ย้อนรอยสุดฉาว เบื้องหลังเวทีนางงาม ที่ตามเจออดีตหลอกหลอน จนต้องจำใจสละมงกุฎและตัวแทนประเทศ เบื้องหน้าที่สดใส อาจจะมีเบื้องหลังที่ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
ในตอนนี้ ข่าวคราวที่หลายคนพูดถึงกันมากที่สุด คือเรื่องของน้ำตาล ชลิตา ที่หลังจากฝ่าฟันเข้าถึงรอบ TOP 6 มิสยูนิเวิร์ส และกลับมาพร้อมกับนำความภาคภูมิใจมาสู่คนไทย พร้อมกับที่น้ำตาล เดินหน้าเข้าสู่วงการบันเทิง เดินสายรับงานต่าง ๆ แต่กลับมีข่าวว่า น้ำตาลฉีกกฎกองประกวด ในการรับงานต่าง ๆ เอง จนมีข่าวลือหนาหูถึงขั้นที่ว่า จะมีการปลดน้ำตาลจากกองประกวด และทางกองประกวดต้องออกมาบอกว่า ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวจริงแต่อย่างใด (อ่านเพิ่มเติม ข่าวมั่ว ! กองประกวด MUT ยันไม่ปลด น้ำตาล ชลิตา ออกจากตำแหน่ง)
นก ยลดา คือสาวประเภทสองคนหนึ่ง ที่มีจิตใจเป็นผู้หญิงเต็มตัวตั้งแต่ยังเด็ก และยิ่งนกโตเท่าไร แววความสวยของเธอยิ่งเปล่งประกายมากเท่านั้น ทำให้นกตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศ และเดินสายประกวดตามเวทีนางงามระดับประเทศ อาทิ เปรียวซูเปอร์โมเดล, การประกวดนางแบบอีลิทโมเดล, นางงามสยาม, มิสยันฮี และบางตำแหน่งนกเองยังคว้ารางวัลมาด้วย ซึ่งเวทีที่สร้างชื่อให้นกมากที่สุดคือ การที่นกเป็นตัวแทนสาวไทย ไปประกวดบนเวที Miss Tourism International 2001 และหลังจากนั้น นกกลับออกมาบอกว่า ตนเองคือผู้ชนะการประกวดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของนกกลับถูกแฉและเปิดโปงไม่มีชิ้นดี ทั้งการที่นกเอง ได้ตำแหน่งชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ไม่ได้มงกุฎ Miss Tourism International 2001 แต่กลับมาแถลงข่าวว่าตัวเองได้ตำแหน่งอันดับ 1 รวมทั้งนกเอง ยังเคยผ่านเวทีประกวดมิสอัลคาซ่า 2000 ในชื่อ แพรวา ศิริลักษมี รวมไปถึงการที่นก ปลอมบัตรประชาชนของคนอื่น เพื่อให้มีชื่อนำหน้าว่า น.ส. จนถูกเจ้าของบัตรตัวจริงแหก
และไม่เพียงเท่านั้น นกยังถูกสอบสวนความเป็นชายจริงหญิงแท้ ถึงขั้นที่ว่ามีแพทย์เข้าไปพิสูจน์ถึงที่ ซึ่งหลังจากที่มีข่าวนี้ออกไป ก็ทำให้นกออกมาเปิดใจกับนิตยสารฉบับหนึ่งว่า แต่ก่อนเธอไม่ชอบที่คนตราหน้าเธอว่าเป็นกะเทย เพราะมีแต่คนดูถูก แต่ในวันนี้ เธอพร้อมที่จะยืดอกรับ และไม่ให้ใครมาดูถูกอีก และถ้าหากมีใครมาตบแก้มขวาของคุณคุณคงหันแก้มซ้ายให้เขาตบด้วย แต่สำหรับนกแล้ว ถ้านกถูกตบแก้มซ้ายซ้ำอีก นกจะตบแก้มขวาของมันจนสุดแรงเกิดให้หัวทิ่มคะมำแล้วบอกว่า อย่าทำแบบนี้กับคนอื่นอีก
แองจี้ อัจฉรา หรือแองเจล่า แมคคาย สาวลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย สร้างชื่อเสียงจากการที่เธอคว้ามงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2005 แต่แล้วหลังจากครองมงกุฎได้ไม่นาน แองจี้ก็จำใจต้องสละมงกุฎ ด้วยการให้เหตุผลว่าแองจี้จะต้องเดินทางไปศึกษาต่อและเดินแบบในต่างประเทศ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ พร้อม ๆ กับที่มีภาพฉาวของแองจี้ ที่เคยถ่ายแบบสุดเซ็กซี่ถึงขั้นเปลือยทั้งตัวออกมา ตีแผ่หราบนหน้าหนังสือพิมพ์
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางคุณพ่อของแองจี้ เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ว่า ภาพที่เห็นนั้น เป็นภาพของแองจี้ที่ถ่ายก่อนมาประกวด ซึ่งเป็นการถ่ายชุดว่ายน้ำบิกินี่ และในตอนนั้นคนไทยก็รับไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ภาพเป็นไปในทางศิลปะและไม่ได้น่าเกลียดมากมาย ทางกองประกวดเองก็ได้เห็นแล้ว
ด้านแหล่งข่าวออกมาระบุว่า เหตุผลลึก ๆ ของการปลดนั้นไม่น่าจะใช่ภาพที่ออกมา แต่เป็นเรื่องของเงินเดือนที่แองจี้จะได้ ซึ่งแองจี้เองทราบว่านางงามรุ่นพี่เคยได้ และแองจี้จึงเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ เพื่อเป็นหลักประกัน ทว่าทางผู้ใหญ่กลับบอกว่า "หากคุณไม่พร้อมก็กลับไปทำงานของคุณเถอะ" จนแองจี้ต้องสละตำแหน่ง
ฝ้าย เวฬุรีย์ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 แต่ทว่า หลังจากสิ้นเสียงประกาศไปแล้วนั้น กลับมีกระแสต่อต้านฝ้ายออกมาอย่างมากมาย พร้อมกับการโจมตีว่าเธอเองไม่สวยพอ ไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ส่วนสูงและรูปร่างไม่ได้ และมีการเอารูปของฝ้ายไปเปรียบเทียบกับมิสทิฟฟานี่ซึ่งหุ่นดีกว่ามาก นอกจากนี้ ฝ้ายเองยังถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น เพราะมีละครเรื่อง เรือนริษยา ที่ใกล้จะออนแอร์ด้วย และมีการขุดข้อความคำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงของฝ้ายที่ใช้โพสต์ในเฟซบุ๊ก นำเอามาวิพากษ์วิจารณ์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรก ฝ้าย เวฬุรีย์ ประกาศว่าจะไม่ยอมสละมงกุฎ แม้จะโดนกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก แต่สุดท้าย ฝ้ายเองก็ต้องสละมงกุฎพร้อมน้ำตา พร้อมให้เหตุผลว่า ที่ต้องทำเพราะต้องการให้ครอบครัวสบายใจ เพราะทนเห็นแม่นอนร้องไห้ทุกคืนไม่ได้
จอย-จตุพร แสงทอง : นางงามข้ามคืน สาวงามผู้มีชนักติดหลัง
จอย จตุพร แสงทอง ได้รับตำแหน่งรองมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2003 อันดับที่ 2 แต่เมื่อสืบประวัติแล้ว กลับพบว่า จอยเคยผ่านการแต่งงานกับนายอนุรักษ์ อุณหกานต์ อดีตผู้สมัคร ส.ก. กทม. พร้อมกับมีภาพการแต่งงานที่จัดอย่างใหญ่โตมโหฬารออกมา จนทำให้ทางผู้จัด ต้องริบคืนมงกุฎและของรางวัล เนื่องจากผิดกฎกองประกวดที่ไม่ให้นางงามแต่งงาน ซึ่งในครั้งแรก จอยเองปฏิเสธว่าคนในภาพไม่ใช่ตน แต่สุดท้ายแล้ว ทั้งจากการยืนยันผ่านญาติสนิทและคนอื่น ๆ ทำให้จอยต้องจัดงานแถลงข่าว ยอมรับทั้งน้ำตาว่า ตนแต่งงานแล้วจริง ๆ แต่ยังไม่จดทะเบียนสมรส และที่ตนมาประกวด เพราะแค่อยากทำตามความฝันในการเป็นนางงามเท่านั้น
น้ำเพชร-สุณัณณิการ์ : อดีตพริตตี้สุดซ่า ต้องเช็ดน้ำตาเพราะถูกอดีตตามหลอน
ในการประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 นอกเหนือจาก ฝ้าย เวฬุรีย์ ที่เจอมรสุมโดนกดดันจากสังคมแล้ว น้ำเพชร สุณัณณิการ์ ก็เป็นอีกคนที่ถูกกดดันไม่แพ้กัน ทั้งที่มีข่าวว่าน้ำเพชรโกงอายุเพื่อมาประกวด เนื่องจากน้ำเพชรเคยผ่านเวทีประกวดอื่น ๆ มานักต่อนักในชื่อที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีรูปของน้ำเพชร ขณะที่นัวเนียผู้ชาย หลุดว่อนออกมาบนโลกออนไลน์ ซึ่งน้ำเพชรยอมรับว่าภาพนั้นคือภาพของตนในอดีตขณะที่ตนเป็นพริตตี้ ที่ต้องทำเพราะตนต้องการหาเงินมารักษาคุณแม่ที่เป็นมะเร็ง
นอกจากนี้ น้ำเพชรเองยังได้เคลียร์ข่าวว่าตนไม่ใช่เมียน้อยนายทหาร เมียน้อยเสี่ยอย่างที่เข้าใจ โดยในวันที่กองประกวดปลดน้ำเพชรนั้น กองประกวดได้เรียกตัวน้ำเพชรไปคุย และบอกให้น้ำเพชรคืนมงกุฎและสายสะพาย แต่สำหรับตนแล้วตนมองว่า ตนได้มงกุฎมาโดยชอบธรรม สิ่งที่เป็นอดีตตนเปลี่ยนแปลงไม่ได้ พร้อมกับภาพของน้ำเพชรที่น้ำตาไหลต่อหน้าสื่อมวลชน
