เลี่ยงใช้ ยาแก้หวัด ด้วยเทคนิคตะวันออก

เลี่ยงใช้ ยาแก้หวัด ด้วยเทคนิคตะวันออก (modernmom)
โดย: แม่ขวัญข้าว-ข้าวขวัญ

         ช่วงอากาศแปรปรวนแบบนี้ทำเอาป่วยไข้กันได้ง่าย ๆ คราวนี้ก็เลยจะมาเล่าประสบการณ์การใช้วิถีตะวันออกแทนการกินยาดูแลลูกยามไม่สบายให้ฟังค่ะ

          เสียงร้องไห้ของเด็ก ๆ ทำให้พ่อแม่และคนในบ้านทุกคนเครียดไปตาม ๆ กัน จะมากหรือน้อยขึ้นกับความกังวลและประสบการณ์ของเจ้าของความเครียดแต่ละคน เชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านคงมีประสบการณ์ในการดูแลเด็กมาบ้าง ในยามปกติเด็ก ๆ ก็เปลี่ยนแปลงทุกวันอยู่แล้ว ยิ่งในยามเจ็บไข้ได้ป่วย ยิ่งเดาไม่ออกเลยว่า ควรทำอย่างไรเพื่อให้เสียงร้องนั้นบรรเทาลงหรือเงียบไปเลย เพื่อความสงบสักช่วงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะในยุคนี้ที่อากาศเปลี่ยนแปลงแบบไม่รู้ว่าจะเรียกว่าฤดูไหน บางวันมีครบทั้งสามฤดู เช้า ๆ อากาศเย็น กลางวันร้อนจัด ช่วงเย็นฝนตกหนัก เป็นต้น

นมแม่คือภูมิคุ้มกันชั้นดี

          เด็กเล็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กที่ได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด มักมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ในตำรายาอายุรเวช ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดียกล่าวว่า ทันทีที่สตรีมีครรภ์ โลหิตของประจำเดือนจะหยุดไหลออกจากร่างกายและจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนหนึ่งจะถูกเตรียมเพื่อสะสมเป็นน้ำนมไว้เลี้ยงทารกหลังคลอด น้ำนมนี้ได้รับการกลั่นจากเลือดโดยม้ามและกระเพาะอาหาร ให้ภูมิต้านทานแก่ทารก ในน้ำนมมีภูมิต้านทานอันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ตกทอดสู่เรา คุ้มกันโรคให้เราตลอดชีวิต และหากคุณแม่เลือกรับประทานอาหารได้อย่างสมดุลก็จะสร้างน้ำนมที่มีคุณค่าต่อทารกได้เป็นอย่างดียิ่ง ส่งผลให้ทารกแข็งแรงและไม่ค่อยเจ็บป่วยจากการติดเชื้อโรคใดๆ เนื่องจากมีภูมิคุ้มกันที่ดีนั่นเอง ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เด็กป่วยก็เริ่มต้นที่คุณแม่นั่นเอง

          แต่หากในครอบครัวมีเด็กหลายคนที่อายุไล่เลี่ยกัน ก็มักมีเหตุการณ์ที่เด็กวัยอนุบาลนำหวัดมาแพร่ให้น้องเล็ก ๆ ในบ้านอยู่เสมอ น้องมักจะแสดงอาการหวัดตอนพี่อาการทุเลาลง พอพี่หายป่วยได้สักพักก็อาจติดหวัดมาใหม่ จึงทำให้ดูเหมือนป่วยบ่อยหรือป่วยเป็นประจำ จนทุกบ้านมักมียาลดไข้เด็กติดไว้เสมอ หรือไม่ก็ยาลดน้ำมูก ละลายเสมหะ แก้ไอ ฯลฯ ที่กลายเป็นยาประจำบ้านที่มีเด็กเล็กนั่นเอง

          ดิฉันเองก็มียาเหล่านี้ติดไว้ในตู้เย็นที่บ้านเช่นกันค่ะ แต่ทุกครั้งที่เด็กป่วยก็มักจะพาไปพบแพทย์ก่อนเสมอ เพราะปัจจุบันมีโรคใหม่ ๆ แปลก ๆ ในเด็กเพิ่มมากขึ้น หรือโรคหวัดเองก็ดูเหมือนจะเป็นนานและหายยากกว่าแต่ก่อน ดังนั้นแม้อาการเริ่มต้นจะคล้ายๆ กัน แต่หากสังเกตมากหน่อยก็จะช่วยให้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาได้ดีขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดการใช้ยาปฏิชีวนะได้ด้วย

ลด ละ เลิก ยาปฏิชีวนะในครอบครัว

          บ่อยครั้งที่ดิฉันมักใช้ยาจีนหรือสมุนไพรแทนยาฝรั่งเมื่อลูกป่วย เพราะตนเองก็รักษาโรคด้วยวิธีการผสมผสานความรู้ทั้งตะวันออกและตะวันตก ดังนั้นลูกหลานจึงได้รับการดูแลเช่นนี้ไปด้วย เราจะมียาจีนสำหรับแก้หวัดติดบ้านอยู่เช่นกัน ยามเด็กมีไข้ก็จะต้มเหล่งเอี๊ยง ซึ่งเป็นยาสำหรับลดไข้ที่มีรสจืดให้เด็กกินแทนน้ำ คอยเช็ดตัวด้วยน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น เพราะบางครั้งเด็กมีไข้ตัวร้อน หากเราใช้น้ำเย็นเช็ดตัว เขาอาจเกิดอาการหนาวสะท้าน แต่ถ้าไข้สูงก็จำเป็นต้องใช้ยาน้ำช่วยด้วยค่ะ หรือหากมีอาการหวัด ก็ใช้ยาผงซาป๋วยอี๊ ซึ่งมีสรรพคุณในการบรรเทาหวัดที่มีอาการไอ เจ็บคอ ลดเสมหะ คัดจมูก น้ำมูกไหลปวดศีรษะ ตัวร้อน ลดไข้ ละลายน้ำป้อนเด็ก เพื่อลดอาการต่าง ๆ การใช้ยาลดน้ำมูกช่วยให้น้ำมูกแห้งลงก็จริง แต่ก็ทำให้น้ำมูกเหนียวมากขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

          และอุปกรณ์สำคัญ คือที่ดูดน้ำมูกก็ช่วยได้มากนะคะ เพราะเด็กเล็ก ๆ ไม่สามารถสั่งน้ำมูกออกจากร่างกายได้เอง คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ดูแลต้องช่วยให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้นด้วยการดูดน้ำมูกให้เป็นระยะ ๆ ก็จะช่วยให้เขาสบายตัวเพราะหายใจสะดวกขึ้นและลดเสียงร้องโยเยไปได้บ้าง หรือหากอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องใช้ยาต้ม ซึ่งต้องไปตรวจโดยการจับชีพจรและเจียดยาจากร้นขายยาจีนมาต้มให้เด็กกิน ซึ่งจะกินยากกว่ายาฝรั่งซึ่งเป็นยาน้ำรสชาติหอมหวาน แต่ทุกครั้งลูกก็หายดีด้วยยาจีนเช่นกันค่ะ

          ส่วนสมุนไพรที่ดิฉันใช้เมื่อเด็กมีอาการหวัด ก็คือหอมแดง ที่เรามักนำไปทำความสะอาดแล้วต้มน้ำให้เด็กอาบ หรือทุบพอบุบแล้ววางไว้ข้างหัวนอนเด็กเพื่อช่วยให้เขาหายใจสบายขึ้น หรือหากท่านผู้อ่านท่านใดมีสมุนไพรที่ใช้เป็นยาได้ ก็เขียนมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง พร้อมขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

          แต่สุดท้ายอยากบอกว่าการเริ่มต้นดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง จะช่วยให้ร่างกายสมดุล ไม่เจ็บป่วยและไม่ต้องเลือกใช้ยาในที่สุดค่ะ หวังให้เด็กทุกคนสุขภาพแข็งแรง จิตใจแจ่มใส แล้วไม่ต้องเจ็บป่วยนะคะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก