“พวกเขาเข่นฆ่าคนของเราราวกับสัตว์ มนุษยธรรมอยู่ที่ไหน โปรดช่วยเราด้วย ที่นี่เราไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว” เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนเดินทางออกจากเมียนมามายังสหรัฐฯ
อนึ่ง นับตั้งแต่ผู้นำทหารก่อรัฐประหารเมียนมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ชาวเมียนมาหลายล้านคนพร้อมใจกันลงถนนออกมาเดินขบวนประท้วง ท่ามกลางการตอบโต้รุนแรงจากกองทัพและตำรวจที่สังหารเหี้ยมผู้ประท้วงกว่า 780 ชีวิต และจับกุมอีกกว่า 3,900 คน
ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ของการเคลื่อนไหว ตูซาร์ หวิ่น วิน วัย 22 ปี ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมประท้วง เธอออกไปถือป้ายเรียกร้องให้ปลดปล่อย ออง ซาน ซูจี และคอยแจกจ่ายขวดน้ำแก่ผู้ประท้วงคนอื่น ๆ เธอยังบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของผู้ที่ถูกสังหารระหว่างการสลายการชุมนุมด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยโพสต์ภาพแสดงการต่อต้านรัฐบาลทหารผ่านเฟซบุ๊ก
ตูซาร์ หวิ่น วิน เล่าว่า การโจมตีของทหารทำให้ผู้คนใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว “ในบางครั้งพวกเขาจะยิงเราอย่างไม่ลังเล เรากลัวทหารของเราเอง เมื่อเราเห็นทหาร สิ่งที่ทุกคนรู้สึกก็คือ ความโกรธแค้นและความหวาดกลัว”
กลัวจะถูกจับ ก่อนถึงวันประกวด
ทุกเย็นทหารจะมีการประกาศออกหมายจับคนที่มีชื่อเสียง และคนอื่น ๆ ที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาล ซึ่งบางชื่อก็เป็นคนที่ ตูซาร์ หวิ่น วิน รู้จักดี ก่อนที่จะเดินทางมายังสหรัฐฯ เธอต้องเฝ้าดูโทรทัศน์ด้วยความกังวลว่าจะมีชื่อของตัวเองอยู่ในกลุ่มคนที่ทหารต้องการตัวหรือไม่ เธอเห็นรายงานข่าวคนที่เธอรู้จักถูกจับขณะจะออกนอกประเทศ ดังนั้นขณะอยู่ที่สนามบินในย่างกุ้ง เธอจึงตัดสินใจสวมเสื้อฮู้ดและแว่นตาเพื่อไม่ให้ใครจำได้ ก่อนที่จะเดินทางมาร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์สที่สหรัฐฯ
“ฉันต้องผ่าน ตม. และฉันก็หวาดกลัวมาก” ตูซาร์ หวิ่น วิน เล่าถึงความรู้สึกในวันนั้น
เธอเชื่อว่าคงไม่ปลอดภัยแล้วที่เธอจะกลับไปเมียนมาหลังจากออกมาพูดต่อต้านรัฐบาล และเธอก็ไม่รู้จะไปที่ใดเมื่อการประกวดสิ้นสุดลง
อุปสรรคที่ต้องเผชิญ
สถานการณ์ในประเทศไม่ใช่เพียงอุปสรรคเดียวที่ ตูซาร์ หวิ่น วิน ต้องเผชิญระหว่างเส้นทางสู่เวทีมิสยูนิเวิร์ส โดยตอนที่เธอเดินทางมาถึงสนามบินในฟลอริดา สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เธอกลับทราบว่าทางสายการบินทำกระเป๋าเดินทางของเธอหายไป
ภายในกระเป๋าใบนั้นคือชุดที่เธอต้องใช้ในการประกวด รวมถึงชุดประจำชาติสุดวิจิตร ที่ควรจะได้เฉิดฉายบนเวทีโลก
อย่างไรก็ตาม นับเป็นโชคดีที่ ตูซาร์ หวิ่น วิน ได้รับน้ำใจจากเพื่อนนางงามผู้เข้าประกวดชาติอื่น ๆ ที่บ้างก็ให้เธอยืมชุด และยังมีคนเมียนมาที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯ คอยช่วยกันจัดหาชุดอื่นมาให้สาวงามผู้นี้ได้นำไปใช้ในการประกวดรอบชุดประจำชาติแทนชุดเดิม ซึ่งเธอก็สวมใส่ชุดดังกล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือดังสนั่น
กระทั่งในวันที่ 17 พฤษภาคม ระหว่างการประกวดรอบไฟนอล ตูซาร์ หวิ่น วิน ก็สามารถคว้ารางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมมาได้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรางวัลแห่งความน่ายินดี แต่สิ่งที่เธอยอมแลกมาซึ่งการเป็นกระบอกเสียงเพื่อประชาธิปไตยของประเทศนั้นก็ยังเป็นที่น่ากังวล ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าเส้นทางหลังจากนี้ของนางงามหัวใจแกร่งผู้นี้จะเป็นอย่างไร