#แบนลูกหนัง ลามไปใหญ่ ไม่พอใจได้เดบิวต์ ล่าสุดส่อแบนทั้งวง - วิเคราะห์เหตุผลที่ได้ไปต่อ

          จากกรณี ลูกหนัง ศีตลา เตรียมเดบิวต์อย่างเป็นทางการกับวง H1-KEY (ไฮคีย์) ของค่าย GLG (Grandline Group) ในวันที่ 5 มกราคม 2565 แต่กลับมีดราม่าร้อนระอุถึงเรื่องราวในอดีตของลูกหนัง และ ตั้ว ศรัณยู คุณพ่อผู้ล่วงลับ กับการเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องการเมืองและการเรียกร้องอันนำไปสู่การรัฐประหารถึง 2 ครั้ง จนมี #แบนลูกหนัง ติดเทรนด์ทวิตเตอร์แบบข้ามคืน

          ล่าสุด (8 ธันวาคม 2564) ในทวิตเตอร์มี #แบนSITALA และ #BANH1KEY ขึ้นเทรนด์ตีคู่กันมา หลังจากที่ค่าย GLG ออกแถลงการณ์ว่าจะดันลูกหนัง ศีตลา ต่อไป โดยมองว่าไม่สามารถให้ลูกหนังมารับผิดชอบการตัดสินใจและการกระทำในอดีตของคุณพ่อตัวเองได้ นั่นเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของเธอ ทางค่ายตัดสินใจที่จะไม่เปลี่ยนสมาชิกในวง และต้องการย้ำว่า การที่ลูกหนังบอกว่าคุณพ่อคือแบบอย่างของเธอนั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ลูกหนังมองคุณพ่อในฐานะหัวหน้าครอบครัว นักแสดง และผู้กำกับ ไม่ได้กล่าวรวมไปถึงความคิดและพฤติกรรมทางการเมือง เป็นเหตุให้โลกทวิตเตอร์ถึงกับร้อนระอุ ซึ่งวันนี้ กระปุกดอทคอม จะมาสรุปดราม่าดังกล่าวให้ฟังกันค่ะ

          อ่านข่าว : ค่ายประกาศดัน ลูกหนัง SITALA ต่อ ยันรู้เรื่อง ตั้ว แต่เอามาลงโทษลูกไม่ได้ 

        ภายหลังคำแถลงของ GLG กลับทำชาวเน็ตไทยเดือดกว่าเดิม และตำหนิว่าไม่ใช่แค่ตั้ว ศรัณยู ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในทางการเมืองเท่านั้น แต่ลูกหนังก็ที่ไปมีส่วนร่วมกับ กปปส. เมื่อปี 2557 ดังนั้น จึงทำให้มีคนดันแท็ก #แบนลูกหนังตามมา พร้อมกับประกาศวิธีการเข้าร่วมแบน เช่น ชักชวนกันไม่เข้าไปดูคลิปของวง H1-KEY เพราะจะเป็นการเพิ่มยอดวิว, ไม่ติดตาม ไม่ฟอลโลคนในวง, กด mute ใน Spotify เพื่อให้แอปฯ เรียนรู้ว่าเราไม่ฟังเพลงนี้ และจะไม่รันเพลงของวงนี้มาอีก, ประกาศว่าจะไม่เอาทั้งวง, ไม่ซื้อซีดี สินค้า บัตรคอนเสิร์ต ทุกช่องทาง หากร้านไหนที่รับพรีอัลบั้มของวง ก็จะแบนร้านที่รับพรีอัลบั้มด้วย เพื่อไม่ให้ยอดอัลบั้มขึ้นและจะทำให้ทางวงไม่ได้คะแนน, งดติดตามในโซเชียล ทั้งลูกหนังและสมาชิกคนอื่น ๆ ของวง

        นอกจากนี้ หลายคนยังประกาศเป็นแอนตี้แฟน มีการทำภาพของลูกหนังสมัยไปร่วมม็อบ กปปส. พร้อมข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาเกาหลี

        อย่างไรก็ตาม คนก็มาร่วมวิเคราะห์ว่า เหตุใดค่ายยังดันให้ลูกหนังได้ไปต่อ เพราะปกติแล้วในวงการเคป๊อป หากศิลปินทำผิดนิดเดียวอาจจะส่อแบนยาว โดยส่วนหนึ่งมองว่า ค่ายเพลงยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เป็นค่ายเล็ก ๆ การที่ลูกหนังมีกระแสข่าวนี้ก็น่าจะทำให้คนสนใจค่ายได้มากขึ้น สังเกตได้ว่า หลังจากที่ค่ายประกาศว่าจะไม่เอาลูกหนังออกจากวง สำนักข่าวทั้งเล็กและใหญ่ของเกาหลี ล้วนแล้วแต่ตีข่าวนี้กว่า 36 ที่ นั่นเป็นเครื่องการันตีว่า ตอนนี้วง H1-KEY เป็นที่รู้จักไปแล้ว แต่การเป็นที่รู้จักและได้รับการสนับสนุนหรือไม่ ก็คงเป็นอีกเรื่อง อีกอย่างคือ คาดว่าค่ายคงอยากวัดดวง ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ถึงตอนนั้นค่อยถอดลูกหนังออก ก็ยังเรียกกระแสจากสื่อได้อีกระลอก สมาชิกที่เหลือก็ไปต่อได้ เพราะคนรู้จักวงแล้ว

        นอกจากนี้ ยังมีคนมองว่า ตอนนี้ไม่รู้ว่ากลยุทธ์ทางการตลาดของค่ายนั้นจะวางไว้อย่างไร ค่ายอาจจะต้องการไปตีตลาดเกาหลีและตลาดอื่น ๆ ในต่างประเทศ โดยไม่สนตลาดไทยก็ได้ และค่ายอาจจะปรับกลยุทธ์ใหม่ไปแล้วหลังจากที่เรื่องของลูกหนังดังขึ้นมา ดังนั้น เรื่องนี้ต้องตามดูกันต่อไป

        ทั้งนี้ ชาวเน็ตกล่าวว่า อย่าดูถูกพลังซาแซง (กลุ่มแฟนคลับที่ต่อต้าน) และคิดว่าคนที่สนับสนุนสมาชิกคนอื่นในวงจะสนับสนุนลูกหนัง เพราะทำวงเป็นขี้ปากชาวบ้านตลอดเวลา มองแล้วไม่เห็นอนาคต มีอนาคตเดียวคือนูกู (ไม่เป็นที่รู้จัก)