เมื่อความรักที่แท้จริงเกิดจากจิตใจที่สวยงาม ของตลกหน้าผีชื่อดัง ดวงฤทัย ศรีเหรา-สุเทพ สีใส (Woman’s story)
"ความรัก" คืออะไร ไม่ว่าจะถามกับใครคนไหน ก็คงจะได้คำตอบที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนใหญ่นั้น ก็ทราบกันดีว่าความรัก หมายถึงความรู้สึกที่ดีที่สุดที่คนเราจะมอบให้แก่กัน ที่เกิดจากความผูกพัน ความเข้าใจ การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ความรักที่แท้จริงไม่มีศาสนา ไม่มีประเพณี ไม่มีฐานะ หน้าตา หรือแม้กระทั่งเพศ มาเป็นตัวแบ่งกั้น เพราะความรักสามารถเกิดขึ้นได้กับทุก ๆ คน
อย่างเช่นในกรณีของ คุณดวงฤทัย ศรีเหรา ภรรยาที่น่ารักของดาราตลกชื่อดัง ที่ได้รับสมญานามว่า "ตลกหน้าผี" คุณสุเทพ สีใส หรือ สุเทพ ศรีเหรา ซึ่งในฉบับนี้ คุณดวงฤทัย จะมาเปิดเผยถึงเรื่องราวความรักที่น่าประทับใจให้ชาว Woman’s Story ได้รับทราบและซึ้งไปกับความรักที่ปราศจากเงื่อนไขไปพร้อม ๆ กันค่ะ
อยากให้ คุณดวงฤทัย เล่าย้อนไปถึงวันวานที่ได้รู้จักกับ คุณสุเทพ นิดนึงค่ะคุณดวงฤทัย : จริง ๆ ไม่ได้รู้จักพี่สุเทพเป็นการส่วนตัวเลย เริ่มจากที่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อน ๆ ในตอนนั้นชวนเราไปนั่งดูตลกที่พระราม 9 คาเฟ่ ซึ่งโต๊ะที่เพื่อน ๆ จองเป็นโต๊ะด้านหน้าเวทีเลยค่ะ (ยิ้ม) เห็นชัดทุกคน และวันนั้นพี่สุเทพก็มีคิวมาเล่นตลกที่นี่ด้วย แน่นอนว่าเราเป็นคนมาดูเราก็ต้องเห็นเขาอยู่แล้วล่ะ ก็ไม่ได้อะไร จนกระทั่งถึงเวลาที่เรากลับบ้าน พี่สุเทพก็มาขวางเราไว้ เราก็ตกใจมาก เพราะว่าพี่เขาหน้าตาน่ากลัว น่าตกใจอยู่แล้วด้วย (หัวเราะ) ก็มาขวางถามชื่อ ขอเบอร์โทรศัพท์ เราก็ไม่ให้ พี่เขาก็เสียบนามบัตรของเขาไว้ที่หน้าปัดน้ำฝนรถเพื่อน จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน เพราะว่าเราไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว
จากวันนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ต้องกลับมาพบเจอกันอีกคะคุณดวงฤทัย : หลังจากนั้นก็หลายเดือนมาก ๆ นานจนเราลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น คือเราก็ไม่ได้สนใจ จู่ ๆ เพื่อนก็ชวนไปดูตลกอีก เราก็ไป แต่ทีนี้โต๊ะที่นั่งไกลหน่อย อยู่หลัง ๆ เพราะเรารู้สึกกลัว แต่พอพี่เขาเล่นตลกเสร็จ เขาก็เดินผ่านมาที่โต๊ะเรา มาบอกกับเราว่าเดี๋ยวรอเขาก่อนนะ เพราะต้องไปเล่นตลกอีกที่หนึ่ง ซึ่งจะกลับมาจบที่พระราม 9 อีกครั้งตอนดึก ๆ เราก็งง! มองหน้าเพื่อน เพื่อนๆ ก็อมยิ้ม สุดท้ายสารภาพว่าเพื่อนเราโทรไปหาพี่เขาเอง เพราะเพื่อนจะแกล้งเรา
คุณดวงฤทัย : พอรู้แบบนั้นนั่งดูตลกไปอีกสักพักก็กลับบ้าน เพราะเราไม่คิดจะรอพี่เขาอยู่แล้ว คือเป็นธรรมดา เราไม่อยากคุยด้วย ไม่อยากสุงสิง ไม่อยากข้องเกี่ยวเพราะหน้าตาพี่เขาเป็นแบบนั้น ไม่ได้รังเกียจนะคะ แต่เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงเราก็น่าจะเลือกคนที่หน้าตา พี่สุเทพอย่างที่เราเห็น ๆ กัน มันก็รับไม่ได้น่ะค่ะ ซึ่งพอเขากลับมาก็ไม่เจอเรา แต่เขาโทรศัพท์มาหาที่คอนโด เราตกใจมาก โทรมาได้ยังไง มารู้ทีหลังว่าเพื่อนบอกเบอร์ให้ ตอนนั้นก็โกรธเพื่อนมาก ๆ
แล้วตอนนั้นได้ตัดขาดคุณสุเทพไปเลยไหมคะคุณดวงฤทัย : คือ จะบอกว่ายังไงดี ส่วนตัวเราเป็นคนยังไงก็ได้ง่าย ๆ สบาย ๆ คือโกรธเพื่อนก็จริง แต่ไม่นานก็หาย ไม่ได้โกรธถึงขั้นจริงจังอะไร ในขณะเดียวกันพี่สุเทพได้เบอร์เราไปแล้ว เขาก็โทรมาหาบ้าง ซึ่งพี่เขาก็เป็นผู้ใหญ่มาก ๆ ไม่ได้โทรมาจุกจิกเจ๊าะแจ๊ะทำให้เรารู้สึกรำคาญใจ ที่จะแบบไม่อยากคุยด้วยเลย อย่างมากก็โทรมาถามตื่นรึยัง กินข้าวรึยัง นอนรึยัง แล้วก็วางไปแค่นั้น เพราะฉะนั้น ถ้าเขาโทรมาเราก็คุยด้วยได้ ไม่ซีเรียส เพราะเราในตอนนั้นก็คงคิดไม่ถึงว่ามันจะกลายมาเป็นอย่างในทุกวันนี้ (ยิ้ม)
คุณดวงฤทัย : เราก็คิดกับพี่เค้าว่าเหมือนเพื่อนเราคนนึงแค่นั้นเอง ที่สำคัญช่วงนั้นเรามีแฟนอยู่แล้ว ก็คุยกันไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไรเยอะแยะ แต่เชื่อไหมคะว่าพี่สุเทพแอบไปอยู่ห้องตรงข้ามที่คอนโด เพื่อแอบดูเรา คอยมองเราจากตาแมวว่าวันนี้ไปไหน ทำอะไร อยู่กับใคร มีแฟนรึเปล่า เราไม่รู้เรื่องเลยค่ะ จนกระทั่งมาคบกันแล้ว บังเอิญไปเจอพี่ผู้หญิงที่รู้จักที่อยู่ข้างห้องมาเล่าให้ฟัง พอเรากลับมาถามพี่สุเทพเขาก็อมยิ้ม (ยิ้ม)
คุยกันมาเรื่อย ๆ แบบนี้อะไรคือจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างพี่ทั้ง 2 คนคะคุณดวงฤทัย : หลังจากที่คุย ๆ กันมาเกือบ ๆ ปี พี่สุเทพก็พาเราไปที่กองถ่าย เราก็ไปเพราะเหมือนได้ไปเปิดหูเปิดตา ได้เห็นอะไรแปลกใหม่ เพราะปกติคนทั่วไปจะไม่สามารถเข้าไปได้ เราก็ไป พอไปถึงได้เห็นการทำงานของพี่เขาแล้ว แว่บแรกที่รู้สึกได้คือสงสารมาก เพราะการที่พี่สุเทพไม่มีขนเท่ากับว่าเวลาอากาศร้อน ๆ หรือเจอกับแสงไฟ แสงแดด เหงื่อจะไม่ออก เขาจะไม่มีทางระบายออกมาได้ ดังนั้น ร่างกายจะร้อนอยู่ข้างใน ทำให้ทุกคัท ทุกเบรกจะมีน้อง ๆ คอยเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้พี่เขาอยู่เสมอ คือเขาผิดปกติ และเราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงแม้ก่อนหน้านั้นเขาจะเคยพูดให้เราฟัง แต่เราก็ไม่ได้สนใจฟัง เพราะคิดไปว่าตลกก็พูดไปเรื่อยแหละ และอายุป่านนี้จะยังไม่มีเมีย มีลูกได้ยังไง
คุณดวงฤทัย : จนกระทั่งได้มาเห็นกับตาตัวเองจริง ๆ ก็รู้สึกสงสาร ก็ยังคุยมาเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่คิดว่าเป็นแฟน แต่ตอนนั้นก็รู้สึกดี ๆ กับเขาบ้างแล้ว อาจจะเป็นเพราะอยู่กับพี่สุเทพแล้วเราสบายใจ สบายใจขึ้นเยอะเลย เพราะอย่างที่บอกเราก็มีแฟน เพราะฉะนั้น มันมีข้อเปรียบเทียบที่แตกต่างเห็นได้อย่างชัดเจน คือกับแฟนเรา เราต้องวิ่งตามตลอด แต่กับพี่สุเทพเขาตามเราตลอด และพี่สุเทพเป็นผู้ใหญ่มาก ๆ คอยดูแลเอาใจใส่เราทุกอย่าง ทำให้ได้ใจเราไปเลย (ยิ้ม) เราไม่ต้องมาเหนื่อยวิ่งตามเลยตัดสินใจว่า เรารักคนที่เขารักเราดีกว่า
การที่คบกันในลักษณะนี้กับ คุณสุเทพ ทางบ้านของ คุณดวงฤทัย รับรู้ไหมคะคุณดวงฤทัย : พอสนิทกันมากขึ้น ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น แล้วบังเอิญมีอยู่วันหนึ่งนักข่าวมาเจอ ก็มาถ่ายรูปไป เท่านั้นแหละความกดดันจากรอบข้างเยอะขึ้นมาก ๆ คุณแม่เราก็รับไม่ได้ ด้วยลักษณะภายนอก หน้าตาของพี่สุเทพ เชื่อได้เลยว่าพ่อแม่ครอบครัวไหน ๆ ก็รับไม่ได้ (หัวเราะ) แบบเฮ้ย! ทำไมล่ะ ทำไมต้องเป็นคนนี้ ทางบ้านเราก็เลยพยายามไม่ให้คบกัน ที่มากไปกว่านั้นด้วยอายุที่มากกว่า หน้าที่การงาน แถมมาคบกับคุณลูกสาวฉัน ลูกฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะพี่สุเทพไม่ให้ทำงาน เหมือนคบไปไม่มีอนาคต เกิดวันหนึ่งทิ้งหรือมีเมียเก็บ ที่บ้านก็ห่วงว่าเราจะเป็นยังไง
คุณดวงฤทัย : แต่เพราะเราเองก็ไม่รู้ตัวว่าเริ่มรักพี่สุเทพเขาตั้งแต่ตอนไหน แต่มันก็รู้สึกดี ๆ ไปแล้ว ในขณะเดียวกันพี่สุเทพก็พาเราไปรู้จักครอบครัวเขา ซึ่งเราก็เห็นว่าเขาไม่มีใครนะ ถึงแม้ว่าเจ้าชู้มันก็ต้องมีบ้าง ตลกเจ้าชู้ทุกคน (หัวเราะ) เราก็เลยสบายใจที่จะคบต่อไป เพราะลึก ๆ แล้วทางบ้านเราเองเอาเข้าจริง ๆ พอเราจะคบเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นเรามีความสุข อย่างมากก็เป็นห่วงเรามากกว่า
หลังจากเปิดตัวว่าคบกัน มีผลตอบรับจากสังคมรอบข้างอย่างไรบ้างคะคุณดวงฤทัย : กดดันมากค่ะ (ยิ้ม) ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ลง เรียกว่าเป็นเหตุให้ต้องบอกเลิกกันอยู่หลายครั้ง เพราะเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันพี่สุเทพเป็นคนเปิดเผยมาก ไม่สนใจใคร แต่เราไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ที่เราเจอคือคนมาพูดไล่หลัง พูดใส่หู ให้เราได้ยินอยู่รอบ ๆ ตัว เรื่องที่เราคบกับเขาเพราะเงิน มันรู้สึกแย่มาก เพราะตัวเรารู้ดีว่าตั้งแต่คบกับเขามาเราไม่เคยใช้เงินเขาเลย เรียนจบแล้วยังแบมือขอเงินที่บ้านใช้ด้วยซ้ำ ซึ่งเขาก็รู้ แต่การที่เราต้องเจอแบบนี้ทุกวัน ๆ มันไม่ไหวนะ เลยขอเลิกดีกว่า ซึ่งเราก็ขอเลิกบ่อยมาก เราก็ห่างจากเพื่อนไปเลย เพราะมาอยู่กับพี่สุเทพ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ซึ่งก็จะเจอคนมาพูดอยู่ตลอด จนครั้งสุดท้ายที่ขอเลิก ก็ห่างกันไปสักพัก
คุณดวงฤทัย : สุดท้ายด้วยความรู้สึกผูกพัน และเราก็รู้สึกรักเขาแล้ว ห่างกันชีวิตเหมือนขาดอะไรไป ทำให้เราเองเป็นฝ่ายที่โทรกลับไปหาเขา พี่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่บอกเราว่าแล้วจะให้พี่เค้าทำยังไง ในเมื่อหน้าตาเขาเป็นแบบนี้ เขาแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ไปตลอด ทำให้เราคิดได้ว่าเออจริง ทำไมเราต้องมีทุกข์เพราะคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เรารู้สึกดี มีความสุขดีเวลาอยู่กับพี่เขา เพราะในความเป็นจริง ความคิดคนอื่นเราห้ามเขาไม่ได้จริง ๆ ก็เลยทำให้เริ่มปรับตัวกับเสียงรอบข้างที่เข้ามาได้ดีขึ้น
มีแฟนสวยแบบนี้ คุณสุเทพ หวงภรรยาบ้างไหมคะคุณดวงฤทัย : เห็นพี่สุเทพแบบนี้นะ จะบอกว่าขี้หึงมากถึงมากที่สุด เพราะความขี้หึงของพี่เขานี่แหละ ทำให้เราไม่ได้ทำงาน เริ่มงานฝึกงาน ทำงานพี่เขาจะไม่ให้เราไปทำเลย เขาจะทำทุกวิถีทางให้เราอยู่แต่กับเขา กลัวเราไปเจอคนอื่น อย่างนั่งรถไปด้วยกัน ถ้าเราหันไปมองทางซ้าย พี่เขาก็จะไม่พอใจ เพราะคิดว่าเราหันไปมองผู้ชาย ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย หรืออย่างการไปหลังเวทีตลก พี่ก็เพิ่งได้เข้าไปตอนมีลูก เพราะพี่สุเทพเขาหึงแม้กระทั่งกับเพื่อนตลกด้วยกันเอง และพี่ ๆ ตลกก็รู้กัน ก็ชอบมาแหย่ มาแกล้ง ให้พี่สุเทพหึง เขาก็หึงทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเพื่อนแกล้ง (หัวเราะ) แต่ถ้าเรามองในมุมของเขา เราจะเข้าใจว่าทำไมพี่สุเทพถึงขี้หึง เพราะด้วยหน้าตาแบบนี้ ทำให้พี่เขาเจอแต่ผู้หญิงที่ไม่จริงใจ มาคบกับเขาเพราะเงิน หรือเพราะชื่อเสียง ไม่มีใครคบแบบจริงใจด้วย เขาเจอมาเยอะ ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ถ้าไปถามว่าเขาขี้หึงไหม เขาไม่ยอมรับหรอกค่ะ (ยิ้ม)
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ติดตามบทความทั้งหมดในฉบับที่ 260
