ชูษี เชิญยิ้ม ปัจจุบันหันไปอยู่วัด นอนในเพิงสังกะสี เผยเหตุที่ชีวิตมาถึงจุดนี้ น่าสนใจ

          วันที่ 26 มีนาคม 2567 ช่อง เหลือเฟือ ชาเเนล ได้มาสัมภาษณ์ ชูษี เชิญยิ้ม ตลกคนดัง ที่ปัจจุบันชีวิตของชูษีเปลี่ยนไปมาก หันไปอยู่วัด จนคนแอบคิดว่าชีวิตตกต่ำขนาดนั้นจริงหรือ

          ทั้งนี้ ชูษี เชิญยิ้ม บอกว่า แต่ก่อนตนไม่ต่างจากเสือ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวผู้หญิง ดูดกัญชา จนกระทั่งเมื่อปี 2565 ตนได้มาเจอกับหลวงตาสินทรัพย์ หรือ พระสิ้นคิด แห่งวัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ จ.อุบลราชธานี จึงทำให้ตนคิดได้และเกิดศรัทธา และมาอยู่ที่นี่

          ตอนแรกตนก็ไม่คิดว่าจะมาอยู่ แต่ว่าหลวงตารู้จักกับคุณ คม ร่อนพิบูลย์ นักแต่งเพลงที่รู้จักกับตน คุณคมได้บอกว่าจะให้ชูษีมาร้องเพลงให้หลวงตาฟัง หลวงตาก็บอกให้ไปเรียกชูษีมา เพราะรู้ว่าชูษี เชิญยิ้ม มีทุกข์ในใจหลายเรื่อง ชูษีก็อยากมาหา ตอนแรกตนก็ยังไม่ติดใจอะไร จนวันต่อมาหลวงตาคิดจะจ้างงานต่อ ชูษีก็บอกว่าหากตนรับงานคนเดียว ตนรับค่าตัว 30,000 บาท แต่หลวงตาให้ 50,000 บาท ชูษีเลยไปยกเลิกงานอื่นเพื่อมารับงานของหลวงตา

          จากนั้น ตนก็มาอยู่ที่วัด 4 วันบ้าง 5 วันบ้าง ค่อย ๆ ซึมซับ มีครั้งหนึ่งที่ตนกราบลาหลวงตาแล้วร้องไห้บนแท็กซี่ ตนอยู่ไปเรื่อย ๆ ทำให้สิ้นสงสัยในองค์หลวงตา และเป็นจุดเริ่มต้นของการย้ายมาอยู่วัด ทุกวันนี้ไม่ดื่มเหล้า ไม่เอากัญชา แต่ยังคงสูบบุหรี่

          ตนมาอยู่ที่นี่ วัน ๆ ก็ขัดห้องน้ำ กวาดวัด ตื่นเช้ามาก็ไปบิณฑบาตด้วย และเป็นกระบอกเสียงให้พระพุทธศาสนา ตนมาอยู่ที่นี่ก็ทำให้เปลี่ยนไป จากบางครั้งขี้โมโห โมโหหิว ก็ใจเย็นลง

          เมื่อถามว่ามีโอกาสที่ชูษีจะกลับไปเล่นละครไหม ชูษีบอกว่า ตั้งเงื่อนไขว่า หากออกจากวัด ต้องได้เงิน 50,000 บาท หมายความว่า หากอยากจ้างตน คิดวันละ 50,000 บาท จะหักภาษีหรือไม่ก็ได้ ทำให้คิดได้ว่าไม่ใช่ว่าที่เราหามันไม่ดี แต่เพราะเรามีไม่พอ ตนไม่อยากเป็นแบบคุณ สีหนุ่ม เชิญยิ้ม (ตลกดังที่เส้นเลือดในสมองแตกขณะถ่ายละคร เป็นอัมพฤกษ์ก่อนที่จะเสียชีวิต)

          สำหรับตน ข้าวมื้อเดียวก็อิ่มแล้ว จะต้องขับรถไปถึงอุบลฯ ทำไม และตอนนี้ตนอายุ 63-34 ปีแล้ว ไม่รู้เลยว่าจะอายุถึง 70 ปีไหม หากพรุ่งนี้ตายทำยังไง โดยไม่ได้ปฏิบัติธรรม แบบนั้นคือเข้าสู่นรก บางทีเราทุกข์อยู่ก็ไม่รู้ตัวว่าทุกข์ ตนนั่งปฏิบัติธรรม แต่ก่อนแค่ 5 นาทีก็เหนื่อยแล้ว ตอนนี้นั่งปฏิบัติธรรมเป็นชั่วโมงได้สบาย

          ส่วนเหตุที่ชูษีมาอยู่วัดแต่ไม่บวชนั้น เพราะหลวงตาบอกว่า นิสัยของชูษีไม่เคยเป็นพระ ตั้งแต่หลายภพหลายชาติ แต่อยู่แบบนี้ไปได้เรื่อย ๆ หลวงตาท่านพูดอะไรมีนัยตลอด เช่น ท่านบอกว่าชาตินี้ชูษีจะเจอกับหลวงตาแค่ชาติเดียว ชาติอื่นก็ทำเอาเองแล้วกัน

          ตอนนี้ ใครจะว่าตกกระป๋อง หากินกับพระ ตนก็จะยอมรับว่า ครับ ทุกอย่างยอมรับ จบที่เราเบาที่สุด ตนไม่ตอบโต้ อยากด่าก็ด่า ตนไม่รู้เรื่อง คุณก็ทุกข์ไป คุณมองลบคุณก็ได้ลบ คุณมองบวกก็ได้บวก