ควงคู่กันเข้าสู่ประตูวิวาห์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับพระเอกหนุ่ม เจมส์ จิรายุ กับแฟนสาวนอกวงการ โฟม เบ็ญจมาส ที่เข้าพิธีหมั้นและแต่งงานกันในบรรยากาศอบอุ่น ท่ามกลางครอบครัว เพื่อน ๆ คนสนิท และผู้ใหญ่ในวงการ ที่มาร่วมยินดีและเป็นสักขีพยาน ในวันที่ 19 ธันวาคม 2567
โดยล่าสุด เจมส์ จิรายุ และ โฟม เบ็ญจมาส ก็ได้ควงคู่กันมาให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนในวันแต่งงาน ทั้งเรื่องเส้นทางรัก อุปสรรคที่จับมือกันผ่านมาได้ ความประทับใจที่มีต่อกัน พร้อมทั้งแพลนในอนาคต
- เจมส์จิ เล่าว่างานเมื่อเช้าเป็นบรรยากาศที่น่ารัก ผมกับกับโฟมคือตั้งใจไว้ว่าคืออยากจะจัดงานแบบเป็นบรรยากาศในสวน แล้วก็อยากแบบว่าใช้เวลากับทุกคน ก็เลยมีจำนวนคนไม่ได้เยอะมาก ก็อยากขอโทษด้วยถ้าไม่ได้เชิญใคร เพราะว่ามีความวุ่นวายเล็กน้อย แล้วก็อยากให้เราได้ใช้เวลากับทุกคนแบบจริง ๆ เลยกลายเป็นบรรยากาศแบบนั้น
- โฟมเผยความรู้สึกว่าก็โล่ง มันก็เป็นงานแต่งครั้งแรก แล้วเราก็เขินกับทุกคน แล้วพอมันผ่านไปด้วยดีก็เลยรู้สึกว่าโอเคโล่ง แล้วทุกคนแฮปปี้ เราก็แฮปปี้ เรื่องงานแต่งคุยกันมานาน แต่เวลาเตรียมไม่นาน ดีเทลไม่ได้เยอะ เรื่องการจัดงานแบบสบาย ๆ ก็ชอบ ส่วนตัวไม่ได้มีงานในฝันที่แพลนไว้ ก็อยากให้ดูแบบอบอุ่น พอมาที่นี่ก็ชอบบรรยากาศ มีต้นไม้ มีสีสันของดอกไม้
- เจมส์จิบอกว่า เขาชอบอะไรผมชอบหมดครับ พอถูกถามว่าชอบอะไรที่สุด เจมส์ก็บอกว่า ชอบอะไรที่สุด ก็ต้องชอบเขาที่สุดอยู่แล้วครับ งานเงินไม่ได้สนใจ การจัดงานเป็นยังไงเราไม่เป็นไรหรอก ชุดก็สวย เจ้าสาวสวยกว่า
- โฟมบอกยังไม่ชินคำว่าสามีภรรยา แต่ก็เรียกได้ ปกติเรียกกันพ่อกับแม่ เพราะมีน้องหมา แทนตัวเองว่าแม่กับพ่อ ก็เรียกแทนตัวเองไปเลย เพราะชิน
ภาพจาก ไนน์เอ็นเตอร์เทน
- เรื่องตอนขอแต่งงาน โฟมเคยบอกแต่แรกแล้วว่าถ้าขอ อย่าคุกเข่า เขาเขิน ส่วนเจมส์คิดว่าตอนขอก็น่าจะมีสักซีน พอขอจริงคุกเข่า เขาก็เดินหนีจริง ๆ บอกว่าอย่า ไม่เอาแบบนี้ ลุกเดี๋ยวนี้ ก็คือเขิน ไม่ได้คาดหวัง และไม่คิดว่าเป็นวันนั้นด้วย เพราะเลยวันสำคัญที่เราคิด และไม่ใช่ที่ที่เราคิด คิดว่าถ้าขอเขาคงขอที่บ้าน มันก็ดีใจ แต่อีกใจก็รู้สึกว่า เออ...สักที
- นักข่าวขอให้เล่าตอนเจอกันครั้งแรก โฟมก็บอกว่า "เขาก็จีบหนู" เริ่มแรกก็ทำงานด้วยกัน เจอกัน ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร ตนทำงานเบื้องหลังโฆษณา ตอนนั้นมองเขาเหมือนเป็นลูกสาว เพราะยุคนั้นจะมีข่าวว่าเป็นหรือเปล่า เราก็มองว่าเป็นลูกสาวมาตลอด
- จนอีกครั้งนึงเจอ เพื่อนก็บอกว่าไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่ลูกสาวแน่นอน หลังจากนั้นเขาก็ DM มาคุยด้วย ประโยคแรกน่าจะเป็นสวัสดีครับ ทำอะไรอยู่ ขอไลน์ ตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่าเขาจีบ เพราะเขาดังมาก ทักหลายคนหรือเปล่า ก็คุยเรื่องประจำวันปกติ มารู้ว่าเขาจีบตอนข้อความเหมือนเต๊าะ เขาก็แพรวพราว แต่ติดทรง
- เจมส์บอกว่าตอนนั้นเห็นเขาก็มองว่าน่ารักดี ชอบลักษณะบุคคลิกประมาณนี้ ดูแอคทีฟ ขยัน ก็ชอบ เลยพยายามค้นหาว่าเราจะไปคุยกับเขาได้ทางไหน
- ถามว่าเติมเต็มกันยังไง โฟมก็บอก "เต็มบ้างไม่เต็มบ้าง" เรื่องคนมาดราม่าใส่ แรก ๆ อาจจะไม่ชิน แต่หลัง ๆ พอชินแล้วก็ชางมันเถอะ ก็มีที่ไม่จรรโลงใจ เราเสียใจ เคยเสียใจจนแบบอยากเลิก ไม่อยากคุย เขาก็จะไม่ยอมเลิก
ภาพจาก ไนน์เอ็นเตอร์เทน
- เจมส์เล่าว่ามีช่วงนึง พอเจอข่าวลบมาก ๆ เขาไม่ได้อยู่ในวงการ การดีลกับคอมเมนต์ต่าง ๆ หรือกระแสมันค่อนข้างหนักสำหรับเขา ที่เคยเล่า เขานอนร้องไห้ จนคุยกันเขาบอกว่าหรือเราจะเลิกกันดี จบสัมพันธ์นี้ คือเขาเข้าใจในหน้าที่การงาน และกระแสที่เกิดขึ้น แต่บางทีเขาก็รู้สึกว่า มันก็อาจจะหนักเกินไป
- โฟมบอกว่า ตอนนั้นเจมส์บอกว่า "ที่เรามีปัญหาเนี่ย เป็นเพราะคนอื่น เราจะไม่เลิกกันเพราะคนอื่น ถ้าเราเลิกกัน เราก็ต้องเลิกกันแบบที่เราไม่รักกัน" หลังจากนั้นก็อยากปล่อยบ้างไม่ปล่อยบ้าง
- ถามว่าประทับใจอะไรกัน โฟมบอกว่า เขาเป็นคนใจเย็นมาก พอมันใจเย็นแล้วมันก็เลยทำให้เรื่องต่าง ๆ มันเบาลง เหมือนมีปัญหาเขาก็พยายามจะแก้ให้ เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก ๆ ในแง่บวกมาก ๆ ไม่เคยคิดลบกับใครเลย เวลาเรารู้สึกไม่ดี พอคุยกับเขาแล้วมันสบายใจ รู้สึกว่าเขาใส่ใจเราทุกอย่าง แล้วเขาดีมาตลอด เป็นคนเริ่มแบบ จาก 0 ไป 100 แล้วจาก 100 มาเป็นติดลบ แล้วจากนั้นก็เพิ่มมาตลอด โดยคะแนนเขาไม่เคยลงเลย
- เจมส์บอกว่าตนเองเข้าวงการเป็น 10 ปี คบแต่คนนี้ ที่เคยบอกใครว่า "ผมพลาด" ก็คือพูดจริงแบบค่อนข้างติดตลก มองว่าในเรื่องของแบบความรักความสัมพันธ์ ด้วยระยะเวลามันก็มีประมาณนึง คิดว่ามัน เหมือนทุก ๆ คู่ คือคบกันไปทะเลาะกันไป แบบจะเลิก จะคบกันไปใหม่
- ถ้าเราไม่พูดถึงความรักความสัมพันธ์ รู้สึกว่าคือเขาเป็นคนที่เป็นคนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เป็นคนไม่ได้หวาน เป็นคนช็อต ๆ แบบนี้ เหมือนที่แบบที่ทุกคนเห็นกัน คิดว่าปฏิกิริยาแบบนี้ มันก็ทำให้เรามีแรงผลักดันในการทำโน่นทำนี่ต่อไป อยากทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น
- เรารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมีเจตนาดีตลอด แต่เป็นคนชอบช็อต เลยรู้สึกว่าเขาเหมือนเป็นสีสันที่มาเติมให้เราเต็มได้ จากคนที่ดูคิดเยอะนู่นนี่ พอมันเติมเสร็จ ก็มองว่ามันดูกลมกล่อมดี ในชีวิตของผมและชีวิตคู่ของเรา
- เรื่องแม่บ้านเขาเก่ง ทุกอย่าง ทำอาหาร ขนมได้หมด ไปต่างประเทศเขาจัดของให้หมด ไปเซอร์ไพรส์หน้างานว่าในกระเป๋ามีอะไรอยู่ เขาก็จะคอยดูแลทุกอย่าง เป็นคนละเอียดอ่อน หลังจากแต่งงานก็มีแพลนทำงานเหมือนเดิม และเป็นแม่บ้านด้วย ทำควบคู่กันได้ ตอนนี้ก็มีธุรกิจทำร้านอาหารอยู่ มีกาแฟ อาหาร ขนม เค้ก และทำเองด้วย
- แพลนมีทายาท แพลนมาตลอด มีวางแผนชีวิตมาตลอด แต่ตอนนี้ยังอยากเที่ยวอยู่ อยากมีเร็ว แต่ไม่มั่นใจว่าเร็วแค่ไหน เรายังอยากเที่ยว เพราะตั้งแต่คบกันมา ไปเที่ยวด้วยกันน้อย คือแพลนเรื่องมีลูกด้วยกันก่อนคุยเรื่องแต่งงาน พอการแต่งงานเลื่อนมาเรื่อย ๆ แพลนมีลูกก็ยังไม่ได้ตกลงกัน
- ถามว่าเหมือนกันไหม ไม่เหมือน โฟมบอกว่า เขาคิดแต่ไม่ทำ เป็นคนวางแผนเก่ง แต่ไม่ค่อยเริ่ม ส่วนโฟมทำแบบไม่ค่อยคิด เจมส์ก็บอกว่า ผมชอบเขามาก ทำงานเป็นการไฟฟ้า ช็อตอย่างเดียว
- ไม่อยากมีลูกช้ามาก ถ้ามีก็อยากมี 2 คน มีไปฝากไข่ไว้แล้ว เพราะไปตรวจร่างกาย เหมือนค่าฮอร์โมนเราไม่ค่อยปกติ ก็ฝากไข่ไว้ก่อน ตอนนี้ก็เลี้ยงน้องหมา ซ้อมกันไปก่อน ส่วนเจมส์บอกว่าถ้าเขาพร้อม ก็พร้อมให้เขาเสมอ
- เมื่อถูกนักข่าวแซวว่า ผู้หญิงทั้งประเทศอิจฉาเรามากเลยนะ โฟมบอกว่า "ไม่...เขาต้องอิจฉาเจมส์ที่มีแฟนเป็นหนู เขาได้ของดีของแรร์นะ" จากนั้นนักข่าวถามอีกว่า เขาบอกพระเอก Sold Out ไปอีกหนึ่ง อยากบอกอะไรสาว ๆ ไหม ? โฟมบอกว่า "เดี๋ยวดูแลให้นะคะ" ทำเอาลั่นกันทั้งวง ซึ่งเจมส์จิก็บอกว่า "ชอบมากครับ"
