เด่น สมเดช มงคลดี อดีตนายแบบหนุ่มแพรว เปิดประสบการณ์เฉียดตาย ต้องนอนไม่ได้สตินับครึ่งปี เหตุเพราะหกล้มหน้าแช่ในน้ำคลำ เผยมองโลกเปลี่ยนไปมาก และสัมผัสได้ถึงความรักที่บริสุทธิ์จากคนรอบข้าง และกำลังใจจาก ณเดชน์ ตั้งแต่ยังไม่ดัง จนตอนนี้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ก็ไม่เคยทิ้งกัน
เป็นเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริง สำหรับอดีตนายแบบหนุ่มแพรวอย่าง สมเดช มงคลดี หรือคุณเด่น ที่มีอันต้องเผชิญกับช่วงเวลาเป็นตาย หลังป่วยเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากวัณโรค จนนอนไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาลนานถึงครึ่งปี แต่ด้วยความรักจากคนในครอบครัว และกำลังใจจากมิตรสหาย ทำให้ในที่สุดเขาคนนี้ก็ได้ก้าวผ่านช่วงเวลาดังกล่าว ฟื้นขึ้นอย่างปาฏิหาริย์จนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง ดังเรื่องราวที่รายการตีสิบเดย์ ทางช่อง 3 ได้นำมาออกอากาศในวันที่ 12 กันยายน 2558
หากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เชื่อว่าคงมีคนไม่น้อยที่ได้เคยเห็นผลงานการถ่ายแบบของ เด่น สมเดช มงคลดี จากปกนิตยสารต่าง ๆ โดยเขาคนนี้เคยได้รับตำแหน่งรองหนุ่มแพรว 2533 ปีเดียวกับที่ เบิร์ด พิทยา ณ ระนอง ได้ตำแหน่งหนุ่มแพรว ก่อนจะอำลาวงการถ่ายแบบไปนานถึง 19 ปี นอกจากนี้คุณเด่นก็ยังเคยเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติอีกด้วย
แต่แล้วชีวิตของเขาก็มีอันต้องถึงจุดพลิกผัน เมื่อในวันหนึ่งเจ้าตัวได้เกิดเหตุลื่นล้มจนหน้าคว่ำแช่ลงในน้ำคลำ บริเวณคูน้ำของตลาดสดฃ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ถึง 10 วินาที แต่นั่นกลับเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด คุณเด่นเผยว่าในวันดังกล่าวเขายังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ ยังลุกขึ้นและกลับบ้านไปอาบน้ำนอนตามปกติ จนต่อมาเขาได้เดินทางไปรับผ้ากระสอบที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นอาชีพเสริมนอกจากการขายเนื้อในตลาดที่ขอนแก่น การที่เขาไม่ได้ใช้ผ้าปิดจมูกจนสูดดมเศษที่ลอยออกมาจากผ้ากระสอบเข้าไป จึงอาจเป็นเหตุให้เกิดการติดเชื้อวัณโรคขึ้น
คุณเด่น เล่าว่า ในตอนนั้นเขาได้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างหนังเหมือนสมองจะแตก จึงได้ตัดสินใจบอกพี่สาวที่อยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ จากนั้นก็เดินทางไปยังบ้านพี่สาวแล้วได้ลื่นล้มที่นั่น ทำให้ถึงกับหมดสติไปจนหลานชายต้องพาส่งโรงพยาบาลแล้วประสานส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสุรินทร์ และตัวเขาก็ไม่ได้สติอีกเลยนับตั้งแต่นั้น
นับจากวันนั้น แพทย์ได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากวัณโรคของคุณเด่น โดยให้สเตียรอยด์เพื่อลดอาการบวมของสมอง ร่วมกับการให้ยาฆ่าเชื้อ ในช่วงเวลาเหล่านั้นเขายังคงไม่ได้สติและมักจะทำเรื่องต่าง ๆ ลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว เช่นบางวันก็ลุกขึ้นมาฉี่ใส่แม้แล้วกลับลงไปนอน หรือลุกขึ้นมาหัวเราะและดึงสายน้ำเกลือ ท่อช่วยหายใจ ท่ออาหาร จนในที่สุดคุณแม่กับพี่สาวจึงตัดสินใจจับมัดมือมัดขาไว้กับเตียง และใส่ท่อทุกอย่างกลับเข้าไปใหม่
การรักษาหลังจากนั้นยังเป็นการให้ยาตามอาการไปเรื่อย ๆ กระทั่งอาการของเขาทรุดหนักเกินจะเยียวยา เนื่องจากน้ำเสียที่เกินขึ้นจากวัณโรคได้เข้ามาท่วมอยู่ในสมอง แทนที่จะลงไปไขสันหลังแบบคนทั่วไป แพทย์ยังพยายามให้สเตียรอยด์จนกระทั่งไตเริ่มไม่ทำงาน ตัวเหลืองจนต้องให้เลือด และท้ายที่สุดเมื่อไม่ไหวแล้วแพทย์ก็ได้บอกกับแม่ ขอให้เขาได้กลับมาตายที่บ้าน เพราะแม้ผู้ป่วยจะรับการผ่าตัดรักษา ก็คงเหลือทางเลือกเพียงไม่รอด กับรอดแต่กลายเป็นเจ้าชายนิทราเท่านั้น
เนื่องจากคุณเด่นเป็นชาวมุสลิมซึ่งต้องมีการฝังศพหลังเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง ทางญาติจึงได้มีการเตรียมฝังหลุมไว้รอเขาแล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าว คุณเซ้ง ขอนแก่น เพื่อนสนิทที่คบหากันมานานกว่า 20 ปีจึงได้ตัดสินใจลางาน 3 วันเพื่อมาดูหน้าเพื่อเป็นครั้งสุดท้าย แต่แล้วก็ร้องไห้อย่างหนักจนแม่ของคุณเด่นต้องเดินหนีเพราะไม่อยากเห็นภาพสะเทือนใจดังกล่าว ขณะที่คุณเซ้งเล่าว่า วินาทีแรกที่ได้เห็นเพื่อนที่โรงพยาบาล คือทำใจไม่ได้ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่บอกเขาว่ามาเยี่ยมนะ ซึ่งเพื่อนก็มีน้ำตาไหลซึมอยู่ที่หัวตาแม้จะยังไม่ได้สติ ทำให้เชื่อว่าเพื่อนคงจะไม่อยู่ในโลกอีกแล้ว
หลังจากถอดท่อช่วยหายใจออก แม่ของคุณเด่นก็ได้พาเขากลับมาที่บ้านและได้เช็ดตัว เช็ดหน้าให้ลูกชายเท่าที่ทำได้ เพราะคิดว่าจะนี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นลูกแล้ว อย่างไรก็ตามในระหว่างนั้นเอง แม่ของคุณเด่นก็ได้พูดกับลูกชายที่ยังไม่ได้สติว่า "จำแม่ได้ไหม" ซึ่งคุณเด่นก็ตอบไปว่า "จำได้" เมื่อถามต่อว่า "รักแม่ไหม" คุณเด่นที่ยังไม่มีสติก็ตอบกลับไปว่า "รัก" และนั่นเองที่ทำให้คุณแม่รู้สึกได้ว่าลูกชายคงจะยังไม่อยากจากโลกนี้ไปง่าย ๆ จึงได้โทรศัพท์ไปบอกลูกสาวกลางดึกว่า "แม่จะเอาไว้อีกนะ เพราะความดันเด่นไม่ตก และหายใจด้วยตัวเองได้"
นั่นคือการตัดสินใจครั้งสำคัญจากหัวอกคนเป็นแม่ของ คุณแม่สายหยุด มงคลดี ที่ขอเลือกจะดูแลลูกชายไปทั้งชีวิตแม้ว่าลูกชายจะต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราก็ตาม เธอตัดสินใจให้แพทย์ผ่านำน้ำในสมองออกจากศีรษะของคุณเด่น แม้จะมีโอกาสรอดเพียง 50% โดยก่อนหน้านั้นก็ได้ไปเรียนรู้วิธีการทำอาหารเหลวสำหรับป้อนผู้ป่วย รวมถึงเรียนรู้วิธีการดูแลผู้ป่วยเป็นเจ้าชายนิทราไว้ล่วงหน้า ทำใจไว้ว่าจะขอเลี้ยงดูลูกชายไปทั้งชีวิตจนกว่าจะพรากจากกัน
หลังจากการผ่าตัดระบายน้ำท่อไขสันหลังจากสมองสู่ช่วงท้อง เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2557 ในที่สุดปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อคุณเด่นสามารถฟื้นกลับมาได้สติอีกครั้ง หลังนอนหมดสติอยู่เนิ่นนานตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2557 จนสามารถฟื้นฟูร่างกาย ทำกายภาพจนสามารถลุกขึ้นเดินและออกจากโรงพยาบาลได้ในเดือนสิงหาคม 2558
คุณเด่นเปิดเผยว่า การได้ฟื้นมาในครั้งนี้ทำให้เขาได้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อโลกไปอย่างสิ้นเชิง จากที่คิดว่ามิตรแท้ไม่มีอยู่จริงนอกจากคนในครอบครัว ก็ได้เห็นว่าแท้จริงแล้วยังมีมิตรสายดี ๆ ที่รักเขาจากใจจริงอยู่อีกมาก ทั้งเพื่อนอย่างคุณเซ้ง ขอนแก่น, เอ ศุภชัย ตลอดไปจนถึงพระเอกหนุ่มซุปตาร์อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ และคุณแม่แก้ว ที่คอยเป็นกำลังใจให้เขามาโดยตลอด จนสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ในที่สุด
นอกจากนี้ คุณเด่นยังได้เล่าความประทับใจที่มีต่อ ณเดชน์ คูกิมิยะ และคุณแม่แก้ว ซึ่งเขาได้รู้จักมาตั้งแต่พระเอกหนุ่มจะเข้าวงการ โดยเผยว่า "รู้จักน้องตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ ตอนนั้นรู้จักผ่านพี่เซ็ง ขอนแก่น ที่เป็นเพื่อนสนิทคบกันมา 20 ปี กับ เอ ศุภชัย ก็สนิทกัน น้องเป็นคนที่เมื่ออดีตเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นเหมือนเดิม เสมอต้นเสมอปลาย เป็นคนน่ารัก เราปลื้มอยู่แล้ว จนพี่เซ้งพาน้องไปรู้จักกับพี่เอ เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่ก็ได้พูดคุยผ่านแม่แก้ว"
อีกหนึ่งความประทับใจครั้งใหญ่ก็คือคลิปที่ ณเดชน์ ได้ส่งมาให้กำลังใจแก่คุณเด่นตั้งแต่ตอนที่คุณเด่นยังไม่ได้สติ ซึ่งคุณเซ้งก็ได้เปิดให้คุณเด่นฟัง จนเมื่อคุณเด่นได้สติแล้วกลับมาดูอีกที มันก็ได้สร้างความซาบซึ้งใจและเป็นแรงใจอย่างมาก
ขณะที่ คุณเซ้ง เล่าว่า แม่แก้วเองก็เป็นอีกคนที่ติดตามข่าวอาการของคุณเด่นและภาวนาให้หายเป็นปกติ โดยในวันก่อนที่คุณเด่นจะรับการผ่าตัดใหญ่นั้นเป็นวันไหว้ราหู แม่แก้วก็ได้ทำพิธีสวดและไหว้ โดยมีการไหว้หนึ่งที่นำชื่อของคุณเด่นมาไว้กลางธูป 9 ดอกแล้วจุดไฟเผา ปรากฎว่าแม้ธูปจะไหม้ แต่ชื่อของคุณเด่นกลับไม่ไหม้ ทำให้แม่แก้วรีบโทรมาบอกคุณเซ้งด้วยความยินดีว่า "บอกพี่เด่นด้วยนะ พี่เด่นไม่เป็นอะไรแน่นอน เพราะชื่อมันไม่ไหม้ พรุ่งนี้ผ่าตัดพี่เด่นรอดแน่ ไม่ต้องห่วง แม่กะน้องยังอยู่ให้กำลังใจตลอด"
จนเมื่อคุณเด่นหายดีพอที่จะออกจากโรงพยาบาล คุณเซ้งก็ยังได้พา ณเดชน์ กับแม่แก้วมาเซอร์ไพรส์เขาถึงที่โรงแรมในขอนแก่น ซึ่งสร้างความตกใจและยินดีเป็นอย่างมาก เพราะนับตั้งแต่ ณเดชน์ เข้าวงการก็ไม่ได้เจอกับคุณเด่นอีกเลย "มันบอกไม่ถูก เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นซูเปอร์สตาร์ คิวเขาไม่ว่างแต่ละวัน ยิ่งมาถึงขอนแก่น มันเกินที่เขาจะมาหาเราได้ ในความรู้สึกของเรา" คุณเด่นกล่าว พร้อมบอกว่า "ณเดชณ์ น้องจะเป็นคนที่ สร้างแรงบันดาลใจ ไม่เฉพาะของเด่น คือน้องเป็นคนที่เกินคำว่าซูเปอร์สตาร์"
จนถึงขณะนี้ เวลาผ่านไปนานร่วมปีแล้วนับตั้งแต่ที่เขาล้มป่วย ร่างกายของคุณเด่นสามารถฟื้นฟูได้ถึง 95% แล้ว แม้ยังชาที่ปลายขาอยู่บ้างเนื่องจากต้องนอนมานาน แต่ก็ถือว่าฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ในวันนี้เขาได้สัมผัสถึงความรักที่บริสุทธิ์จากทั้งคุณแม่ คนในครอบครัว รวมถึงเพื่อน ๆ อีกมากมาย ทั้งนี้สิ่งที่เขาอยากจะฝากไว้ถึงทุก ๆ คนก็คือ "เรารอดตายมาแล้ว เราควรจะทำให้สิ่งที่ควรทำ สิ่งไหนที่ยังไม่ได้ทำก็รีบทำ" และสำหรับใครที่ยังมีคุณแม่อยู่ ขอให้ดูแลรักษาท่านให้ดี เพราะเราคงไม่มีโอกาสอีกแล้วและคงจะทำได้เพียงมานั่งเสียใจทีหลังว่ายังไมได้ทำอะไรเพื่อท่าน ในวันที่ท่านไม่อยู่แล้ว
