วงกะลา ถือเป็นอีกหนึ่งวงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นที่มีเพลงฮิตติดหูที่กลายเป็นเพลงฮิตตลอดกาลอยู่หลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น บอกสักคำ, เธอเป็นแฟนฉันแล้ว, ขอเป็นตัวเลือก, ถ้าเธอหลายใจ ฯลฯ แต่ทว่าชีวิตของ หนุ่มกะลา หรือ หนุ่ม ยุทธพงษ์ นักร้องนำของวง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งวงดนตรีวงนี้ขึ้นมา กลับไม่ง่ายเลย เขาต้องเจออุปสรรคถึงขั้นเกือบยุบวง
โดย หนุ่ม กะลา ได้เปิดใจผ่านรายการเจาะใจว่า ชีวิตของตนก่อนเข้าวงการลำบากมาก จะเรียกว่าเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจนก็ได้ ตนมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ตนเป็นลูกคนกลาง อาศัยอยู่กับแม่ที่ทำงานโรงงาน เนื่องจากพ่อต้องไปทำงานหาเงินที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย
หนุ่ม กะลา เล่าต่อว่า บ้านที่อาศัยอยู่ตอนนั้นอยู่ย่านสมุทรปราการ ซึ่งไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำ เวลาจะปลดทุกข์ทีก็ต้องไปขอเข้าที่บ้านของน้า ส่วนน้ำไฟที่บ้านก็ถูกตัดบ้างเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่มีเงินไปจ่าย ตั้งแต่ ม.4-6 ชุดนักเรียนก็มีชุดเดียว ต้องกลับมาซักตากทุกเย็น
หากถามว่าชีวิตช่วงนั้นรู้สึกทุกข์หรือน้อยใจไหม หนุ่ม กะลา บอกว่า มันกลายเป็นความชินเลยไม่รู้สึกลำบากมาก และตอนนั้นก็ยังเด็กด้วย แต่ที่แย่ที่สุดคือช่วง ม.4 ต้องเอาเทปที่เก็บสะสมไว้ออกมาขายหลังเลิกเรียนที่ตลาดพระประแดง พอตลาดปิดก็ย้ายไปขายต่อที่ท่าเรือ จนช่วงดึก ๆ คนเริ่มน้อย ก็ย้ายไปขายต่อที่สนามหลวงจนถึงตี 5 ทำแบบนี้ทุกวัน ซึ่งขายได้แค่วันละ 20 บาทก็พอใจ หวังแค่ได้เงินมาเป็นค่ากับข้าวของที่บ้านแค่นั้น
ส่วนชีวิตช่วงที่เข้าวงการบันเทิง หนุ่ม กะลา เล่าว่า ตนเป็นคนชอบร้องเพลงมาก มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง ตอน ม.5 ก็ได้มีการชักชวนเพื่อน ๆ มาตั้งวงดนตรีไปประกวดเวทีฮอตเวฟมิวสิกอวอร์ดส์ แต่ก็ทำได้แค่รอบ 30 วงสุดท้าย จนปีต่อมาก็เข้าร่วมประกวดอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นผ่านเข้ารอบ 10 วงสุดท้าย และได้ออกเทป
หนุ่ม กะลา เล่าต่อว่า ช่วงนั้นประมาณ ม.6 ตนอายุยังไม่ถึง 18 การไปเซ็นสัญญาต้องมีผู้ปกครองไปด้วย ซึ่งวันที่ต้องไปเซ็นสัญญาแม่ป่วยหนักลุกไม่ไหว แต่ก็ขอร้องให้แม่ฝืนไป จนตอนไปถึงตึกแกรมมี่ แม่นั่งน้ำตาคลอเลยที่ได้เห็นว่าลูกได้เซ็นสัญญาแล้วจริง ๆ สถานะทางการเงินที่บ้านก็เริ่มดีขึ้น มีเงินไปใช้หนี้ แต่ก็ยังคงต้องนั่งรถเมล์ไปขายของเหมือนเดิม บ้านก็ยังอยู่ในชุมชนเหมือนเดิม
กระทั่งประมาณอัลบั้มชุดที่ 2 หนุ่ม กะลา เล่าต่อว่า อัลบั้มชุดนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลย ตนดังมากมีทั้งงานหนัง งานโฆษณาติดต่อเข้ามา มีโชว์คอนเสิร์ต 300 โชว์ใน 1 ปี ค่าบัตรเข้าชมคืนหนึ่งแค่เก็บใบละ 20 บาทยังได้เงินเป็นล้าน ชีวิตวนเวียนอยู่ในเวทีกับรถตู้ จะได้กลับบ้านก็ต่อเมื่อมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนเพื่อน ๆ ในวงก็ร่วมงานกันมาได้ 10 ปี แต่ก็มีจุดหนึ่งที่เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีความชอบต่างกัน ไม่คุยกันเหมือนเดิม ไม่อยากซ้อมดนตรีด้วยกัน มันเลยกระทบไปถึงผลงาน และเชื่อว่าคนที่รอฟังผลงานชุดที่ 6 ก็คงรู้สึกได้เช่นกัน
หนุ่ม กะลา เล่าต่อว่า จริง ๆ ไม่ใช่แค่เพื่อนที่เปลี่ยนไป ตนก็เปลี่ยน เริ่มไม่มีความสุขในการซ้อมดนตรี ไม่มีความสุขในการร้องเพลง ก็เลยคุยกับเพื่อนว่า ขอหยุด หลังจบทัวร์ชุดที่ 6 จะขอลาออก ซึ่งเป็นการลาออกด้วยดี ไม่ได้มีการทะเลาะกัน บวกกับช่วงนั้นตนติดเหล้าด้วย เริ่มจากช่วงทำเพลงชุดที่ 4 ต้องไปโชว์ในผับ ก็เห็นคนดูเมามีความสุขกันดี ก็เลยแอบคิด ถ้าขึ้นไปเล่นแบบไม่เมา คิดดูจะสนุกหรือเปล่า จากนั้นเริ่มติด จากตอนแรกดื่มน้อย ไม่ค่อยปาร์ตี้ จนสุดท้ายตนกลายเป็นคนติดเหล้าจริงจัง กินหมด 2 แบนภายใน 15 นาที จนใครต่อใครก็บอกว่า "หนุ่มมันต้องตายเพราะเหล้าเท่านั้น"
ส่วนแรงบันดาลใจที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของ หนุ่ม กะลา จนทำให้ชีวิตดีขึ้น กลายเป็นคนใหม่และได้เห็นคุณค่าของตัวเองนั้น สามารถติดตามชมได้ในรายการเจาะใจ ในวันที่ 22 กันยายน 2559 เวลา 21.25 น. ทางช่อง 9 Mcot HD หมายเลข 30
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Num KALA
