คังคุไบ กฐิยาวาฑี ประวัติเรื่องจริงของ คังคุไบ หญิงแกร่งแห่งมุมไบ ที่ได้ชื่อว่าเป็น Mafia Queen มาดูเรื่องราวของคังบุไบตัวจริงว่าเหมือนในภาพยนตร์หรือไม่
คังคุไบ กฐิยาวาฑี ตัวจริง
ภาพจาก : wikipedia.org
ชั่วโมงนี้หนังอินเดียที่กลายเป็นกระแสอย่างมากเห็นจะหนีไม่พ้นเรื่อง Gangubai Kothewali หรือ คังคุไบ หญิงแกร่งแห่งมุมไบ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่อิงมาจากชีวประวัติของหญิงสาวผู้เรียกร้องสิทธิให้กับโสเภณี ซึ่งก็มีประเด็นว่าภาพยนตร์นั้นบิดเบือนจากเรื่องจริง สำหรับใครที่อยากทราบประวัติเรื่องจริงของ คังคุไบ กฐิยาวาฑี ว่าเหมือนหรือต่างจากหนังที่เราดูอย่างไร กระปุกดอทคอมมีเรื่องราวของเธอมาฝาก
ประวัติ คังคุไบ
ประวัติของ คังคุไบ ถูกนำมาจากนิยายเรื่อง Mafia Queens of Mumbai เขียนโดยนักข่าวชื่อ "ฮุสเซน ไซดี” ซึ่งอิงเรื่องราวของหญิงสาวที่ชื่อ คงคา ฮาร์จีวันดัส กฐิยาวาฑี (Ganga Harjeevandas Kathiawadi) เธอเกิดในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 (ปี ค.ศ. 1939) พร้อมกับเติบโตที่รัฐคุชราต ในครอบครัวทนายความและนักการศึกษา เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างเข้มงวด แต่ก็ผลักดันให้ลูกสาวได้รับการศึกษา ซึ่งก็ถือว่าไม่ค่อยเป็นเรื่องปกตินักในช่วงปี 1940 แต่ความฝันของคงคานั้นต้องการที่จะเป็นนักแสดงในเมืองมุมไบ
คังคุไบ การตกหลุมรักและถูกหักหลัง
ในช่วงวัยรุ่น อายุได้ประมาณ 16 ปี คงคาตกหลุมรักนักบัญชีที่พ่อของเธอจ้างมา ชื่อว่า รามนิก ราล (Ramnik Laal) เขาอ้างว่าเขาเคยใช้ชีวิตที่มุมไบอยู่ 2-3 ปี ซึ่งนั่นทำให้คงคายิ่งสนใจเขา เมื่อความรักผลิบาน แถมเขาบอกว่าจะช่วยสานฝันให้เธอได้ไปเป็นดาราที่มุมไบ ทำให้เธอตัดสินใจหนีตามเขา คงคาเก็บเงินสดและเพชรพลอยเพื่อเป็นสินสอดให้กับรามนิก และแต่งงานกันในวัดเล็ก ๆ ก่อนที่จะเดินทางไปมุมไบ ในไม่ช้าเงินก็หมดลงและรามนิกหลอกคงคาว่าให้อยู่กับป้าเขาไปก่อน เพื่อที่จะได้ไปหาที่พักราคาถูก คงคาเชื่อสนิทใจและถูกทิ้งไว้ในสถานบริการแห่งหนึ่ง โดยเธอมารู้ทีหลังว่ารามนิกขายเธอให้กับซ่องโสเภณีในเขตกามธิปุระ ในราคาเพียง 500 รูปี
ชีวิตที่ถูกทรมานของคังคุไบ
หลังจากที่เธอถูกขายให้กับซ่องโสเภณี เธอก็ถูกทรมานให้อดอยากและทุบตีอย่างหนัก เธอรู้ดีว่ากลับบ้านไม่ได้เพราะจะทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งอยากตายก็ทำไม่ได้ เพราะถูกเฝ้าไว้ตลอดเวลา จึงจำใจต้องยอมรับแขก และเปลี่ยนชื่อเป็นคังคุไบ แต่กระนั้นเธอก็ถูกลูกน้องของหัวหน้าซ่องข่มขืนและทำร้ายร่างกายจนถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ถึง 2 ครั้ง 2 ครา
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
หลังจากที่ถูกข่มขืน เธอตัดสินใจที่จะปกป้องตัวเองจากลูกค้าที่โหดเหี้ยม โดยเข้าไปพบกับหัวหน้าของคนที่ข่มขืนเธอ เขามีชื่อว่า คาริม ลาลา (Karim Lala) เธอเข้าไปอ้อนวอนจนกระทั่งเขายอมช่วยเหลือและผูกเครื่องรางเป็นน้องสาวร่วมสาบาน เมื่อเธอขอความช่วยเหลือจากเขาก็จะได้รับการปกป้องทันที นั่นทำให้คังคุไบเริ่มมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เธอหันมาเรียกร้องความยุติธรรม และสิทธิของผู้หญิงที่เป็นโสเภณีเช่นเดียวกับเธอ
เรียกร้องสิทธิเพื่อโสเภณีและเด็กกำพร้า
คังคุไบได้กลายมาเป็นเจ้าของซ่องโสเภณีและทำงานมากมายเพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับคนที่ทำอาชีพโสเภณี รวมถึงเรียกร้องความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเด็กกำพร้าด้วย นอกจากนี้เธอยังให้คำปรึกษาและส่งเสียหญิงสาวหลายคนที่หนีออกจากบ้าน และถูกหลอกให้มาค้าประเวณี ทำให้หลายคนเรียกเธอว่า “แม่” ด้วยความเคารพรัก เธอขอความเท่าเทียมจากผู้ให้บริการทางเพศ เพื่อไม่ให้ถูกสังคมเลือกปฏิบัติผ่านการปราศรัย ซึ่งนั่นทำให้เธอกลายเป็นคนดัง มีนักข่าวให้ความสนใจและได้เข้าพบรัฐมนตรีในขณะนั้น
วาระสุดท้ายของชีวิต คังคุไบ
หลังจากมีชื่อเสียงไม่ค่อยมีใครได้ทราบประวัติส่วนตัวของเธอมากนัก เพียงแต่ทราบว่าเธอห่มส่าหรีราคาแพงและมีรถยนต์เบนท์ลีย์ขับตั้งแต่อายุยังน้อย อีกทั้งเธอยังตัดสินใจไม่แต่งงาน แต่ได้รับเลี้ยงดูเด็กหลายต่อหลายคนจนกลายเป็นครอบครัว คังคุไบเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2008 เนื่องจากภาวะหัวใจหยุดเต้นในวัย 69 ปี ทั้งนี้ ความดีที่เคยทำไว้ทำให้มีรูปภาพและรูปปั้นของเธอตั้งอยู่ในซ่องโสเภณีที่กามธิปุระ เพื่อเป็นการระลึกถึงคังคุไบ
ครอบครัวไม่พอใจเนื้อหาในภาพยนตร์
หลังจากที่ภาพยนตร์ Gangubai Kothewali เผยแพร่ออกไป ทางครอบครัวอันประกอบไปด้วยลูกบุญธรรมของคังคุไบ ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจเนื้อหาในภาพยนตร์ที่พยายามสื่อว่าแม่ของพวกเขาเป็นโสเภณี ไม่ตรงกับความเป็นจริงว่าแม่ของเขาเป็นเพียงนักเคลื่อนไหวทางสังคมเท่านั้น ซึ่งก็ไม่มีใครทราบเรื่องราวที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เรื่องราวฟ้องร้องจบลงที่ศาลได้ยกฟ้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงกระนั้นลูกชายของคังคุไบก็ยังขอเดินหน้าฟ้องรอบ 2 ต่อ
ทั้งนี้ ไม่ว่าเรื่องราวที่แท้จริงของ คังคุไบ กฐิยาวาฑี จะเป็นอย่างไร แต่ความจริงอย่างหนึ่งคือ เธอเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมที่เรียกร้องสิทธิให้กับผู้หญิงและเด็กกำพร้า ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่องมากเลยทีเดียว
ขอบคุณภาพจาก : Instagram aliaabhatt, bhansaliproductions, netflixth, wikipedia.org
ขอบคุณข้อมูลจาก : indianexpress.com, wikipedia.org, jagranjosh.com
ขอบคุณข้อมูลจาก : indianexpress.com, wikipedia.org, jagranjosh.com
