สรุปดราม่า ลูกหมี-ปู ปมหนี้ 2 ล้าน เจรจาไม่สำเร็จ ลดเหลือ 1.4 ล้าน แต่ยังไม่สะดวกจ่าย

จุดเริ่มต้นดราม่า ลูกหมี รัศมี - ปู มัณฑนา ให้กู้เงินทำธุรกิจ ได้เงินคืนวันละ 5,000 คิดดอกเบี้ยโหดกว่า 1,200% ต่อปี

              ทั้งนี้ เรื่องราวเริ่มต้นจากการที่ปู มัณฑนา ได้รู้จักกับลูกหมี รัศมี ผ่านทางเพื่อนที่ตีกอล์ฟกัน ตอนนั้นลูกหมีอ้างว่าไม่มีงาน 20 ปีเลย มีคนมาเรียนเดินแบบน้อย ลูกหมีปล่อยกู้ร้านแว่น และเก็บเงินเป็นรายวัน แต่ช่วงหลัง ๆ ร้านแว่นก็ไม่มีเงินส่งลูกหมีเหมือนกัน ลูกหมีบอกปูว่าหากมีอะไรให้ช่วยก็ช่วยได้ จึงทำให้ปูแนะนำให้ลูกหมีรู้จักกับเพื่อนของปู ที่ทำธุรกิจซื้อ-ขายกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกา จำนำรถ และอื่น ๆ

              ในธุรกิจนี้เป็นธุรกิจแบบซื้อมาขายไป ฝั่งเพื่อนของปูไปยืมเงินเจ้าหนี้มาลงทุน ไปซื้อแบรนด์เนมมา เมื่อขายของได้ก็เอามาแบ่งกำไรกัน จากนั้นก็จะคืนเงินให้เจ้าหนี้พร้อมดอกเบี้ย และยืมเงินใหม่วนไปเรื่อย ๆ ลูกหมีก็สนใจที่จะร่วม จึงเป็นคนปล่อยเงินให้เพื่อนกลุ่มนี้ของปู แต่ลูกหมีไม่อยากติดต่อกับเพื่อนกลุ่มนี้ของปูเอง ต้องการติดต่อผ่านปู ปูก็ยอม ด้วยความที่ธุรกิจนี้ไม่มีอะไรค้ำประกันว่าจะได้เงินคืน จึงทำให้ลูกหมีขอให้ปูเซ็นเช็คค้ำประกันให้ ลูกหมียอมให้ยืมเงินด้วยมูลค่าที่สูง ก็คาดหวังกำไรสูงไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ลูกหมีทำคือให้เงินไปลงทุนและกินส่วนต่างดอกเบี้ยจากปู

                 ลักษณะของการใช้หนี้นั้นจะมีทั้งการให้ยืมไม่เต็มจำนวน หักดอกเบี้ยไว้ก่อน แต่เวลาคืนต้องคืนเต็มจำนวน เช่น ลูกหมีให้ปูยืมเงิน 150,000 บาท แต่โอนเงินให้ปู 145,000 บาท ในวันต่อมาปูก็โอนเงินคืนให้ลูกหมี 150,000 บาท เท่ากับว่าใน 1 วัน ลูกหมีได้ดอกเบี้ยไปแล้ว 5,000 บาท

                 หรืออีกแบบคือ มีการโอนเงินให้ทั้งจำนวน แต่เวลาคืนต้องคืนพร้อมดอกเบี้ย ยกตัวอย่างเช่น ลูกหมีปล่อยกู้ 45,000 บาท ใช้คืนใน 3 วัน และลูกหมีจะได้รับดอกเบี้ย 10,000 บาท และบางครั้งลูกหมีจะเป็นคนเรียกดอกเบี้ยเอง บวกเท่าไร ต้องคืนเท่าไร และถ้าหากเอามาคิดเป็นดอกเบี้ย ในบางครั้งจะเท่ากับว่าดอกเบี้ยต่อปีคือ 900% บ้าง หรือ 1,200% บ้าง

เปิดตารางชัด ๆ ให้ยืมเท่าไร ติดหนี้เท่าไร พร้อมใช้คืนทุกบาท แต่ตกลงกันไม่ได้เรื่องยอด

            ทั้งนี้ ในตารางที่ทนายประมาณมาชี้แจงนั้น มีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้

             30 กันยายน - 30 ตุลาคม : ลูกหมีโอนให้ปู 17 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 2,579,700 บาท // ปูโอนคืนลูกหมี 20 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 210,500.02 บาท รวมหนี้คงเหลือ 2,369,199.98 บาท

             1-30 พฤศจิกายน : ลูกหมีโอนให้ปู 2 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 386,000 บาท // ปูโอนคืนลูกหมี 6 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 441,000.03 บาท รวมหนี้คงเหลือ 2,314,199.95 บาท

             1-31 ธันวาคม : ลูกหมีโอนให้ปู 10 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 944,000 บาท // ปูโอนคืนลูกหมี 14 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 897,000.16 บาท รวมหนี้คงเหลือ 2,361,199.79 บาท

             1-31 มกราคม : ลูกหมีโอนให้ปู 1 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 148,000 บาท // ปูโอนคืนลูกหมี 9 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 820,998.06 บาท รวมหนี้คงเหลือ 1,688,201.73 บาท

             1-31 มีนาคม : ลูกหมีโอนให้ปู 0 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 0 บาท // ปูโอนคืนลูกหมี 5 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 261,000 บาท รวมหนี้คงเหลือ 1,427,201.73 บาท

             1 พฤษภาคม - ปัจจุบัน : ลูกหมีโอนให้ปู 0 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 0 บาท // ปูโอนคืนลูกหมี 1 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 10,000 บาท รวมหนี้คงเหลือ 1,417,201.73 บาท

             อย่างไรก็ตาม ในการไกล่เกลี่ยครั้งนี้ปูมองว่าติดค้างลูกหมีทั้งหมด 1,417,201.73 บาท และพร้อมที่จะใช้เงินคืนทั้งหมด จะให้จ่ายรวดเดียวหรือผ่อนจ่ายก็ได้ แต่ลูกหมีไม่รับข้อเสนอนี้ และยืนยันว่าปูยังติดค้างลูกหมีที่ 2 ล้านบาทเท่าเดิม ทำให้การเจรจาในวันนี้ไม่ประสบความสำเร็จ

ปูยอมรับ ได้รับผลกระทบหนัก ยอมเซ็นทุกอย่างที่เขาให้เซ็น สุดท้ายโดนด่าไม่ใช้หนี้ ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง

                 ปู เล่าอีกว่า ปูได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้หลายอย่าง ลูกหมีต้องการให้เซ็นเช็คค้ำประกัน ปูก็เซ็นให้ หรือต้องการให้เซ็นสัญญาเงินกู้ ปูก็ทำให้ ซึ่งสัญญาเงินกู้นั้นอยู่ที่ 2 ล้านบาท เป็นการเซ็นกระดาษเปล่า ตอนแรกปูบอกว่าต้องการให้มีการลงดอกเบี้ยไว้ แต่ลูกหมีบอกว่าจะไปทำเอง เดี๋ยวจะผิดกฎหมาย ทำให้ปูติดหนี้ลูกหมี 2 ล้านบาท ทั้งที่ความเป็นจริงยอดไม่ถึง และต่อมาปูโดนโกงที่ดิน 100 ล้านบาท ปูต้องการเอาโฉนดไปขายฝากกับคนอื่น แต่ลูกหมีบอกให้ปูเอามาขายฝากกับลูกหมีเพื่อล้างหนี้ 2 ล้านบาททั้งหมด แต่สุดท้ายเหมือนการขายฝากก็ไม่เกิดขึ้น เดือนที่ผ่านมาปูเข้าโรงพยาบาล 5 ครั้ง น้ำหนักลด 6 กก. ปูเศร้ามาก และต้องกินยาหลายอย่าง

                 ด้าน หาญส์ หิมะทองคำ บอกว่า เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง และยังไม่เป็นคดีความ ได้มีการตั้งบริษัทเพื่อเข้ามาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ เรามีหลักฐานทุกอย่างชัดเจน

                 หาญส์และลูกหมีเจอกัน 2 ครั้ง คุยไม่ถึง 10 คำ แต่ต่อมาลูกหมีได้แอดไลน์หาญส์มาและส่งสัญญาเงินกู้มาให้ เวลาจะพูด ลูกหมีจะหยิบยกข้อมูลมาแค่บางส่วน ไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมด ลูกหมีไปป่าวประกาศทำให้หาญส์เสียชื่อเสียง เอา สส. มาเจรจา พอเป็นข่าวคนในพรรคของหาญส์ระดับหัวหน้าพรรคหรือพลเอกก็ติฉินนินทา ลูกก็โดนทักว่าพ่อแม่ติดหนี้ไม่จ่ายเงิน ทั้งที่เรื่องพวกนี้ไกล่เกลี่ยได้หมด แม้กระทั่งไกล่เกลี่ยในชั้นศาล

                 เรื่องนี้ส่งผลกระทบถึงชื่อเสียงของปู ของหาญส์ ของครอบครัวหิมะทองคำ ลูกหมีไปเดินสายออกรายการต่าง ๆ จนบ้านนี้เสียชื่อเสียง อยากทราบว่าลูกหมีจะรับผิดชอบกับเรื่องนี้อย่างไร หากภรรยาไม่มีงานจะทำอย่างไร เมื่อพยายามติดต่อลูกหมีก็ไม่ได้ ไลน์ไม่ตอบ เอาเจ้าหนี้คนอื่น ๆ มาบอกว่าปูติดเงิน 16 ล้าน มันไม่ใช่ และอาจจะมีการฟ้องหมิ่นประมาทลูกหมี รวมถึงคนในโซเชียลที่เข้ามาด่า อาจจะมีการไล่ฟ้องรายตัว

บทสรุป ยังเจรจาไม่สำเร็จ ลดหนี้เหลือ 1.4 ล้าน แต่เขาไม่สะดวกจ่าย

        ต่อมาทางลูกหมีและทนายความได้มาเปิดใจหลังพูดคุยไกล่เกลี่ยว่า มีการเจรจาหนี้ คืออีกฝ่ายขอลดหนี้เหลือประมาณ 1.4 ล้าน ทางเราก็รับเงื่อนไข แต่เขาต้องจ่ายทีเดียวเลย เขาก็ยังไม่สะดวกจ่าย เขามีประสงค์จะดำเนินคดีกับลูกหมีว่าหมิ่นประมาท ออกทีวี ก็ให้เขาดำเนินคดีไป แล้วไปสู้กันในศาล วันนี้จึงยังไม่จบ อาจมีนัดเจรจากันใหม่หรือไม่อย่างไรก็อีกเรื่อง ทางเราก็พร้อมขึ้นศาล

        เมื่อถูกถามว่ายอด 1.4 ล้าน เขาจะจ่ายวันไหน ทางทนายก็ตอบว่า เขาไม่จ่าย เขาพูดชัดเลย เขายังไม่มีความจำเป็นต้องจ่าย คือมันคนละเรื่องไง เป็นหนี้ก็ต้องใช้ถูกไหม ลดหนี้ให้ 6 แสน แต่เขายังไม่จ่าย เขาบอกไม่สะดวก เขาบอกวันนี้จะแจ้งความดำเนินคดีกับลูกหมี อันนี้ไม่มีปัญหา สู้กันในศาล อันไหนเราทำผิดก็ยอมรับผิด แต่คุณเป็นหนี้ก็ต้องชำระ

        ลูกหมีก็บอกว่า พอเรายื่นข้อเสนอให้เต็มที่แล้ว 1.4 ล้าน พี่เขาบอกยังไม่สะดวกจะจ่าย ยังไม่กำหนดวันจ่ายเลย เจรจาไม่สำเร็จ ทางทนายก็สรุปว่า หนี้ 1.4 ล้าน เขามีตังค์จ่าย แต่เขาไม่สะดวกจ่าย เขาบอกไปกดเงินก็ได้ 1.4 ล้าน แต่เราทำชื่อเสียงเขาเสียหาย ตรงนั้นมันมากกว่า เหตุผลของเขาคืออย่างนี้

หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 เวลา 22.57 น.