x close

ปฏิวัติการแต่งหน้า...บอกลาข้อห้ามสุดเชย


ปฏิวัติการแต่งหน้า...บอกลาข้อห้ามสุดเชย (ผู้หญิงวันนี้)


1.  สูตรเก่า : เครื่องสำอางแบบชิมเมอร์ไม่เหมาะสำหรับกลางวัน (แถมอายุมากกว่า 30 ไม่ควรใช้)

          ปฏิวัติใหม่ : สวยด้วยชิมเมอร์ ทั้งกลางวันยันกลางคืน (แถมสวยได้ทุกวัย อีกต่างหาก!)

          เพราะความหรูหราเป็นของควรค่าสำหรับผู้หญิง ที่สำคัญชิมเมอร์ยังช่วยทำให้ผู้หญิงอย่างเราๆ ดูสวยแบบลดวัย ปรับผิวให้ดูสดใส และยังทำให้ใบหน้าดูเรืองรองวาววับ น่าจับจ้องอีกต่างหาก นับข้อดีได้ครบสามประการเช่นนี้แล้ว เรายังจะรีบปาของดีทิ้งก่อนอายุขึ้นเลข 3 ได้อย่างไร หากแต่เคล็ดลับอยู่ที่การเลือกเฉดสีที่เหมาะกับสภาพผิว และเลือกเน้นความมันวาวบนใบหน้าไม่เกินสองตำแหน่ง เช่น หากต้องการเน้นดวงตาและริมฝีปาก ก็ควรปล่อยให้พวงแก้มเป็นสีแมทท์ เท่านี้ก็สวยกลางวันยันกลางคืนได้แล้ว


2.  สูตรเก่า : เลือกสีลิปสติกให้เหมาะกับการแต่งหน้าโดยรวม

          ปฏิวัติใหม่ : แม็ทช์สีลิปสติกให้เหมาะกับสีผิว

          อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าการเลือกลิปสติกต้องเลือกเฉพาะเฉดสีที่ชอบ หรือสีที่เข้ากับเครื่องสำอางที่มีอยู่ แต่เราขอแนะนำให้คุณทำตัวเจ้าเล่ห์นิดๆ โดยการเลือกสีลิปสติกที่เข้ากับสีผิวของคุณจริงๆ เช่น เลือกมาสักหนึ่งสีที่เข้ากับสีปากของคุณเด๊ะๆ เช่น สีชมพูอมนู้ด และสีแดงกุหลาบ ที่ค่อนข้างจะเหมาะกับหลายสีผิว จากนั้นเลือกอีกสักสีที่สว่างกว่าสีผิว (ในหมวดสีเดียวกัน) เพื่อนำไปผสมหรือใช้โดดๆ เพื่อทำให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น


3.  สูตรเก่า : นวลเนียนด้วยการใช้ครีมรองพื้น

          ปฏิวัติใหม่ : ใช้ครีมรองพื้นปกปิดเฉพาะตำหนิและรอยแผล

          รู้หรือเปล่าว่าครีมรองพื้นนี่ล่ะ คือตัวเร่งการเสื่อมสภาพของผิวหน้า เพราะฉะนั้น จะดีสักแค่ไหนถ้าปล่อยให้ผิวหายใจบ้าง และนำเจ้าครีมหนาหนักตัวนี้มาทำหน้าที่ปกปิดจุดด่างดำ และรอยตำหนิต่างๆ บนใบหน้า แบบเฉพาะที่แทน ยกตัวอย่างเช่น แต้มครีมรองพื้นบนบริเวณที่มีรอยแดง เช่น จมูก แก้ม หรือคาง แล้วใช้ฟองน้ำเกลี่ยไล้ไปทางไรผม จากนั้นใช้แป้งฝุ่นกดซับบนใบหน้าอีกครั้ง แล้วใช้เครื่องสำอางอื่นๆ ตามปกติ แค่นี้ใบหน้าก็เบาสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องสิวอุดตันอีกต่อไป


4.  สูตรเก่า : วาดลิปไลเนอร์ก่อนลงลิปสติกทุกครั้ง

          ปฏิวัติใหม่ : ใช้ลิปไลเนอร์เฉพาะโอกาสพิเศษก็พอ

          จริงอยู่ว่าดินสอเขียนขอบปากจะทำให้รูปปากดูชัดและสวยคมยิ่งขึ้น แต่หากให้นึกดูอีกที ก็ดูออกจะจริงจังในการแต่งหน้ามากไปสักหน่อย ยิ่งเทรนด์สมัยนี้ที่เน้นความสวยแบบธรรมชาติด้วยแล้ว เราจึงขอแนะนำให้คุณหยิบใช้เฉพาะวันสำคัญๆ ก็พอ ส่วนในวันธรรมดาลองมองหาพู่กันปลายแหลม ที่สามารถวาดขอบปากได้มาแทนที่ แม้จะไม่คมกริบเท่าดินสอ แต่เชื่อเถอะว่าจะทำให้คุณดูเป็นธรรมชาติมากกว่า และหากรอยลิปสติกจางไปก็ยังสามารถเติมได้ ไม่ดูน่าขันเหมือนตอนที่เหลือเฉพาะรอยดินสออย่างเดียวสักนิด


5.  สูตรเก่า : เลือกอายแชโดว์ให้เข้ากับสีดวงตา

          ปฏิวัติใหม่
: ยิ่งเป็นอายแชโดว์ ยิ่งต้องตรงกันข้าม

          เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะหากยังเลือกสีที่เข้ากับสีตาเด๊ะๆ เช่น ถ้าดวงตาสีดำ หรือน้ำตาลก็เลือกสีเอิร์ธ โทน หรือถ้าดวงตามีสีสัน (ชาวตะวันตก) ก็เลือกสีที่เข้ากับสีตานั้นๆ การเลือกสีแบบนี้จะยิ่งทำให้คุณดูไม่น่าสนใจเข้าไปอีก จึงดีกว่าเป็นไหนๆ หากจะเลือกสีสันที่ตรงกันข้ามกับดวงตาเพื่อให้คุณดูเด่นเด้งขึ้นบ้าง ขอแนะนำสำหรับสาวไทยที่มีตาสีดำถึงน้ำตาล ในการเลือกสีเขียวมรกต ไปจนถึงสีฟ้าเข้ม เพราะจะช่วยขับสีสันให้สดใสมากขึ้นกว่าเก่า (แต่อย่าลืมดูสีผิวตัวเองด้วยล่ะ)


6.  สูตรเก่า : เติมอายแชโดว์หลังการแต่งหน้า

          ปฏิวัติใหม่
: เติมอายแชโดว์เป็นอย่างแรก

          เหตุที่ช่างแต่งหน้ามักเติมอายแชโดว์หลังสุด ก็เพราะไม่ต้องการให้สีสันเปรอะเปื้อนใบหน้า และหากผิดพลาดไป ก็ทำให้ต้องลบและลงครีมรองพื้นใหม่อีกครั้ง คำแนะนำจากเราคือลงอายแชโดว์เป็นอย่างแรก โดยเริ่มจากการลงรองพื้นทั่วใบหน้า เติมแป้งฝุ่น แล้วลงสีสันบริเวณดวงตาตามที่ต้องการเขียนอายไลเนอร์ และปัดมาสคาร่าให้เสร็จสรรพ จากนั้นจึงไล่กลับไปที่การลงคอนซีลเลอร์ ปัดแก้ม และลงลิปสติกตามปรกติ โดยหลีกเลี่ยงบริเวณดวงตาหรือการเติมซ้ำ แค่นี้ก็จะประหยัดเวลา และพลังงานไปได้เยอะ


7.  สูตรเก่า : ใช้แปรงให้เหมาะกับการแต่งหน้า
 
          ปฏิวัติใหม่ : นิ้วนี่ล่ะ สุดยอดแปรงชั้นดี

          ไม่ปฏิเสธค่ะว่าแปรงแต่ละประเภทที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อการแต่งหน้า ต่างก็ช่วยให้การเติมเต็มสีสันเป็นไปอย่างง่ายดาย และทำให้การแต่งหน้าดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่ผู้หญิงอย่างเราๆ ใช่ว่าจะแต่งแบบฟูลออพชั่น ประหนึ่งช่างแต่งหน้ามืออาชีพในทุกวันซะที่ไหน การลงทุนเรื่องอุปกรณ์เสริมจึงควรทุ่มทุนแต่พอเหมาะ ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้นิ้วเรียวๆ ของเราทำหน้าที่นี้ไปเถอะค่ะ เช่น การใช้นิ้วกลางในการเกลี่ยอายแชโดว์สีหลักให้ทั่วเปลือกตา ก่อนที่จะใช้นิ้วนางทาสีเข้มบริเวณหางตา เพื่อลงแสงเงา และใช้นิ้วกลางในการลงไฮไลต์อีกครั้งบริเวณ เปลือกตาที่นูนที่สุด ส่วนการลงลิปกลาสแบบทินท์ การใช้นิ้วแตะเบาๆ ก็ยังช่วยเกลี่ยให้ดูมันวาวได้ดีกว่าการใช้แปรงที่ทำให้ดูขาดมิติ รู้อย่างนี้แล้วก็ช่วย ประหยัดได้เยอะ จริงมั้ย




เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปฏิวัติการแต่งหน้า...บอกลาข้อห้ามสุดเชย อัปเดตล่าสุด 20 สิงหาคม 2552 เวลา 11:41:55
TOP