นาทียื่นให้ถึงหน้าเวที เหรียญล้ำค่าบนคอลิซ่า BLACKPINK กว่าจะได้มาต้องวิ่งรอบโลก 3 ปี

           เหรียญที่อยู่บนคอของ ลิซ่า BLACKPINK นั้น คือเหรียญ Six Star Finisher ซึ่งเป็นเหรียญที่มอบให้กับคนที่สามารถวิ่งมาราธอนจนจบใน 6 รายการเมเจอร์ใหญ่ของโลก ได้แก่ โตเกียวมาราธอน, บอสตันมาราธอน, ลอนดอนมาราธอน, เบอร์ลินมาราธอน, ชิคาโกมาราธอน และนิวยอร์กมาราธอน ซึ่งการวิ่งมาราธอนทั้ง 6 รายการนี้ นอกจากที่ต้องลงทุนทั้วค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก เพื่อไปวิ่งมาราธอนให้ครบทุกรายการรอบโลกแล้ว แต่ละรายการยังยากมาก เพราะการจะเข้าไปวิ่งได้ต้องทำเวลาให้ถคงตามเกณฑ์ 

           คุณ Ninoy เผยว่า ตนได้ไปวิ่งมาราธอนมาแล้วทั้งโลก และได้เหรียญที่ล้ำค่าที่สุดของคนวิ่งมาราธอนอย่าง Six Star Finisher เมื่อได้มาก็มอบให้ลิซ่า ลิซ่าเองก็รู้ว่ามันคือเหรียญอะไร พอได้รับน้องก็แสดงความยินดีและร้อง Oh my God เลยทีเดียว

           ทั้งนี้ ตนวิ่งไป ชูป้ายไป ซ้อมไป และคิดว่าคงไม่มีของขวัญชิ้นไหนจะเหมาะสมไปกว่าเหรียญในตำนานนี้ เฉพาะนักวิ่งรู้กันดีว่ามันยากแค่ไหน ตนขอเรียกเหรียญนี้ว่า เหรียญตรัสรู้แห่งการวิ่ง และเหรียญนี้ทรงพลังมาก เพราะตนวิ่ง Sub4 ทุกสนาม และต้องวิ่งรายการเมเจอร์ 3 รายการใหญ่ใน 30 วัน 2 รอบ เพราะไม่อย่างนั้น จะไม่ทันคอนเสิร์ตเวิร์ลทัวร์ของแบล็กพิงค์

​​​​​​​​​​​​​​           ทั้งนี้ เหรียญแรกของคุณ Ninoy นั้น ใช้เวลานานกว่าจะครบสมบูรณ์ โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2019 ที่วิ่งในเบอร์ลิน ชิคาโก นิวยอร์ก แต่แล้วก็ต้องมาหยุดเพราะโควิด และในปี 2023 เขาก็เก็บเพิ่มอีก 3 เหรียญ โตเกียว บอสตัน ลอนโดน ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 3 ปี 6 เดือน 

          นอกจากนี้ คุณ Ninoy ยังเผยให้เห็นถึงนาทีที่เอาเหรียญนี้ไปให้ลิซ่า โดยที่เขาซื้อบัตร VIP ไปดูคอนเสิร์ต BLACKPINK ที่เม็กซิโก เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 และเขียนป้ายเอาไว้ เขาเลือกเข้าคอนเสิร์ตเป็นคนแรก ๆ และได้ไปยืนแถวหน้าสุด เมื่อลิซ่ามาเห็นก็จำเขาได้ พร้อมกับโบกมือทักทาย และยื่นเหรียญแรกที่ใช้เวลาเก็บมา 3 ปีให้ลิซ่า

          เท่านั้นยังไม่พอ คุณ Ninoy ยัง ไปดูคอนเสิร์ต BLACKPINK ที่ซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 และเช่นเคย เขาได้ขึ้นไปยืนหน้าสุด และลิซ่าก็จำเขาได้ ลิซ่าโบกมือทักทาย และเขาก็มอบเหรียญ Six Star Finisher  ให้การ์ด และการ์ดก็ยื่นให้ลิซ่า ซึ่งลิซ่าเห็นแล้วก็อ้าปากเหวอ และเอาเหรียญคล้องคอทันที​​​​​​​

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ninoy Chanchinpavinnat