ทำไมผู้หญิงกินเก่ง กับ 10 เหตุผลที่รู้แล้วต้องร้องอ๋อไปถึงดาวอังคาร

          ทำไมผู้หญิงกินเก่ง แถมยังหิวตลอดเวลา ? มาไขปัญหาคาใจด้วย 10 เหตุผลที่รู้แล้วอยากตะโกนดัง ๆ เลยว่า อ๋ออ.. อย่างนี้นี่เอง !


          ก็ไม่เคยคิดจะเถียงนะว่า ผู้หญิงกินเก่งเนี่ยเป็นผู้หญิงน่ารัก แต่บางทีก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าทำไมตัวเราถึงได้กินจุบจิบ ไม่หยุดไม่หย่อนสักที แถมยังเคยกินบุฟเฟ่ต์ยันร้านปิด แล้วตบท้ายด้วยไอศกรีมถ้วยโตได้อีกต่างหาก.. ถ้าคุณเคยมีโมเมนต์เหล่านี้แล้วยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ กระปุกดอทคอมก็มี 10 เหตุผลที่ผู้หญิงกินเก่งมาให้ไขข้อข้องใจกัน ขอแอบกระซิบไว้ก่อนว่าบางข้อนั้นอาจเป็นสาเหตุที่สาว ๆ ไม่เคยรู้มาก่อนด้วยนะ

1. ชีวิตดี๊ดี แฮปปี้เว่อร์วัง

          เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกแฮปปี้สุด ๆ ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขออกมามากมาย ทั้งโดพามีน (Dopamine), ออกซิโทซิน (Oxytocin), เซโรโทนิน (Serotonin) และเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นทำให้สาว ๆ กลายเป็นคนบ้าพลังและมีแรงทำในสิ่งที่ชอบ ยิ่งได้กินของอร่อยถูกปาก ร่างกายก็จะยิ่งหลั่งสารพวกนี้ออกมาทำให้อยากกินต่อไปไม่หยุด แถมยังกินได้มากกว่าปกติหลายเท่าตัว เพราะความสุขสมหวังในใจนั้นส่งผลให้ทุกสิ่งอย่างดีงาม เห็นอาหารอะไรก็น่ากินไปหมดนั่นเอง

2. ชีวิตแสนเครียด ไม่ค่อยโอเคเลยอะ

          ไม่ต้องตกใจว่านี่เราเป็นไบโพลาร์หรือยังไง ตอนมีความสุขก็กินเยอะแล้ว ตอนเครียดยังจะกินเยอะอยู่อีกเหรอ.. ? ซึ่งเราขอตอบเลยว่าถูกต้องแล้วค่ะ ที่ "ความเครียด" จะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้สาว ๆ กินเก่ง เพราะร่างกายจะหลั่งสารเซโรโทนินออกมาต่อสู้กับความเศร้าซึมและความเบื่อหน่ายทั้งหลาย ด้วยการกระตุ้นให้เรารู้สึกหิวจนต้องไปหาอะไรมากิน แล้วพอค้นพบว่าอาหารอร่อย ๆ ทำให้ลืมเรื่องเครียดได้ ก็จะกินจุบกินจิบต่อไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดไม่หย่อนเลยล่ะค่ะ

3. ตามติดทุกเพจอาหาร ไม่พลาดแม้แต่รีวิวเดียว

          ด้วยความที่สมัยนี้เพจรีวิวอาหารผุดขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ด ขนาดท่องโซเชียลแป๊บเดียว ก็เจอรูปของกินเข้าไป 20 รูป ! แล้วถ้าคุณเป็นคนที่วัน ๆ เอาแต่หาพิกัดร้านอาหาร หรือชอบดูรายการโชว์กิน (Eating Show) เป็นชีวิตจิตใจ บอกเลยว่าการได้เห็นของกินซ้ำ ๆ ทุกวัน จะมีผลเหมือนกับการสะกดจิตให้คุณอยากอาหารมากขึ้นกว่าเดิม เวลาเจอของกินเหมือนในรีวิว ก็จะรู้สึกตื่นเต้นแบบ "เฮ้ยย ! ฉันเห็นอันนี้เมื่อวาน ฉันต้องลองบ้าง" ว่าแล้วก็หันไปตามล่าหาร้านอื่นอย่างมีความสุขต่อไป

4. ระบบเผาผลาญดีเกินเหตุ

           เรียกว่าเป็นข้อดีที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ สำหรับผู้หญิงที่ระบบเมตาบอลิซึม (Metabolism) หรือระบบเผาผลาญทำงานได้ดีเยี่ยม เพราะร่างกายจะย่อยอาหารที่กินเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอิ่ม หรือต่อให้กินเยอะแค่ไหน พอผ่านไปแป๊บเดียวก็จะรู้สึกหิวขึ้นมาอีกครั้ง ว่าง่าย ๆ ก็คือผู้หญิงที่กินแล้วไม่อ้วน สามารถพบได้ตามร้านบุฟเฟ่ต์ หรือร้านหมูกะทะนั่นแหละค่ะ

5. ก็ร่างกายมันบอกมาว่าให้กินนี่นา

          เรื่องเห็นของชอบแล้วห้ามใจไม่ได้ก็ส่วนหนึ่ง แต่รู้ไหมคะว่าร่างกายของเราก็มีส่วนทำให้อาหารตรงหน้านั้นดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) หรือฮอร์โมนความหิว ที่ปกติแล้วจะเป็นตัวสั่งการให้เราหาของกินมาเติมเต็มกระเพาะอาหาร ซึ่งมีการวิจัยค้นพบว่าเมื่อเราได้เห็นของกินยั่วน้ำลาย ระดับของฮอร์โมนชนิดนี้จะสูงขึ้นทันที เลยทำให้รู้สึกหิวโหยและกินอาหารเข้าไปได้อีก แม้ท้องจะอิ่มแค่ไหนก็ตาม

6. นอนน้อยเกินไป

          การพักผ่อนน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงเป็นประจำ จะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ขาดการฟื้นฟู จึงต้องหลั่งเจ้าฮอร์โมนเกรลินออกมาเพื่อเพิ่มระดับความรู้สึกหิว เหมือนเป็นการสั่งให้เราไปหาของกินมาเพิ่มพลังงานให้ร่างกายใช้ จะได้กลับมาสดชื่นแจ่มใส และรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น นี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้สาว ๆ ชอบหาขนมจุบจิบมากิน เวลาโหมดูซีรีส์ติดกัน 3 วัน 3 คืน หรือจู่ ๆ ก็เดินไปซื้อข้าวกล่องตอนตี 3 ในช่วงอ่านหนังสือสอบนั่นเอง

7. ไดเอตด้วยวิธีผิด ๆ ทำให้รู้สึกโหย

          เป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็อยากผอมหุ่นดี แต่การอดอาหาร ไม่ยอมกินแป้ง กินน้ำตาล คือ วิธีการลดน้ำหนักที่ผิดมหันต์ ! เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารแล้ว ยังทำให้ฮอร์โมนเกรลินเจ้าเก่าออกมามีบทบาทอีกครั้ง แต่คราวนี้นางจะมาพร้อมกับความเกรี้ยวกราด ทำให้รู้สึกโหยหาของหวาน ๆ อาหารแป้ง ๆ เป็นพิเศษ จนกระทั่งคุณสติหลุดแล้วสวาปาม คุกกี้ น้ำอัดลม หรือพิซซ่า เข้าไปนั่นแหละเจ้าเกรลินถึงจะหมดฤทธิ์ แม้จะเป็นสิ่งที่ทำให้การไดเอตล้มเหลว แต่อย่างน้อยคุณก็ได้ค้นพบว่า ตัวเองสามารถกินอาหารปริมาณสำหรับ 4-5 ที่ได้สบาย ๆ เลยจ้า

8. ผลข้างเคียงของวันมามาก

          เมื่อเข้าสู่ช่วงก่อนมีประจำเดือน ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) หรือฮอร์โมนเพศหญิงออกมา ทำให้สารอาหารถูกดึงไปใช้เป็นจำนวนมาก ผลที่ตามมาก็คือความรู้สึกหิวแล้วกินของจุบจิบตลอดเวลา เพราะร่างกายต้องการสารอาหารเข้าไปทดแทนของเดิมนั่นเอง ใครกำลังประสบปัญหาแบบนี้ ขอแนะนำให้แบ่งมื้ออาหารให้เป็นสัดส่วน เช่น กินอาหารในปริมาณน้อยกว่าปกติ แต่เพิ่มจำนวนเป็นกิน 5 มื้อในหนึ่งวัน เพื่อลดความอยากอาหาร แล้วอย่าลืมเก็บขนมออกไปให้พ้นสายตาเลยนะคะ เพราะความเกรี้ยวกราดอยากกินของมนุษย์เมนส์นั้นไม่ใช่เล่น ๆ เลยจริง ๆ

9. มีกระเพาะแยกเฉพาะ สำหรับของคาวและของหวาน

          จริง ๆ แล้วผู้หญิงกินเก่งก็มีกระเพาะเพียงหนึ่งเดียวเหมือนคนปกตินั่นแหละค่ะ แต่ฮอร์โมนของเพศหญิงนั้นจะตอบสนองต่อสิ่งสวย ๆ งาม ๆ ได้มากกว่าผู้ชาย นับรวมไปถึงของหวานหน้าตาน่ารัก กลิ่นหอมเย้ายวนชวนกิน ที่พอเห็นแล้วสมองจะสั่งการให้กระเพาะบีบตัวเพื่อขนย้ายอาหารไปยังลำไส้ ทำให้มีพื้นที่รองรับสำหรับของหวานเข้าไปได้อีก

          นอกจากนี้ร่างกายของเรายังมี "ความอิ่มตัวทางประสาทสัมผัส" หรืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อได้กินอาหารเดิมซ้ำ ๆ ทำให้ร่างกายรู้สึกเบื่อ แล้วกระตุ้นให้อยากกินอาหารรสชาติอื่นบ้าง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่กินคาวสลับหวานจะกินได้เยอะมากกว่าคนทั่วไป รวมถึงเป็นคำตอบด้วยว่าทำไมเราถึงชอบมองหาของหวานหรือผลไม้กินตบท้าย หลังจากกินของคาวไปอย่างเต็มที่แล้วนั่นเอง

10. คุณแฟนกับชาวแก๊งเนี่ยแหละตัวการเลย

          ถ้าตัวคุณถูกรายล้อมไปด้วยเหล่ามนุษย์กินเก่ง ตัวคุณเองก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นคนกินเก่งตามไปด้วย เอ้า ! ไม่เชื่อก็ลองนึกดูสิว่าตอนนัดพบชาวแก๊ง หรือตอนออกเดตเนี่ย คำชวนมักจะเป็น "วันนี้ไปกินร้านไหนดี" ตลอดเลยใช่ไหมล่ะ ? ยิ่งถ้าคุณแฟนเป็นคนทำอาหารเก่ง ชอบพาคุณตระเวนหาของกินด้วยกันก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะความสุขของการได้อยู่กับคนที่เรารัก จะทำให้ลืมไปเลยว่ากำลังไดเอตอยู่ แล้วก็มุ่งแต่กิน กิน และกินแบบไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเลยทีเดียว

          จริง ๆ แล้วการกินเยอะนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร แต่ใครรู้ตัวว่าเป็นคนที่พร้อมเขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้า แล้วหุ่นเริ่มเผละหรือกระทบสุขภาพ อันนี้ก็ต้องปรับเปลี่ยนนิสัยกันสักหน่อย เริ่มตั้งแต่หันมาออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ทุกมื้อ ห้ามไดเอตแบบอด ๆ อยาก ๆ แล้วก็หากิจกรรม (นอกจากการกิน) ทำคลายเครียด รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ จะได้เป็นผู้หญิงกินเก่งที่มีสุขภาพดี หุ่นฟิต แอนด์ เฟิร์มกันถ้วนหน้าา.. ^^

ข้อมูลจาก : scielo.br, healthline.com, garrysgrill.com, fitbie.com