วันที่ 2 มิถุนายน 2564 ข่าวช่องวัน รายงานว่า นายสมรักษ์ คำสิงห์ อายุ 48 ปี อดีตนักชกเหรียญทอง ได้เดินทางไปที่สำนักงานทนายคู่ใจ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังถูกหลอกให้โอนเงินโดยอ้างว่ามีลอตเตอรี่ในโควต้าสามารถนำไปจำหน่ายทำกำไรได้ จนหลงเชื่อและชักชวนพรรคพวก คนรู้จักให้มาลงทุนซื้อลอตเตอรี่จากยี่ปั๊วที่แอบอ้างว่ามีโควต้า โดยโอนไปกว่า 30 ล้านบาท แต่ไม่ได้ลอตเตอรี่ตามจำนวนที่โอน ยังคงเหลือยอดเงินในส่วนที่ขาดอีกกว่า 11,750,000 บาท
นายสมรักษ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนได้รับการชักชวนจากคนรู้จักว่าสามารถจัดสรรโควต้าลอตเตอรี่เป็นจำนวนมากให้ไปขายได้ โดยแนะนำให้ตนรู้จักกับนางปารมี อายุ 65 ปี โดยเมื่องวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ตนได้จองหวยไปกว่า 10 ล้านบาท เป็นเงินที่เพื่อนฝูง ชาวบ้าน คนรู้จัก และคนที่ไว้ใจตนพากันโอนเข้าบัญชีมาเพื่อให้ตนนำไปซื้อลอตเตอรี่จากนางปารมีซึ่งก็ได้ลอตเตอรี่ มาจำหน่ายตามที่ตกลงกัน
หลังจากนั้นวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ นางปารมี ได้บอกกับตนว่า มีลอตเตอรี่จำนวนมากในโควต้า ของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ต้องการไหม ตนเองจึงได้โอนเงิน จำนวน 30 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นเงิน ที่ชาวบ้าน เพื่อนฝูง คนสนิท รวมทั้งโค้ชทีมชาติ นักกีฬาทีมชาติ ที่เป็นพรรคพวกกันและไว้ใจตนเอง ให้ไปจัดสรรซื้อลอตเตอรรี่มาเพื่อทำกำไร โดยนางปารมี ให้โอนเงินเข้าบัญชีมาให้ ตนจึงโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปให้โดยนางปารมี ได้ให้ตนเองโอนเข้าบัญชีของพรรคพวกเขาหลายชื่อ หลายบัญชี แล้วบอกว่า แบ่งกันไปตามโควต้าของเขาแต่ละบัญชี
นายสมรักษ์ เผยอีกว่า หลังจากโอนเงินไปแล้วกลับไม่ได้ลอตเตอรี่ตามที่โอนเงินไป เมื่อเอ่ยปากทวงถามก็ได้รับคำตอบว่านายใหญ่กำลังประสานดำเนินการให้อยู่ แต่เวลาผ่านไปหลายเดือนก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ตนจึงบอกว่าจะไปแจ้งความแล้ว นางปารมี จึงทยอยชดใช้ให้มาจนเหลือเงินที่คงค้างอยู่ 11,750,000 บาท
รายงานข่าวระบุว่า ระหว่างที่นายสมรักษ์ กำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น นางปารมี ได้โทร. เข้ามา ขอให้นายสมรักษ์อย่าเพิ่งแจ้งความหรือร้องเรียนทนายรณณรงค์ เดี๋ยวจะโอนเงินเพื่มให้อีก 50,000 บาท แต่นายสมรักษ์ ได้ปฏิเสธ และขอให้ชดใช้หนี้คงค้างทั้งหมด เพราะเงินที่เอาไปเป็นเงินของพรรคพวกคนสนิทในวงการด้วย ซึ่งตนเองถูกทวงถามทุกวัน บางรายตนต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายให้เขาไปด้วยความสงสาร ทำให้ตนเข้าเนื้อหมดไปกว่า 3 ล้านบาทแล้ว ขอให้นางปารมีนำเงิน มาคืนให้พวกเขาด้วย เพราะตนรู้สึกสงสาร บางรายมาลงทุน 2-3 แสนบาท แต่ก็ถูกโกงไม่ได้ลอตเตอรี่ไปขายเลี้ยงครอบครัว
ด้านทนายรณณรงค์ เปิดเผยว่า คดีนี้ ตนเองจะติดตามและตรวจสอบในด้านเอกสารการโอนเงิน รวมทั้งความเชื่อมโยงของการซื้อขายลอตเตอรี่ เพราะเท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้น ถือว่าเป็นการฉ้อโกง หากผู้แอบอ้างรายนี้ไม่มีโควต้า การจำหน่ายสลากลอตเตอรี่ จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจริง ๆ ก็จะเข้าข่ายฉ้อโกงทันที
