ปุ้ย L.กฮ. เปิดใจปม ลำไย บอกเลิก ยอมรับปัญหาหลัก ๆ มาจากผม ขอปรับตัวใหม่

         จากข่าวที่แฟน ๆ ต่างใจหาย กรณี ลำไย ไหทองคำ ออกมาประกาศยุติความสัมพันธ์กับ ปุ้ย ศรีสกล สมทรง นักร้องวง L.กฮ. ปิดฉากความรัก 9 ปี โดยทางลำไยเปิดเผยว่าไม่มีเรื่องของมือที่สามมาเกี่ยวข้องนั้น

อ่านข่าว :  ลำไย ไหทองคำ ประกาศเลิก ปุ้ย L.กฮ. บอกเหตุผลชัด ส่องเฟซบุ๊กฝ่ายชายโพสต์อะไรบ้าง

         วันที่ 3 มีนาคม 2568 ปุ้ย L.กฮ. โพสต์คลิปเปิดใจผ่านเฟซบุ๊ก กล่าวเปิดใจถึงปัญหาที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้ต้องยุติสัมพันธ์ มาจากการใช้ชีวิตหลายอย่างที่ไม่ตรงกัน รวมทั้งยังมีการงอนและประชดเรื่องถอดแหวนจนทำให้ลำไยรู้สึกไม่ดี โดยหลังจากที่ลำไยโพสต์บอกเลิก ตนเองจึงขอโอกาสกับลำไยในการปรับตัวแล้ว
 

         ปุ้ย ระบุว่า ปัญหาที่น้องไยและผมได้ออกมาโพสต์วันนี้ ก็คือเป็นปัญหาของเราทั้งสองคน แต่หลัก ๆ ก็มาจากผม ก็คือเราอยู่กันมาหลายปี แต่เวลาน้องอยากจัดกิจกรรมวันเกิด กิจกรรมปีใหม่หรือกิจกรรมสังสรรค์เล็ก ๆ กับเพื่อน ๆ หรือกับบริษัท น้องไยก็จะแบบ เออพี่ไปด้วยนะ ไปที่นี่นะหนูเตรียมอาหารเตรียมอะไรที่พี่ชอบ พี่อยากได้อะไรเดี๋ยวหนูเตรียมให้พี่ไปด้วยนะ

         แต่พอถึงเวลาปั๊บผมก็ไม่ไป ทุกครั้งที่ผมเลี่ยงได้ผมก็จะเลี่ยงตลอด แล้วก็วันหยุดน้องลําไย ซึ่งน้องเขาไม่ค่อยมีวันหยุด เขาทํางานหนัก บางทีเขาถึงบ้าน 04.00 น. พอ  06.00 น. ก็ไปงานต่อ บางทีถึงบ้าน 07.00 น. ตอน 09.00 น.  ก็ไปงานต่อ นาน ๆ ทีเขาจะมีวันหยุด น้องชวนว่า พี่ไปกินอันนู้นกันไหม พี่ไปที่นี่ไหม หรือบางที พี่อีก 4-5 เดือนข้างหน้าหนูจะล็อกวันว่างสัก 2 วันดีไหม แล้วเพื่อเราจะได้ไป บอกโอ๊ยปุ้ยไม่ไป ปุ้ยไม่ไปที่นี่ ปุ้ยไม่ชอบกินอันนี้ ซึ่งผมเป็นคนที่เลือกของกิน เพราะว่าผมไม่กินเนื้อ อะไรที่ผมไม่กินหรือกินไม่ได้ผมก็ไม่ไปเลย ก็ปฏิเสธแบบนี้มาตลอด

         จนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เป็นเหมือนกิจกรรมเลี้ยงปีใหม่กัน ผมก็เฉย คือจะหนีไปห้องอัดบ้าง หนีไปอยู่ในบ้าน แล้วจะไปอัดเพลงบ้าง ไปแต่งเพลงบ้าง คือไม่ได้อยากจะอยู่สังสรรค์ เพราะว่าผมรู้สึกว่าผมเป็นคนที่เข้าสังคมยาก ผมพูดกับคนแปลกหน้าหรือว่าพูดกับสังคมกว้าง ๆ ผมพูดไม่เป็น ผมเป็นคนที่ประดิษฐ์คําพูดอะไรไม่ค่อยเก่ง ภาษากลางผมพูดไม่ค่อยเก่ง ก็เป็นแบบนี้

         บางทีน้องไยเขาก็อึดอัด ซึ่งเราเคยคุยเรื่องนี้กันมาตลอด เรื่องการใช้ชีวิตของผมนี่แหละ ทีแรกน้องไยก็อึดอัดว่าเออพี่ทําไมพี่ไม่ลองปรับตัวล่ะ แล้วพี่อยากให้หนูปรับตรงไหนพี่ก็บอกหนู พี่ลองเข้าสังคมดูไหม พี่ไม่ต้องจําเป็นจะมาเข้าสังคมกับเพื่อนหนูก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ พี่ก่อนแล้วก็ค่อยมา เราจะได้ใช้ชีวิตกันง่ายขึ้น พี่ลองไปถามเพื่อนพี่ดูไหมว่าเขาอยู่กับเพื่อนกับแฟนเขาทําตัวยังไง เขามีความสุขเขายิ้มแย้มแจ่มใส พี่ลองถามไหมเผื่อพี่จะได้มาปรับใช้กับหนู แล้วอยากให้หนูปรับตรงไหน หนูปรับให้ ทําไมกับเพื่อน ๆ พี่หนูเข้าหมดได้หมดเลย แต่กับเพื่อน ๆ หนูหรือกับอะไรอย่างเงี้ยทําไมพี่ถึงเลือกที่จะหันหลังให้

         ผมก็คิดว่าผมทําถูก ผมบอกว่า ไม่ก็ปุ้ยอยู่บ้านเนี่ย ปุ้ยก็ทําเพลงนะ ปุ้ยไม่ได้ไปไหน ปุ้ยมีห้องอัดมีอะไร ปุ้ยก็ไม่จําเป็นจะต้องไปเข้าสังคมหรือไปอะไรกับใคร ปุ้ยคิดว่าก็ไม่จําเป็นต้องปรับอะไร แต่ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ลองแยกกันอยู่ไหม ตอนนั้นผมก็เลยไปอยู่ใต้ เมื่อ 2 ปีก่อน อยู่ได้สัก 5-6 เดือน แต่ระหว่างอยู่เนี่ยก็ทักคุยกันอยู่ แต่ผมตั้งธงไว้แล้วว่า อ้ายลองวางแผนไว้เลยนะว่า ถ้าไม่มีผู้หญิงอ้ายจะต้องดําเนินชีวิตยังไง ปุ้ยจัดการชีวิตของปุ้ยไว้แล้ว ผมมาพูดกับเขาแบบนี้ ผมก็กลับไปอยู่ใต้ พอไปอยู่ได้สัก 5-6 เดือนมันรู้สึกว่า ทั้งผมและน้องไยรู้สึกว่าชีวิตที่เราใช้อยู่ตอนนี้ ที่ไม่มีกันและกัน มันไม่ค่อยสมบูรณ์ มันไม่ค่อยโอเค

         ผมก็เลยกลับไปอยู่ปทุมฯ ไปอยู่บ้านแม่แดง ผมก็พยายามปรับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาตลอด แต่ด้วยผมเป็นแบบนี้มานาน วันเกิดปีที่ผ่านมาของน้องไย น้องก็เตรียมสถานที่รอบนี้เขาจัด พี่หนูเชิญคนที่พี่รู้จักมาด้วยแล้วหนูก็เชิญนักร้องที่พี่ชอบมาด้วยนะ พี่ไปนะพี่ใส่เสื้อแบบนี้นะเวลานี้นะ พอถึงเวลาปั๊บผมก็ไม่ไป พอไม่ไปก็เงียบ เงียบกันไปสักหลายวันที น้องไยก็มาพูดว่า เออพี่แล้วเมื่อไหร่พี่จะปรับตัวจริง ๆ สักที หนูคิดว่าเราสองคนน่ะมันดีทุกอย่างเลยนะ เราเข้ากันได้ทุกอย่าง ทั้งหน้าที่การงาน การซัพพอร์ตรองรับการช่วยเหลือเกื้อกูลทุกอย่าง หนูเหนื่อย หนูทํางานหนัก หนูอยากให้พี่จะปรับให้หนูหน่อย

         ผมก็เหมือนประชดด้วย ก็เออไม่เป็นไร งั้นก็ไม่ต้องแยกกันอยู่เพราะเราแยกกันอยู่เราอยู่ไม่ได้ เราอยู่บ้านเดียวกันนี่แหละ เดี๋ยวถ้าให้เข้าบ้านวันไหนปุ้ยก็จะพยายามไม่เข้าบ้าน หรือถ้าอยู่บ้านเดี๋ยวปุ้ยก็จะพยายามเลี่ยง ๆ ผมพูดประชด น้องไยเขาถามว่า พี่พูดจริงหรือเปล่า ผมก็พูดจริง แล้วก็ทิ้งระยะห่างกันมาอีกสักพักหนึ่ง พอเมื่อไม่กี่วันมาเนี่ยผมก็ถอดแหวนที่น้องไยซื้อให้ เขาก็ถามว่า แหวนไปไหน แต่ทีนี้พอถอดแล้วผมหาไม่เจอ ผมก็บอก อ๋อถอดทิ้งไปแล้ว ก็บอกแล้วคือสรุปจะเอาแบบไหน ผมก็บอกถ้าแยกกันอยู่ไม่ได้ก็อยู่บ้านเดียวกันนี่แหละ แล้วแต่แบบไหนก็แบบนั้น
 

         เขาบอกว่าพี่คิดดีแล้วใช่ไหม ผมก็บอกพี่คิดดีแล้ว อันนี้คุยเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แล้วน้องไยเขาเป็นคนที่พูดน้อย เขาไม่ค่อยอธิบาย ไม่ค่อยถามอะไร เขาเป็นคนพูดน้อยมาก แล้วเขาทํางานหนัก เขาทํางานหนักจริง ๆ ครับ เขาก็อาจจะไม่ได้มีเวลามาเซ้าซี้จุกจิกอะไรมากมาย ไม่ค่อยถามอะไร เมื่อวานเขาถามผมอีกรอบหนึ่งว่า พี่แหวนอยู่ไหน พี่เป็นยังไง อ๋อ แหวนไม่มี แล้วทิ้งไปแล้วไม่ใส่แล้ว พี่คิดดีแล้วใช่ไหม ก็คิดแล้ว ผมก็ตอบแบบนี้ สรุปคือเขาโพสต์เลยวันนี้ เพราะไหน ๆ ตัดสินใจแล้ว แต่พอน้องไยโพสต์ ผมก็มารู้สึกว่า ผมไม่ได้ต้องการจะให้ความสัมพันธ์มันมาหยุดที่เราต้องเลิกกัน แค่พยายามจะขอเวลาปรับอีกนิดหนึ่ง

         วันนี้ก็ได้คุยกับน้องไยว่า ปุ้ยขอโอกาสในการปรับตัว ขอโอกาสอีกได้ไหม ซึ่งน้องไยเขาก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไร เพราะว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าหมดรัก หรือโกรธ ถ้าอยากให้หนูปรับตรงไหนก็บอกได้เลย แต่ที่หนูโพสต์เพราะว่า หนูถามพี่ตั้งหลายรอบแล้ว จนน้องตัดสินใจโพสต์ออกไป

         ผมขอบคุณทุกๆ คนที่เป็นกําลังใจให้ผมกับน้องลําไย ส่วนปัญหาที่มันเกิดขึ้นอย่างน้อยมันทําให้ผมได้รู้ว่า ผมไม่ควรจะเอาศักดิ์ศรีหรือว่าเอาความประชดประชันไปคุยกับคนที่เรารัก หรือคนที่เรารู้สึกว่าเขาเป็นครอบครัวของเรา มันทําให้ผมได้รู้จักความรัก ได้ใช้ความรักให้เป็นมากยิ่งขึ้น ได้โตขึ้นในเรื่องการดูแลครอบครัว ดูแลความรัก