แอมป์ พีรวัศ ปล่อยโฮ เล่าโมเมนต์ขายขนมปังได้ครั้งแรก ที่ร้องไห้ ไม่ใช่เพราะเศร้า

แอมป์ พีรวัศ เปิดใจผันตัวเป็นพ่อค้าขนมปัง เผยเหตุไม่มีงานแสดงเลย ต้องหารายได้จุนเจือครอบครัว ก่อนปล่อยโฮกลางวงสื่อ เหตุจากความตื้นตันใจ

ภาพจาก Bogus Suptar

ประกาศผันตัวไปทำธุรกิจส่วนตัวร้านขนมปังอย่างเต็มตัว พร้อมสถานะ “พ่อค้าขายขนมปัง ที่สามารถเล่นละครได้นิดหน่อย” ล่าสุด (4 เมษายน 2568) แอมป์ พีรวัศ ก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนแบบหมดเปลือก ถึงที่มาที่ไปของการเริ่มต้นธุรกิจนี้ เนื่องจากไม่มีงานแสดง กับความรู้สึกในวันแรกที่เริ่มขายได้ ทำเอาเจ้าตัวปล่อยโฮกลางวงสัมภาษณ์ เพราะความรู้สึกตื้นตันใจที่มีคนรักและซัพพอร์ตขนาดนี้

ภาพจาก Bogus Suptar

          - แอมป์ พีรวัศ เล่าว่า ช่วงนี้ก็นอนตี 2 ตื่น 9 โมงเช้าทุกวัน ทำอาชีพใหม่ เป็นพ่อค้าขายขนมปัง ที่สามารถเล่นละครได้นิดหน่อย ตอนนี้ก็มีธุรกิจใหม่ เป็นธุรกิจหลัก เพิ่งเข้าสู่วันที่ 20 ขอบคุณทุกท่านที่อุดหนุนและเชื่อใจ

          - จุดเริ่มต้นของธุรกิจคือไม่มีงานแสดง 100% เลย แต่ธุรกิจนี้คิดตั้งแต่ตรุษจีนที่แล้ว ตอนนั่งคุยกับอาโก พลิกแพลงสูตรมาเรื่อย ๆ จนมันตกผลึกตอนที่ว่างจากงานละครทั้งหมด ตอนนี้มีรอออนแอร์อยู่ 3 เรื่อง ไม่ได้ออนเลย เราก็เป็นคนที่ไม่มีเงินเดือน แล้วเราก็ยังมีรายจ่ายอยู่ตลอดเวลา เราก็เลยคุยกับอาโกว่าไม่ได้ละ ช่วยผมหน่อย เลยรีบขุดอันนั้นออกมาทำเลย

          - ที่บ้านก็มีความรู้ด้วย ทำเบเกอรี่อยู่แล้ว 70 ปี คือทำเบเกอรี่ส่งสิงคโปร์ คือขนมไหว้พระจันทร์ เขาชวนให้ทำตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว แต่ไม่ทำ เพราะเรามีงานที่เรารัก เหมือนเราเล่นละครมาทั้งชีวิต ให้ไปทำอย่างอื่นก็ไม่รู้จะทำอะไร โดยตอนนี้ก็ยังคงรับละคร ทำในสิ่งที่รัก แต่ต้องมีอาชีพที่จับสด หากินได้ทุกวัน มีรายได้ เพราะรายจ่ายเรามีทุกวัน ก็เลยทำขนมปังนี้ มีเป็นโรงงานเลย เราก็คุมเชฟ คุมสูตร

          - ตอนนี้ก็คือเหมือนต่อยอดธุรกิจเดิมของครอบครัว มาทำของตัวเอง ในทางสุขภาพ แตกไลน์มาเป็นธุรกิจของเราเอง ที่สามารถส่งต่อให้กับลูก และภรรยาเราก็ทำได้ ตอนนี้เป็นอาชีพหลักของเราเลย

ภาพจาก Bogus Suptar

          - เมื่อถูกถามถึงอาชีพหลัก แอมป์บอกว่า "ตอนนี้เมียเลี้ยงครับ" ผมเป็นคนไม่มีรายได้เลย รายได้ 0 บาท มานานมากแล้ว อยู่ได้เพราะภรรยาเลี้ยง คือละครถ่ายเสร็จหมดแล้ว เงินก็ใช้หมดแล้ว เพราะมันนานแล้ว ซึ่งมันก็ยังมีค้างอีก 20-30 เรื่อง ที่รอออน ก็ไม่รู้จะเมื่อไร แต่ตอนนี้เราต้องมาหาเงินทันที

          - ตอนแรกก็เครียด เพราะคิดว่าจะทำไงดีวะ ทำอะไรดีวะ พูดแบบนี้ตลอด จนภรรยาบอกว่าเป็นไงพี่ พี่ไม่ได้พูดคำนี้แล้ว ทุกวันนี้ก็ได้มาทำธุรกิจขนมปัง ทำกันเองสามีภรรยา ลูกชายก็มาช่วยบ้าง เราก็ช่วยฝึกให้เขา เราก็เลี้ยงลูกดีที่สุดที่จะทำให้เขาได้ ไม่รู้ว่าพ่อหาเงินยังไง

          - แต่ 20 วันที่ผ่านมา เขารู้แล้ว และไม่ค่อยเรียกร้องอะไร เพราะจะซื้ออะไรก็บอกว่าป๊าไม่มีเงิน ลูกบอกไม่เป็นไร เอาเงินหนูมา เลยบอกว่า เงินหนู หนูก็ต้องหาสิ นั่นเงินเก็บหนูก็ต้องเก็บ ยังไม่ถึงเวลาใช้ แต่ที่แน่นอนก็คือ ถ้าวันนี้อยากจะกินอะไร มาช่วยป๊ายืนขายของ ผมมีค่าตัวให้ แล้วเงินนั้นคุณจะเก็บก็แล้วแต่คุณ จะใช้ก็แล้วแต่คุณ เป็นการที่เขาทำอะไรแลกเพื่อได้เงินมา

          - ลูกก็เริ่มเข้าใจ เริ่มไหว้คนเป็น เริ่มแบบคล่อง ๆ มือ แต่ก่อนเนี้ยเด็กรุ่นใหม่ การไหว้คนยาก แต่พอมาเป็นพ่อค้าแล้วเขารู้เลยว่าการไหว้เป็นเนี่ยสำคัญ ก็อยากปลูกฝังเรื่องนี้ให้ลูกขณะที่เรายังอยู่กับเขา เพราะถ้าเราไม่อยู่ สิ่งที่กลัวคือเขาจะรอดไหม จะอยู่ได้ไหม ถ้าเราให้อะไรกับเขาติดตัวไว้ก็ไม่ต้องห่วงแล้ว รวมถึงธุรกิจนี้ด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องส่งต่อให้เขาทำตัวนี้ แต่เราให้ทักษะในการขาย จะทำอะไรก็ได้

ภาพจาก Bogus Suptar

          - มองว่าต้นทุนของตนเองจริง ๆ คือพี่ ๆ ทุกคนรัก พ่อแม่พี่น้อง พี่ป้าน้าอา ทุกคนรักผม เพราะเราไม่เคยสร้างเดือดความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ถึงเวลาที่เราลำบาก เรามีตั๋วเด็ก คือ ช่วยหน่อยนะครับ ขอบคุณนะครับ สวัสดีครับ 3 คำ แล้วก็ใช้ความจริงใจ ว่าถ้าเราทำให้ใครเดือดร้อนเราไม่ทำ

          - ยืนยันว่าสิ่งที่ทำคือไม่อาย ถ้าคุณไม่ได้ไปปล้นเขา ไม่ได้ไปทำให้เขาเดือดร้อน การยกมือไหว้ของคุณคือเสน่ห์ มันไม่ได้ทำให้คนเกลียดคุณเลย มันจะยิ่งทำให้คนรักคุณมากขึ้นด้วย ช่วงแรก ๆ เขินนะ เพราะโตมากับธุรกิจค้าขายอยู่แล้วแต่เด็ก แต่ตนทำงานในวงการนานมาก ๆ แต่การที่เริ่มธุรกิจวันแรกที่ไปนั่งเฉย ๆ ขายไม่ได้ คนแรกที่ซื้อคือพี่ที่ขายของข้าง ๆ ร้านเป็นคนซื้อ ช่วยพูดให้คนสนใจร้านตนเอง แล้วซื้อไปแจกคนอื่น ๆ ต่อด้วย

          - ตอนแรก ๆ ไม่รู้จะขายยังไง ของเราดีแต่คนไม่รู้จัก จนผ่านมา 20 วัน คนเริ่มเข้าใจ มาอุดหนุน มีการซื้อซ้ำ ก็ชื่นใจ วันแรกที่ได้เงินมา น้ำตาจะไหล ดีใจมาก แม้คนข้าง ซื้อ ก็จับมือกันในครอบครัว บอกว่าเรามีเงินแล้ว มันภูมิใจพอ ๆ กับเราได้โฆษณาตัวแรกเลย เหมือนจะร้องไห้ เพราะตอนนั้นนั่งขายมาทั้งวัน มองหน้าลูกก็จะร้องไห้ จะรอดไหม

          - ระหว่างที่เล่าอยู่ แอมป์ พีรวัศ ก็จะร้องไห้ มันรู้สึกจริง ๆ คือมันดีใจ ชื่นใจ ตอนที่ขายออกครั้งแรก ตอนนี้ก็มีขายหน้าร้านและออนไลน์ ไม่มีแอดมิน ตนเองตอบเอง จากนั้น แอมป์ ก็ร้องไห้ บอกว่าตอนนั้นคือดีใจจริง ๆ ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนเลย ที่รักและมั่นใจในตัวตนเอง ว่าจะทำได้ ตนเองก็ตั้งใจจริง ๆ บางคนไม่รู้ของเราเป็นยังไงก็อยากอุดหนุนจริง ๆ

ภาพจาก Instagram amp_pheerawas_k

          - ตนเองไม่พะวงอะไรเลย กลัวลูกกับเมียลำบาก เราเป็นเสาหลัก พอมันจะเริ่มหายใจคล่องขึ้น เรื่องเหนื่อยไม่ต้องพูดถึง ก็หายเหนื่อยแบบปลิดทิ้งเลย ขอบคุณทุกคนที่อุดหนุนและให้กำลังใจ มีคนขับรถมาหา แค่มาจับมือ บอกว่าสู้ ๆ นะพี่เป็นกำลังใจให้พี่ติดตามผลงานเราตลอด เขาก็ลำบาก ก็บอกเขาว่า ไม่ต้องอุดหนุนผม แค่มาถ่ายรูปกับผมก็ได้ ทุกคนก็ลำบากเหมือนกัน

          - ครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุด คนที่จะช่วยคุณได้คนเดียวในชีวิตคือตัวคุณเอง ตัวคุณเท่านั้น ทุกคนที่กำลังท้อแท้ ทุกคนที่กำลังหมดหวัง คุณดูผมไว้ ผู้ชายร้องไห้ได้ ผมเคยให้สัมภาษณ์บอกว่าถ้าอยากเห็นน้ำตาผมให้ไปดูในละครเนอะ น้ำตาของผมวันนี้มันไม่ได้เป็นน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ แต่ผมดีใจ แล้วผมขอบคุณ ไม่รู้จะขอบคุณยังไง คนที่รักผมทั้งหมด คนที่เอ็นดูผม เพยายามช่วยผมทุกวิถีทางจริง ๆ

          - ต้องบอกให้ทุกคนยึดมั่น เชื่อในความดีที่คุณเคยทำไว้ เพราะถ้าคุณไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน คุณไม่มีวันตกต่ำเพราะจะมีแต่วันมีแต่คนช่วยคุณ มันจะมีแต่คนซัพพอร์ต มีแต่คนให้กำลังใจคุณวันเนี้ยผมทำงานวงการมา ตั้งแต่อายุ 14 จนถึง 38 ผมก็เพิ่งรู้ว่ามีคนรักผมเยอะ ขอบคุณมากมากขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ

          - ส่วนขนมปังตอนนี้ขายแค่ทางออนไลน์เพราะหลังจากแผ่นดินไหวก็ไม่ได้ขายที่ในห้าง ก็ไปอุดหนุนหรือสอบถามกันได้ที่ Line @ WhiBE