เอ พศิน รับรู้สึกดีกับ เจนี่ แต่ต้องถอย เชื่อเรื่องหลุดจากคนใกล้ตัวฝ่ายหญิง

         ถูกโยงข่าวร้อนจนต้องออกมาเคลียร์เป็นการด่วน สำหรับ เอ พศิน ที่ถูกโยงในข่าวลือ นางเอกสายมู - พระเอกกล้ามปู - ดาราชายสายมูพญานาค ว่าสานสัมพันธ์กับ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ หลังฝ่ายหญิงเลิกกับอดีตสามี แต่ถูกตัดสัมพันธ์หลังเพิ่งคบกัน ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

อ่านข่าว เอ พศิน ขอเคลียร์ ! โดนโยงข่าว นางเอกสายมู-พระเอกกล้ามปู แจงกับ เจนี่ เจอกันยังไง ?

         ล่าสุด (2 ธันวาคม 2567) เอ พศิน ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า ตนขออนุญาตเล่าถึงว่าที่เพื่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกันเลย คือสองท่านนี้ เจนี่ กับ อั้ม เขามีความศรัทธาในปู่พญานาคมานานแล้ว ถามว่าทำไมถึงรู้จักกัน เพราะว่า 12 ปีก่อนเคยเล่นละครด้วยกัน เขาศรัทธาพญานาคและผ่านชีวิตมาหนักพอสมควร สิ่งที่เขาแสดงออกในโซเชียลดูเป็นคนเฟียร์ซ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนอ่อนไหวมาก เขามีความศรัทธาหลวงปู่ศิลา เจนี่ก็ไดเรกต์มาหา ก็เลยโทร. คุยกัน ทุกวันที่คุยกันก็จะเป็นในเรื่องของการสร้างเหรียญพญานาค ซึ่งเจนี่กตัญญูมาก ตนทราบมาจากพนักงานของเขาว่าเขาต้องการเพียงแค่กอดจากแม่

         ส่วนที่คนมองว่าอกหัก เอ เผยว่า อกหักตลอดเลย แต่ไม่ได้อกหักจากเจนี่ เพราะตนไม่ได้คาดหวังในความสัมพันธ์ คิดว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป และมองว่าเรื่องความสัมพันธ์ที่มันหลุด หลุดจากคนใกล้ตัว เรื่องจะมีแค่เจนี่ เลขา และน้อง ๆ ในบริษัทรู้หมด แต่น้อง ๆ ในบริษัทของตนไม่รู้ เพราะตนสัญญาว่าจะไม่บอก แต่การที่เจนี่ไว้ใจใครมาก ๆ เขาก็จะบอกเพื่อเป็นพยานว่าจะทำสิ่งนี้ แล้วพอมันหลุดไปก็เหมือนเพื่อนหวงเพื่อน ลูกน้องหวงเจ้านาย ซึ่งตรงนี้ตนเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าข่าวมันหลุดออกมาในลักษณะไหน

         สรุปแล้วจีบกันไหม คือตนยังไม่เคยพยายาม มันคือการทำงาน มันจีบไม่ได้ เขาเพิ่งแถลงข่าวไป มันควรจะผ่านเวลาไปประมาณปีนึงตนถึงจะเริ่ม ซึ่งพอถึงตรงนั้นตนอาจจะหมดพลังไปแล้วก็ได้ เพราะเราเห็นธรรมชาติของความเป็นผู้นำของเขา ซึ่งมองว่าผู้ชายที่จะอยู่ตรงนี้ได้ต้องมีความแกร่งมาก ๆ และต้องรักมาก ๆ ไม่ได้คิดจะจีบ แต่การที่เราจะทำงานกับเขา เราต้องนับถือเขา ตนนับถือในความอดทนของเขา การแสดงออกซึ่งมันตรงข้ามกับตัวตนของเขามาตลอด ตั้งแต่มีข่าวออกมาก็ยังไม่เคยคุยกับเขา ความห่วงใยมันก็คือพี่ชาย ระยะเวลาที่รู้จักกันประมาณ 3 เดือน เป็นช่วงโปรเจกต์ของการทำเหรียญ แต่ถ้าเป็นสเต็ปของการที่จะก้าวไปทำรายการ ตนบอกไว้ตรงนี้เลยว่าคนที่ห่วงใยและทำให้เกิดข่าวนี้ขึ้นมา ตนก็จะขออนุญาตไม่ยุ่งด้วย อย่างวันหนึ่งตน เจนี่ อั้ม มานั่งแถลงข่าว มันก็จะเป็นการใช้สื่อเพื่อทำเป็นไวรัลให้คนสนใจ ด้วยความที่ตนเป็นสื่อมวลชนเหมือนกัน ตนขอไม่ร่วมด้วยดีกว่า

         เอ ยังยอมรับว่า รู้สึกดีกับ เจนี่ ตั้งแต่เล่นละครด้วยกันเมื่อ 12 ปีก่อน และทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกดีและนับถือ เป็นความนับถือที่ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเก่งขนาดนี้ แต่ว่าโลกไม่รู้เลย วันนี้ตนออกมาบอกว่าเขาเป็นคนมีคุณค่าและมีความกตัญญู เขาทำทุกอย่างที่พ่อแม่ทำได้โดยที่ไม่ออกมาบอกใคร ตลอด 6 ปี มีความรู้สึกเกินเลยไหมในฐานะผู้ชาย มันพร้อมจะเกินเลยถ้าเขามีการตอบรับ แต่นี่มันไม่มี เขาเห็นเราเป็นพี่ชาย และเราก็ให้เกียรติกัน คำว่าให้เกียรติกันมันสำคัญมากในทุกความสัมพันธ์ เขาไม่ได้ปฏิเสธเรา แต่ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา อย่างที่บอกมันต้องใช้เวลา เพราะว่าเราทั้งสองคนก็มีลูก

         ตอนนี้สนิทกันไหม คือเราไม่เคยสนิทกันเลย เขาเป็นคนระวังตัวมาก แม้แต่ไลน์เขาก็ไม่ใช้รูปและมีการเปลี่ยนชื่อ คุยกันเป็นเพื่อนเพื่อทำงาน ตนยึดเขาเป็นต้นแบบในการประสบความสำเร็จ เขาก็แนะนำให้ตนนั่งสมาธิ ผู้หญิงคนนี้ใจเพชร อย่างวันนี้ถ้าสื่อมาแตะต้องเรื่องราวนี้ ก็ถือว่าตนต้องออกมาจากวงจรชีวิตของเขาเพื่อความสงบ อย่างน้อยเผื่อลูกกลับมาฟังสัมภาษณ์นี้แล้วจะได้ไม่งงและเข้าใจว่าแม่รักเขามากแค่ไหน

         ถามว่าต้องถอยออกมาไหม ก็ถอยออกมาอยู่ที่เดิม อนาคตถ้ามีโอกาสร่วมงานตนไม่ติด สามารถเจอกันได้ แต่ถ้าข่าวที่มันออกมาเป็นแบบนี้เพื่อที่จะเป็นการโปรโมตอะไรบางอย่าง แล้วใช้ตนเป็นเครื่องมือ ตนขอเชิญไปโหนกระแส ตนไม่ยอมเหมือนกัน คิดว่าการที่เอาชีวิตคนคนหนึ่งมาโปรโมตอะไรบางอย่างที่คุณทำร่วมกัน ตนว่ามันไม่โอเค เพราะตนไม่รู้เบื้องหลัง ทุกอย่างมันมีเบื้องหลังหมด ตนเชื่อว่าสื่อที่เอาลง เขาคงรู้สึกอยากให้มันเคลียร์ แต่ตนว่าข่าวแบบนี้มันรุนแรงและไม่เป็นธรรมกับเขาเลย ซึ่งตนเห็นตัวตนของเขาทั้งสองคน มองว่ามันน่ารัก ก็เลยต้องออกมาพูด

         ยืนยันว่าไม่ได้จีบ แต่ที่บอกว่าถอยคือลูกของเราทำกิจกรรมอะไรด้วยกันอาจจะไม่มีแล้ว เพราะมันทำให้คนเข้าใจผิด จุดยืนของเราต่างกัน ตนอยู่กับความจริง อยู่กับความเปลี่ยนแปลง คนคนหนึ่งที่เขามีความสุขอยู่กับความเพอร์เฟกต์ในเรื่องของวิถีชีวิตมาตลอดแล้ว ภาพที่ออกมามันต้องสมบูรณ์แบบเพื่อที่จะทำงานกับต่างประเทศได้ เขาไม่สามารถแสดงออกทางอารมณ์และความคิดได้อย่างเรา ซึ่งตรงนี้ถ้าเราเข้าไปแทรกแซงมันก็ไม่ใช่ เขามีคุณค่าเพราะเขาเป็นเขา แต่ที่เรานับถือเขาเพราะเขามีความไม่สมบูรณ์แบบหลายอย่างที่คล้ายเราเท่านั้นเอง

         ส่วนประเด็นเรื่อง อั้ม ตนไม่รู้เหมือนกัน เขาก็อาจจะสนิทกันมากจริง ๆ ถึงขั้นข้ามเพศสภาพ บางทีอาจจะมองไปแล้วมันมีอะไรเกินเลยไปหรือเปล่า เพราะเราไม่ใช่เขา เราไปตัดสินไม่ได้