10 ข้อควรรู้ก่อนดูดไขมันหน้าท้อง เตรียมตัวให้ดีไม่มีเสี่ยง

          สารพัดเรื่องควรรู้เกี่ยวกับ การดูดไขมันหน้าท้อง ทางเลือกของคนที่อยากขจัดไขมันตัวร้ายออกจากร่าง ศึกษาไว้ให้ดีก่อนตัดสินใจทำ



1. การดูดไขมันหน้าท้อง ไม่มีส่วนช่วยเรื่องลดน้ำหนัก

2. อย่าสับสนกับการผ่าตัดกระชับหน้าท้อง

          หลายคนเข้าใจว่าหลังผ่านการดูดไขมัน ท้องจะแบนราบ เต่งตึงแบบมีกล้ามท้องเด้งออกมาเลย แต่หากใครเคยมีหน้าท้องที่ใหญ่และกว้างมาก เมื่อดูดไขมันส่วนเกินออกแล้ว อาจมีโอกาสเกิดอาการหนังท้องเหี่ยว หย่อนยาน จึงเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมมาก แต่ลายหน้าท้องและความหย่อนคล้อยน้อย ส่วนคนที่ไม่ค่อยมีไขมันสะสม แต่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องหน้าท้องลาย หนังท้องเหี่ยวย่น การผ่าตัดกระชับหน้าท้องจะเป็นทางออกที่ดีกว่าค่ะ

3. สำรวจตัวเองก่อนว่าเหมาะกับการดูดไขมันหน้าท้องหรือไม่

          อันดับแรกต้องสังเกตร่างกายตัวเองก่อนว่า มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องเยอะไหม อยากแก้ปัญหาไขมันสะสมตรงไหน ถ้าอยากชัวร์ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะได้เข้าใจเกี่ยวกับข้อดี-ข้อเสียและผลลัพธ์ได้ ส่วนใครมีประวัติแพ้ยา ใช้ยาสมุนไพร อาหารเสริม หรือยารักษาโรคประจำตัว ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยนะคะ แพทย์จะได้วางแผนดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ทั้งนี้หากมั่นใจว่าตัวเองเหมาะสมแล้ว ก็ต้องเตรียมร่างกายให้ดีก่อนวันจริง โดยการงดบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดอาหารหมักดอง อาหารรสจัด และออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ 100% ค่ะ

4. ใครมีโรคประจำตัวไม่ควรทำโดยเด็ดขาด

          โดยเฉพาะโรคจำพวก เบาหวาน, โรคหัวใจ, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ เพราะร่างกายของบางคนอาจสร้างของเหลวมาทดแทนส่วนที่หายไปพร้อมไขมันไม่ทัน หรือหากระบบไหลเวียนเลือดทำงานช้าผิดปกติ ระหว่างดูดไขมัน อาจมีอาการช็อกได้ ส่วนคนที่ภูมิคุ้มกันไม่ดีอาจติดเชื้อจากเครื่องมือที่ใช้ และเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาค่ะ

5. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัยกับชีวิตตัวเองที่สุด

6. การดูดไขมันหน้าท้อง มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไปในแต่ละวิธี

          ในปัจจุบัน แพทย์ใช้วิธีดูดไขมันหลัก ๆ ทั้งหมด 4 วิธีด้วยกัน โดยแต่ละวิธีนั้นแตกต่างกันตรงเทคนิค เครื่องมือ และผลลัพธ์ที่ได้ ว่าแล้วไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่ามีอะไรบ้าง สาว ๆ จะได้รู้ว่าตัวเองเหมาะกับแบบไหนมากที่สุด

          - การดูดไขมันแบบเวเซอร์ (VASER Liposuction : The Vibration Amplification of Sound Energy at Resonance) คือการดูดไขมันด้วยเทคนิคใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์จากการสั่นไปสลายไขมันให้เหลว ทำให้สามารถดูดออกมาได้ง่ายขึ้น ทำให้รอยแผลเล็ก เจ็บตัวน้อย โดยไม่ทำลายเซลล์ประสาทหรือหลอดเลือดใกล้เคียง เหมาะกับคนที่ต้องการดูดไขมันปริมาณเยอะ ไม่เจ็บตัวมาก ทำแล้วแผลหายไว ไม่ต้องพักฟื้นแต่ต้องมีกำลังทรัพย์มากพอสมควร

          - การดูดไขมันด้วยคลื่นไฟฟ้า (Body Tite) คือการใช้เทคนิคยิงคลื่นวิทยุร่วมกับคลื่นความร้อนเข้าไปละลายไขมันให้เหลวเช่นเดียวกัน ต่างกับแบบเวเซอร์ตรงที่ช่วยเรื่องกระชับผิวไปในตัวด้วย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากดูดไขมันแล้วดูสวย ดูตึงแบบเนียน ๆ ไม่ต้องเย็บเก็บหนังหน้าท้องในภายหลัง แต่ราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน

          - การดูดไขมันแบบพาวเวอร์ (PAL : Power Assisted Liposuction) คล้ายกับการดูดไขมันด้วยท่อแบบเก่า แต่ใช้เครื่องมือหัวมอเตอร์แบบสั่นที่ทันสมัย ทำให้สามารถแยกชั้นไขมันที่สะสมมานานจนเป็นพังผืดได้ดี มีประสิทธิภาพในเรื่องของการสลายไขมันในปริมาณมาก และปลอดภัยต่อชีวิตมากขึ้น แต่ก่อนทำต้องวางยาสลบ งดอาหารการกินบางประเภท และต้องตัดไหมเหมือนการผ่าตัดทั่วไป ใครรู้ตัวว่าแพ้ยาสลบ ยาชา หรือกลัวการผ่าตัด ไม่แนะนำวิธีนี้ค่ะ

          - การดูดไขมันด้วยพลังน้ำ (Water Jet) คือการใช้เทคนิคฉีดน้ำเข้าไปแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อผิวหนัง ก่อนดูดออกเหมือนวิธีทั่วไป แต่พิเศษมากกว่าตรงที่เซลล์ไขมันยังมีสภาพสมบูรณ์ครบถ้วน สามารถนำไปใช้แต่งเติมร่างกายส่วนต่าง ๆ ให้เต่งตึงและใหญ่ขึ้นได้ นิยมฉีดบริเวณหน้าอกและสะโพก เหมาะสำหรับคนที่อยากเสริมสวยส่วนอื่นแบบไม่พึ่งซิลิโคน ส่วนคนที่ต้องการดูดไขมันหน้าท้องเฉย ๆ แนะนำให้เลือกทำวิธีอื่นมากกว่านะคะ

7. วิธีการฟังดูไม่ซับซ้อน แต่มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้

          เนื่องจากการดูดไขมันแต่ละวิธีอาจมีการฉีดยาชา วางยาสลบ หรือใช้เครื่องมือและสารละลายเป็นตัวช่วย ผู้ใช้บริการบางรายอาจมีอาการบวม-ช้ำ หรือชาทั่วร่างกายเป็นเวลานาน หรือเกิดถุงใต้ชั้นผิวหนังจากการสะสมของของเหลว หน้าท้องเป็นก้อนไม่สม่ำเสมอ ร้ายแรงที่สุดคือปอดบวดน้ำและหัวใจล้มเหลวกะทันหัน เพราะได้รับสารละลายหรือยาสลบติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป

          ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าเพิ่งกังวลกันไปนะคะ เพราะผลข้างเคียงเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายของเราไม่สมบูรณ์แข็งแรงพอ และเป็นข้อผิดพลาดจากตัวแพทย์เอง หากเราเลือกสถานที่ที่ได้รับมาตรฐานอย่างที่บอกไปข้างต้น ก็ไม่มีอะไรเป็นอันตรายแน่นอนค่ะ

8. หาชุดกระชับหลังดูดไขมันเตรียมพร้อมไว้เลย

          หลังผ่านการดูดไขมันแล้ว บางคนอาจมีอาการบวม ช้ำ และปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย การใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมัน คือการเซฟตัวเองที่ดีที่สุด เพราะเป็นชุดที่ออกแบบมาเพื่อพยุงร่างกายของเราให้มั่นคง ป้องกันไม่ให้แผลบริเวณที่ดูดไขมันได้รับการกระทบกระเทือน แต่ควรเลือกซื้อไซซ์ที่พอดีกับร่างกาย ไม่รัดแน่นจนเกินไปนะคะ เพราะจะทำให้เลือดไม่เดินแล้วฟื้นฟูช้า เผลอ ๆ อาจเกิดรอยฟกช้ำมากขึ้นอีกด้วย

9. ทำแล้วต้องดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

          โดยส่วนใหญ่ หลังดูดไขมันหน้าท้องเสร็จแล้ว เราสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ทันที หรือภายใน 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของแต่ละคน อย่างไรก็ดี เราต้องดูแลร่างกายตัวเองอยู่สม่ำเสมอ ด้วยการควบคุมโภชนาการให้เหมาะสม งดบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมถึงอาหารเสริมและยาบางชนิดที่ส่งผลให้อาการชา อาการบวมช้ำรุนแรงขึ้น อย่างเช่น ยาลดการแข็งตัวของเลือด ยาแก้ปวด ยารักษาอาการซึมเศร้า วิตามินอี และน้ำมันปลา

10. ถ้าไม่คุมอาหารให้ดี ไขมันหน้าท้องอาจกลับมาหลอกหลอน

          อย่าได้เข้าใจเด็ดขาดว่าหลังจากดูดไขมันแล้ว เราสามารถกินแหลกบุฟเฟ่ต์ ชาบู 3 วัน 3 คืนอะไรแบบนั้น เพราะถ้ายังไม่ควบคุมอาหาร หรือมีพฤติกรรมการกินแบบเดิม สุดท้ายไขมันก็จะกลับมาสะสมตามร่างกายส่วนอื่น ๆ ได้ ท้ายที่สุดแล้วอาจต้องเสียเงินไปดูดไขมันแขน ขา และเหนียงเพิ่มได้ เรียกว่าเสียเวลา เสียเงินโดยใช่เหตุนะคะสาว ๆ

          เป็นอย่างไรบ้างคะ.. พอได้อ่าน 10 ข้อควรรู้ที่เรานำมาฝากไปแล้ว หายข้องใจเกี่ยวกับการดูดไขมันกันเลยใช่ไหมล่ะ ? ส่วนใครมีแพลนดูดไขมันหน้าท้องในเร็ว ๆ นี้ กระปุกดอทคอมก็ขอให้สวยสมใจ เป๊ะปังกันถ้วนหน้าเน้อออออ ^^

ข้อมูลจาก : livestrong.com, healthline.com, pobpad.com