นายบวรสิษฐ์ กล่าวต่อว่า มีการให้เงินค่าใช้สิทธิ์จริง แต่ไม่ได้ถือหุ้นของบริษัท มีอยู่ช่วงหนึ่งมีการขายได้แล้ว เมื่อแจงบัญชีกลับไม่ใช่ ทำให้เกิดความสงสัย จึงได้ตรวจสอบสินค้าว่าตรงกันหรือไม่ ซึ่งในสัญญาตกลงกันว่า การขอจดเครื่องหมายการค้า จะต้องเป็นของปูฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ส่วนคำถามทำไมถึงเลิกทำ หลังจากรายงานเงินไม่ตรง ทำให้ไม่ไว้วางใจกัน ก่อนพบว่าสิ่งที่ตกลงกันมีความคลาดเคลื่อน โดยในสัญญาที่ควรเป็นชื่อปู แต่กลับจดในนามบริษัทของผู้ประกอบการ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แก้ไขชื่อเป็นปู เราจึงไม่อยากให้กระทบถึงตัวแทน จึงมีการคุยกันและอยากให้โอนมาเป็นชื่อของปู
ทำให้มีหนังสือบอกกล่าวกันอีกรอบ เพื่อขอให้บริษัทแสดงบัญชี แต่ก็ไม่รับคำตอบ จากนั้นวันที่ 14 กรกฎาคม 2561 ได้รับหนังสือจากบริษัทให้ปูโพสต์รูปลงไอจี เมื่อเราไม่ได้รับคำตอบที่ถามไปตอนแรก จึงไม่ได้โพสต์เพิ่ม ทางทนายได้ติดต่อกับทนายของบริษัท เพราะอยากให้ 2 ฝ่ายมาดีกัน แต่ก็ไม่บรรลุข้อตกลง ก่อนปูจะไม่ไหว แต่จะฟ้องขอจดทะเบียนก็ไม่ได้เลยขอยกเลิกสัญญาในส่วนทรัพย์สินทางปัญญาที่เสียไป เราก็ไม่มีทางอื่น แม้จะส่งหนังสือขอยกเลิกสัญญาไปก็ยังไม่บอกใคร เพราะหวังจะระงับข้อพิพาทได้ แต่พอส่งไปบริษัทได้รับแล้วก็ไม่มีหนังสือตอบกลับมา
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าปูไม่ใช่บอส เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ ไม่ได้เป็นบอสบริหารจัดการบริษัท และปูพร้อมเจรจา ส่วนตัวคิดว่าคงเจรจากันได้ จากนี้อาจฟ้องในเรื่องของสิทธิของปู เพื่อนำมาให้ตัวแทน เราไม่ต้องการเงินส่วนนี้ ปูเครียด เพราะการให้สัมภาษณ์อีกฝั่งคลาดเคลื่อน โดยทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้คุยกัน เพียงแค่ปูส่งข้อความไปขอโทษดีเจมะตูมเท่านั้น ตอนนี้คงไม่ได้คุยกันแล้ว แต่เราไม่ควรจ่ายในสิ่งที่เราไม่ผิด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เดลินิวส์ออนไลน์