ทำเอาหลายคนถึงกับอึ้ง เมื่อล่าสุด (4 พฤษภาคม 2566) ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด ได้ออกมาเปิดใจในรายการ แฉ เล่าอุทาหรณ์เคยหลงผิดเชื่อลัทธิจนสูญเสียทุกอย่างว่า เมื่อย้อนกลับไปจะเคยเห็นภาพอาตุ่ยถ่ายคู่กับไลฟ์โค้ชท่านหนึ่ง ก่อนที่ช่วงหลังจะค่อย ๆ หายไป ลูกศิษย์ไลฟ์โค้ชคนดังกล่าวที่มีทั้งดาราและคนดังก็เหมือนจะพากันเฟดตัวออกมาหมด ช่วงที่ไปฟังเขาทำให้เราคิดว่างานในวงการเป็นเรื่องไร้สาระ ทั้งที่ความจริงแล้วงานในวงการบันเทิงมันสร้างความสุขให้กับคน จรรโลงใจ
ขนาดมีแฟนยังต้องเลิก เพราะมันขัดขวางการทำคุณงามความดี คนที่เขารักเราห่วงเรา เขาต้องผิดหวังเสียใจ แล้วในเวลานั้นเราทำให้หลาย ๆ คนผิดหวังในตัวเรา เสียใจที่สุดคือเรื่องนี้ ส่วนเรื่องเงินทองที่หายไปมันก็คือเงินทอง แต่ความรักที่หายไปมันเยอะมาก ในช่วงที่เข้าหลงลัทธิ ถ้าเราไม่มีสติปัญญาทันเราก็จะหลงเตลิดไป เสียเวลาในชีวิตเยอะมาก ประมาณ 6-7 ปี ใครโทร. หาก็ไม่รับสายเลย ใครเตือนเราก็จะตาแข็งใส่เขาเลย จนทำทุกคนเสียใจ ใครเตือนเราจะมองว่าเป็นมาร มองเหยียดคนอื่น เราแย่มาก จนไม่เหลือใครในชีวิตเลย เรายังโชคดี ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็ยังมีคนรัก
จากที่เคยมีเงินเป็นหลักร้อยล้าน มาวันหนึ่งไม่เหลืออะไรเลยนอกจากหนี้ พอใครซื้ออะไรเราจะซื้อของที่แพงกว่าไปให้ สูญสลายมลายสิ้นไป ไม่เหลือเงินเก็บเลย แต่กลายเป็นหนี้ 50 กว่าล้าน ตอนนี้กลับมาทำงานในวงการบันเทิง แล้วก็ไปโฟกัสการค้าขายมากขึ้น แต่มันก็ยังไปกอบกู้มาไม่ได้มากมาย ยังมีหนี้ติดอยู่หลายสิบล้าน ขับรถยังใช้คันเก่า 6 ปีที่แล้ว ไม่เคยเปลี่ยนรถเลย มีรถใช้อยู่คันเดียว แต่งตัวเหมือนเป็นคนชอบสมถะ แต่จริง ๆ แล้วไม่มีเงินจะแต่งตัว ทองคำที่เคยซื้อเก็บไว้ไม่เหลือแล้ว ขายไปหมดแล้ว
มันเป็นเรื่องของความหลงผิด ฉะนั้นทุกคนอย่าได้วู่วาม บางทีไปฟังใครแล้วเขาหลอกว่า เงินทองที่ใส่ลงไปจะทำให้เราได้สติ ได้ปัญญา ได้เป็นคนที่ดีขึ้น จริง ๆ ไม่ใช่ มันอยู่ที่การปฏิบัติตัวของเรามากกว่า แต่สิ่งที่เสียไปแล้วประเมินค่าไม่ได้คือความผิดหวังและเสียใจของคนที่รักเรา ขนาดแม่เราเองยังไม่กล้าเตือน เพราะกลัวลูกจะบาป เพราะถ้าแม่เตือนเราจะตึงหน้าใส่แม่เลย
