ดูดไขมัน สำหรับสาว ๆ คนไหนที่กำลังมีแพลนจะดูดไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ดูดไขมันเหนียง ดูดไขมันหน้าท้อง หรือดูดไขมันต้นขา อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ จนกว่าจะได้อ่าน 10 เรื่องควรรู้ก่อนคิดดูดไขมันที่เรานำมาฝากกัน
ศัลยกรรมดูดไขมัน ทุกวันนี้ถือเป็นการทำศัลยกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมพอ ๆ กับการทำศัลยกรรมความงามเลยก็ว่าได้ เพราะวิธีนี้ถือเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปจากร่างกาย เพื่อกระชับรูปร่างให้ดูสวยงาม แต่อย่างที่รู้กันดีว่าเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เมื่อมีคนทำแล้วเห็นผล ก็มีคนทำแล้วพลาดเช่นกัน ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจทำศัลยกรรมอะไรก็ควรศึกษาให้ดีก่อน เพราะหากพลาดขึ้นมาอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
วันนี้กระปุกดอทคอมจึงถือโอกาสนำความรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันมาฝากกัน สำหรับสาว ๆ คนไหนที่มีแพลนกำลังจะดูดไขมันอยู่ละก็ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด
ดูดไขมัน คืออะไร
ดูดไขมัน เป็นกระบวนการศัลยกรรมเพื่อความงามที่ใช้เทคนิคในการดูดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเฉพาะจุด ซึ่งเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยากแม้ว่าจะควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ก้น แขน หรือคอ เป็นต้น
ดูดไขมัน อันตรายไหม
การดูดไขมันนับเป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ที่ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่สามารถทำเองได้ เพราะการดูดไขมันต้องทำร่วมกันกับการผ่าตัด ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น แต่หากเจอคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือทำโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการดูดไขมันโดยตรง ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
10 เรื่องต้องรู้ก่อนดูดไขมัน
1. การดูดไขมัน ไม่ใช่การลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ข้อนี้หลาย ๆ คนมักเข้าใจผิด ซึ่งการดูดไขมันเป็นเพียงแค่การลดสัดส่วนเฉพาะจุดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะทำตรงบริเวณต้นขา น่อง เอว ต้นแขน หน้าท้อง หรือใต้คาง เป็นต้น
2. ก่อนคิดจะทำศัลยกรรมดูดไขมัน ควรถามตัวเองให้แน่ใจเสียก่อนว่าได้พยายามออกกำลังกายหรือพยายามลดไขมันส่วนนั้นดีพอแล้วหรือยัง เพราะถ้าพยายามอย่างที่สุดแล้วไขมันส่วนนั้นยังไม่ลดเสียที คุณก็มั่นใจได้เลยว่าการดูดไขมันคือทางออกที่ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องเสียเงินพร่ำเพรื่อยังไงล่ะคะ
3. ควรเลือกทำศัลยกรรมดูดไขมันกับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก่อนทำควรปรึกษาแพทย์รวมทั้งศึกษาผลงานของแพทย์ท่านนั้น ๆ ให้ดีเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อความมั่นใจว่าทำออกมาแล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจหรือไม่ต้องมาเจ็บตัวแก้ไขทีหลัง
4. ผู้ที่เหมาะจะทำศัลยกรรมดูดไขมันควรมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้อยกว่า 30
5. เตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนทำศัลยกรรมดูดไขมัน โดยคุณสาว ๆ จะต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาหรือสารต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติแก่ร่างกาย ทั้งนี้ ก่อนทำการดูดไขมันควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนว่าคุณมีโรคประจำตัว โรคติดต่อ หรือแพ้ยาอะไรบ้าง ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก ๆ ห้ามละเลยเด็ดขาด !
6. การดูดไขมัน อาจช่วยในการลดไขมันบริเวณนั้น ๆ แต่ไขมันส่วนอื่นอาจจะเพิ่มขึ้นมาแทนได้ ทั้งนี้ก็เพราะร่างกายจะสร้างและสะสมไขมันขึ้นมาเพื่อทดแทนส่วนที่หายไปนั่นเอง ดังนั้น หลังดูดไขมันควรจะต้องหมั่นออกกำลังกายและคุมอาหาร อย่าปล่อยให้ไขมันพอกพูนเหมือนเดิม จะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์นะคะสาว ๆ
7. ไขมันที่ดูดออกมาสามารถนำไปเติมส่วนอื่น ๆ ได้ ตั้งแต่ริมฝีปาก คาง แก้ม หรือเสริมส่วนต่าง ๆ ที่บกพร่อง เพราะไขมันที่ดูดออกมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรา ดังนั้นจึงสามารถนำไปฉีดเสริมส่วนอื่น ๆ ได้โดยไม่มีอันตราย ทั้งนี้ สำหรับใครที่อยากจะฉีดเสริมส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม ก็สามารถปรึกษาหรือบอกกับศัลยแพทย์ให้ทำพร้อม ๆ กับการดูดไขมันเลยค่ะ
8. การทำศัลยกรรมดูดไขมัน หลัก ๆ แล้วมีวิธีดังนี้...
- การดูดไขมันด้วยการฉีดสารสลายไขมัน เป็นการฉีดสารละลายที่มีส่วนผสมของยาชาเข้าไป ทำให้เซลล์ไขมันแตก และถูกขับออกตามระบบน้ำเหลือง วิธีนี้จะทำให้เกิดบาดแผลน้อยกว่าวิธีอื่น ๆ และผิวหนังที่สลายไขมันออกไปก็จะเรียบเนียน แต่ทั้งนี้ก็อาจต้องใช้เวลา เพราะแต่ละคนจะสลายไขมันเร็วช้าไม่เท่ากัน
- การดูดไขมันด้วยอัลตราซาวด์ เป็นการนำคลื่นเสียงความถี่สูงมาใช้ โดยจะส่งสัญญาณเสียงผ่านไปที่ปลายท่อยาว ทำให้เซลล์ไขมันแบบหนาแน่นสลายตัว จากนั้นจึงดูดออก
- การดูดไขมันด้วยเลเซอร์ เป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงเซลล์ไขมันให้กลายเป็นน้ำมัน แล้วดูดไขมันที่ละลายแล้วออกมา
9. ทำใจยอมรับกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้วการดูดไขมันอาจจะมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาชาหรือยาสลบ รวมถึงผลข้างเคียงต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ซึ่งหากใครที่มีปัญหา แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาและแก้ไขจะดีที่สุด
ผลข้างเคียงของการดูดไขมัน
- มีแผลจากการเจาะ มีอาการเสียเลือดบ้างในระหว่างดูดไขมัน
- เกิดการอักเสบ และมีอาการบวมฟกช้ำในบริเวณที่รับการรักษา
- มีอาการชา ซึ่งจะหายไปเองภายใน 6-8 สัปดาห์
- ผิวอาจจะไม่เรียบเนียน เป็นคลื่น หรือผิวหนังหย่อนคล้อยไม่กระชับ
- ในบางกรณีอาจสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในระหว่างขั้นตอนการดูดไขมัน เช่น เข็มหรือท่อแทงทะลุลำไส้ ตับ หรือไต เป็นต้น
- เกิดภาวะไขมันหรือลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดเฉียบพลัน ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
- ปอดบวมน้ำ หัวใจล้มเหลว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
- อาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด หากดูดไขมันโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
- หากดูดไขมันมากเกินไป อาจทำให้เสียน้ำ เสียเลือด และอ่อนเพลีย จนเกิดภาวะช็อก หมดสติ และหยุดหายใจ
- สำหรับคนไข้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีอายุมาก อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อก และผลข้างเคียงอื่น ๆ
10. ระยะเวลาหลังการทำศัลยกรรมดูดไขมันร่างกายจะเข้าที่ประมาณ 3-6 เดือน ทั้งนี้ จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ที่การดูแลรักษาตัวเอง รวมถึงความชำนาญของศัลยแพทย์ด้วย ซึ่งในช่วงระยะแรก ๆ ที่พักฟื้นควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และควรเข้ารับการตรวจให้ตรงเวลาตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง
เมื่อได้ศึกษาข้อมูลก่อนทำศัลยกรรมดูดไขมันแบบครบถ้วนกันไปแล้ว คราวนี้คุณสาว ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจกันแล้วล่ะ แค่เตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมเงินในกระเป๋าสตางค์ให้พร้อม เพียงเท่านี้คุณก็จะมีรูปร่างที่สวยงามกระชับได้แล้วค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : pobpad.com, rama.mahidol.ac.th, thesafeclinic.com
วันนี้กระปุกดอทคอมจึงถือโอกาสนำความรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันมาฝากกัน สำหรับสาว ๆ คนไหนที่มีแพลนกำลังจะดูดไขมันอยู่ละก็ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด
ดูดไขมัน คืออะไร
ดูดไขมัน เป็นกระบวนการศัลยกรรมเพื่อความงามที่ใช้เทคนิคในการดูดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเฉพาะจุด ซึ่งเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยากแม้ว่าจะควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ก้น แขน หรือคอ เป็นต้น
ดูดไขมัน อันตรายไหม
การดูดไขมันนับเป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ที่ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่สามารถทำเองได้ เพราะการดูดไขมันต้องทำร่วมกันกับการผ่าตัด ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางและต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น แต่หากเจอคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือทำโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการดูดไขมันโดยตรง ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
10 เรื่องต้องรู้ก่อนดูดไขมัน
1. การดูดไขมัน ไม่ใช่การลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ข้อนี้หลาย ๆ คนมักเข้าใจผิด ซึ่งการดูดไขมันเป็นเพียงแค่การลดสัดส่วนเฉพาะจุดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะทำตรงบริเวณต้นขา น่อง เอว ต้นแขน หน้าท้อง หรือใต้คาง เป็นต้น
2. ก่อนคิดจะทำศัลยกรรมดูดไขมัน ควรถามตัวเองให้แน่ใจเสียก่อนว่าได้พยายามออกกำลังกายหรือพยายามลดไขมันส่วนนั้นดีพอแล้วหรือยัง เพราะถ้าพยายามอย่างที่สุดแล้วไขมันส่วนนั้นยังไม่ลดเสียที คุณก็มั่นใจได้เลยว่าการดูดไขมันคือทางออกที่ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องเสียเงินพร่ำเพรื่อยังไงล่ะคะ
3. ควรเลือกทำศัลยกรรมดูดไขมันกับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก่อนทำควรปรึกษาแพทย์รวมทั้งศึกษาผลงานของแพทย์ท่านนั้น ๆ ให้ดีเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อความมั่นใจว่าทำออกมาแล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจหรือไม่ต้องมาเจ็บตัวแก้ไขทีหลัง
5. เตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนทำศัลยกรรมดูดไขมัน โดยคุณสาว ๆ จะต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาหรือสารต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติแก่ร่างกาย ทั้งนี้ ก่อนทำการดูดไขมันควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนว่าคุณมีโรคประจำตัว โรคติดต่อ หรือแพ้ยาอะไรบ้าง ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก ๆ ห้ามละเลยเด็ดขาด !
7. ไขมันที่ดูดออกมาสามารถนำไปเติมส่วนอื่น ๆ ได้ ตั้งแต่ริมฝีปาก คาง แก้ม หรือเสริมส่วนต่าง ๆ ที่บกพร่อง เพราะไขมันที่ดูดออกมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรา ดังนั้นจึงสามารถนำไปฉีดเสริมส่วนอื่น ๆ ได้โดยไม่มีอันตราย ทั้งนี้ สำหรับใครที่อยากจะฉีดเสริมส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติม ก็สามารถปรึกษาหรือบอกกับศัลยแพทย์ให้ทำพร้อม ๆ กับการดูดไขมันเลยค่ะ
8. การทำศัลยกรรมดูดไขมัน หลัก ๆ แล้วมีวิธีดังนี้...
- การดูดไขมันด้วยการฉีดสารสลายไขมัน เป็นการฉีดสารละลายที่มีส่วนผสมของยาชาเข้าไป ทำให้เซลล์ไขมันแตก และถูกขับออกตามระบบน้ำเหลือง วิธีนี้จะทำให้เกิดบาดแผลน้อยกว่าวิธีอื่น ๆ และผิวหนังที่สลายไขมันออกไปก็จะเรียบเนียน แต่ทั้งนี้ก็อาจต้องใช้เวลา เพราะแต่ละคนจะสลายไขมันเร็วช้าไม่เท่ากัน
- การดูดไขมันด้วยอัลตราซาวด์ เป็นการนำคลื่นเสียงความถี่สูงมาใช้ โดยจะส่งสัญญาณเสียงผ่านไปที่ปลายท่อยาว ทำให้เซลล์ไขมันแบบหนาแน่นสลายตัว จากนั้นจึงดูดออก
- การดูดไขมันด้วยเลเซอร์ เป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงเซลล์ไขมันให้กลายเป็นน้ำมัน แล้วดูดไขมันที่ละลายแล้วออกมา
9. ทำใจยอมรับกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้วการดูดไขมันอาจจะมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาชาหรือยาสลบ รวมถึงผลข้างเคียงต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ซึ่งหากใครที่มีปัญหา แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาและแก้ไขจะดีที่สุด
- มีแผลจากการเจาะ มีอาการเสียเลือดบ้างในระหว่างดูดไขมัน
- เกิดการอักเสบ และมีอาการบวมฟกช้ำในบริเวณที่รับการรักษา
- มีอาการชา ซึ่งจะหายไปเองภายใน 6-8 สัปดาห์
- ผิวอาจจะไม่เรียบเนียน เป็นคลื่น หรือผิวหนังหย่อนคล้อยไม่กระชับ
- ในบางกรณีอาจสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในระหว่างขั้นตอนการดูดไขมัน เช่น เข็มหรือท่อแทงทะลุลำไส้ ตับ หรือไต เป็นต้น
- เกิดภาวะไขมันหรือลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดเฉียบพลัน ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
- ปอดบวมน้ำ หัวใจล้มเหลว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
- อาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด หากดูดไขมันโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
- หากดูดไขมันมากเกินไป อาจทำให้เสียน้ำ เสียเลือด และอ่อนเพลีย จนเกิดภาวะช็อก หมดสติ และหยุดหายใจ
- สำหรับคนไข้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีอายุมาก อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อก และผลข้างเคียงอื่น ๆ
10. ระยะเวลาหลังการทำศัลยกรรมดูดไขมันร่างกายจะเข้าที่ประมาณ 3-6 เดือน ทั้งนี้ จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ที่การดูแลรักษาตัวเอง รวมถึงความชำนาญของศัลยแพทย์ด้วย ซึ่งในช่วงระยะแรก ๆ ที่พักฟื้นควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และควรเข้ารับการตรวจให้ตรงเวลาตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง
เมื่อได้ศึกษาข้อมูลก่อนทำศัลยกรรมดูดไขมันแบบครบถ้วนกันไปแล้ว คราวนี้คุณสาว ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจกันแล้วล่ะ แค่เตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมเงินในกระเป๋าสตางค์ให้พร้อม เพียงเท่านี้คุณก็จะมีรูปร่างที่สวยงามกระชับได้แล้วค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : pobpad.com, rama.mahidol.ac.th, thesafeclinic.com