ลบรอยสักด้วย เลเซอร์ เจ็บตัวน้อย แต่ใช้เวลานาน

ลบรอยสักด้วย "เลเซอร์" เจ็บตัวน้อย แต่ใช้เวลานาน (ดาราเดลี่)

         "รอยสัก" เป็นการสร้างสีสันประดับให้กับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นรอยสารพัดสัตว์ หรือจะเป็นการสลักชื่อคนรักบนเรือนร่าง หรือนอกจากนั้น การสักคิ้วถาวรก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการสัก ซึ่งมีหลายตัวอย่างที่ตอนสักไม่ได้คิดอะไร คิดแต่จะอยากสวย แต่ต่อมาเกิดอยากกําจัดมันออกไป เพราะไม่พอใจ หรือเห็นว่าไม่เหมาะสม

         การลบรอยสักสมัยก่อนมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี เช่น การเอากรดมาทาให้หนังลอกเป็นแผลถึงชั้นหนังแท้ และขูดเอาเม็ดสีออก หรือใช้เกลือทาเพื่อดูดเม็ดสีออกมา ถ้าไม่ใช้กรด ก็อาจใช้ไฟลน หรือใช้มีดขูดให้เป็นแผล ซึ่งนอกจากจะเจ็บตัวมากแล้ว ยังเกิดเป็นแผลเป็น และลบสีได้ไม่หมดด้วย

         แต่ในปัจจุบัน การลบรอยสัก สามารถทําได้ง่ายดาย และมีประสิทธิภาพขึ้น ลดโอกาสการเป็นแผลเป็น และไม่ค่อยเจ็บเท่าไร วิธีการที่ว่าคือ "การลบรอยสักด้วยเลเซอร์"

         เลเซอร์ที่นิยมใช้สําหรับลบรอยสักมีอยู่ด้วยกัน 3-4 ชนิด ได้แก่ Nd-Yag Laser, Ruby laser และ Alexandrite laser

         หลักการของการใช้เลเซอร์ลบรอยสักคือ เหล่าเม็ดสีที่อยู่ในหนังแท้ จะดูดซึมเอาแสงเลเซอร์ไว้ ทําให้เกิดการแตกตัวออก กลายเป็นเม็ดเล็กๆ ที่ร่างกายสามารถกําจัดออกไปได้เอง

         วิธีการลบรอยสัก เพียงแต่ก่อนที่จะทําการยิงเลเซอร์ แพทย์จะปิด ยาชาที่ผิวหนังบริเวณที่จะยิงเลเซอร์ให้ก่อน เพื่อลดอาการเจ็บ โดยต้องรอ 45 นาที กว่าจะชา แต่บางคนไม่อยากรอนาน ก็อาจยิงได้เลย ก็ไม่เจ็บเท่าไรคือ จะรู้สึกเหมือนกับโดนดีดที่ผิวหนัง หลังจากยิงเสร็จ อาจจะมีเลือดออกซึมๆ ได้ แพทย์จะทําการป้ายยา และปิดปลาส-เตอร์ใสกันน้ำให้

         หลังจากยิงเลเซอร์ ไม่ควรให้แผลถูกน้ำอย่างน้อย 5-7 วัน หรือจนกว่าแผลจะแห้ง การยิงเลเซอร์ลบรอยสัก ไม่ใช่ว่าทําแค่ครั้งเดียวจะออกได้หมด จะต้องยิงกี่ครั้งขึ้นอยู่ว่า คนที่สักเลเซอร์สักแบบไหน ใช้สีชนิดไหนสัก และสีมีกี่สี ถ้าเป็นสีดําสีเดียว จะลบได้ง่ายที่สุด

         เพราะสีดําจะดูดซึมแสงเลเซอร์ได้เกือบทุกชนิด และดูดได้มากที่สุดด้วย แต่ถ้ามีสีหลายหลายสี ก็อาจต้องยิงเลเซอร์กันหลายทีเลยล่ะ และแต่ละครั้งควรห่างกันประมาณ 2 เดือน

         ถ้าคุณมีรอยสักแล้วต้องลบออก ควรไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่ชํานาญ อย่าได้ไปรักษาเอง หรือรักษากับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์เป็นอันขาด ที่สําคัญควรคิดให้ดีสักนิดก่อนคิด "สัก"





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก