เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com โพสต์โดย LadyBimbettes
เมนูเด็ดจาก รายการภัตตาคารบ้านทุ่ง มาเสิร์ฟความรู้คู่ความอร่อยกันอีกแล้วจ้า ในครั้งนี้ทีมงานได้เดินทางไปถ่ายทำที่บ้านทรัพย์สนอง ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อมาชมสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง และเพื่อไม่ให้ผิดแนวของทางรายการ ดังนั้นการชมสวนในครั้งนี้คงไม่ใช่แค่พาเดินดูดอกไม้งาม ๆ เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นการนำดอกไม้สดมาประกอบอาหารเป็นกับข้าวรสจัดจ้านนั่นเอง โดยงานนี้มีด้วยตัวชูโรงอยู่ที่ดอกชมจันทร์...
ดอกชมจันทร์คืออะไร? รับประทานได้แน่หรือ? รสชาติจะขมไหม? คุณสมจิตร สุวรรณกุล หรือป้าอ้อย ผู้ที่นำดอกชมจันทร์มาปลูกที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นรายแรก ๆ เล่าว่า เดิมทีนั้นดอกชมจันทร์มีอยู่มากที่จังหวัดเชียงราย อีกทั้งพี่ชายของป้าอ้อยก็เป็นเกษตรกรเช่นกัน ดังนั้นป้าอ้อยเลยลองนำดอกชมจันทร์มาเพาะปลูกที่สวนแห่งนี้ ด้วยการนำเมล็ดของต้นชมจันทร์มาเพาะ กระทั่งเติบโตเป็นเถาไม้เลื้อยอย่างที่เห็น
ป้าอ้อย ยังบอกอีกว่า ดอกชมจันทร์ เป็นคนละชนิดกับดอกไม้จีนแห้งที่เอาไว้แกง หรือต้ม ซึ่งดอกชมจันทร์ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ดอกพระจันทร์ หรือบางพื้นที่เรียกว่า ดอกบานดึก เนื่องจากดอกไม้ชนิดนี้จะบานสวยในช่วงเวลากลางคืน แต่พอใกล้สว่างก็จะเริ่มหุบเป็นดอกตูม โดยส่วนปลายจะบิดเป็นเกลียวสวยแปลกตา ซึ่งชาวบ้านก็จะนำดอกตูมมาปรุงเป็นอาหาร และในการเก็บดอกตูม ต้องเด็ดดอกชมจันทร์พร้อมก้านอย่างระมัดระวัง เพราะดอกชมจันทร์บอบบางมาก และถึงแม้ปกติจะมีรสชาติออกขมนิด ๆ แต่เมื่อนำไปปรุงรส รับรองว่ากลมกล่อม แซบถึงใจแน่นอน
นอกจากความอร่อยแล้ว ดอกชมจันทร์ยังเป็นดอกไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่า เพราะมีไขมันต่ำ มีโปรตีน มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามิน เอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 และยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักด้วย และเนื่องจากดอกชมจันทร์ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ รวมถึงจะเบ่งบานสวยงามในยามค่ำคืน ทำให้ชาวบ้านนิยมนำไปปลูกเพื่อประดับบ้าน เรียกว่าทั้งอร่อย ทั้งมีประโยชน์หลายด้านเลยทีเดียว
เอาล่ะ มาเข้าเรื่องความอร่อยกันเลยดีกว่า เมนูเด็ดที่ใช้ดอกชมจันทร์มาปรุงเป็นอาหารนี้มีชื่อน่ารัก ๆ ว่า กระต่ายหมายจันทร์ ซึ่งเป็นชื่อเมนูที่สื่อความหมายถึงดอกชมจันทร์นั่นเอง ก่อนที่เราจะลงมือทำอาหาร ก็ต้องมาดูส่วนผสมกันก่อน โดยส่วนผสมในเมนูกระต่ายหมายจันทร์ มีดังนี้
ส่วนผสม
ดอกชมจันทร์
กุ้งแห้ง
เห็ดหอมสด
เห็ดเข็มทอง
พริกขี้หนู
แครอท
มันแกว
กระเทียม
ต้นหอม
ขึ้นฉ่าย
น้ำมันหอย
ซีอิ๊วขาว
น้ำตาลทราย
น้ำมันพืช
ขั้นตอนการทำ
1. จัดการปอกกระเทียม และเด็ดขั้วดอกชมจันทร์เพื่อดึงเอาเส้นเกสรออก เพราะเส้นเกสรมีฤทธิ์ด้านการระบาย หากรับประทานเข้าไปมาก ๆ ท้องไส้อาจจะปั่นป่วนได้ค่ะ
2. ซอยกระเทียม หั่นต้อนหอม ขึ้นฉ่าย ปอกแครอท แล้วหั่นเป็นวงกลม ก่อนใช้พิมพ์ทำขนมกดเป็นรูปดาว ตามด้วยปลอกมันแกว แล้วหั่นเป็นแผ่นหนา ๆ ก่อนซอยเป็นเส้น
3. หั่นเห็ดหอม เห็ดเข็มทอง เด็ดขั้วพริก นำกุ้งแห้งไปใส่น้ำแล้วขยุ้ม ๆ พักไว้ ตบท้ายด้วยการผ่าพริกเป็นเส้น แล้วสรงน้ำเร็ว ๆ เพื่อเอาเม็ดออก ในขั้นตอนนี้ ต้องรีบทำให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจจะแสบมือได้นะจ๊ะ
4. ทอดกระเทียมเจียวให้พอเหลือง แล้วจึงใส่กุ้งแห้ง เห็ดหอม โรยมันแกว ก่อนคลุกผักทั้งหมดเข้าด้วยกัน ผัดให้พอยุบ แล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำตาลทราย
5. เมื่อได้รสที่พอใจ ก็ใส่แครอท ใส่น้ำมันหอย ต่อด้วยเห็ดเข็มทอง และพริก ปิดท้ายด้วยการนำดอกชมจันทร์ลงไปผัด พอผักสลดเล็กน้อย ก็โรยหน้าด้วย ต้นหอม ขึ้นฉ่าย เพื่อให้มีกลิ่นหอม เท่านี้ก็เสร็จเมนูแรกแล้วจ้า
ต่อมาเป็นเมนูที่ 2 แกงส้มดอกชมจันทร์ โดยเมนูนี้จะมีการนำยอดอ่อนของต้นชมจันทร์มาเป็นส่วนผสมด้วย
ส่วนผสม
ดอกชมจันทร์
ยอดชมจันทร์
ปลากระบอก
มะม่วงเปรี้ยว
มะขามเปียก
ส้มแขกแห้ง
พริกไทยดำ
น้ำตาลทราย
น้ำมันพืช
น้ำปลา
พริกแห้ง
ขั้นตอนการทำ
1. ดึงเกสรดอกชมจันทร์ออก ปอกมะม่วงล้างน้ำ แล้วหั่นเป็นชิ้น จากนั้นหั่นหอมกระเทียม ปอกขมิ้น ขยำมะขามเปียกแล้วพักไว้ แล้วแช่พริกแห้งในน้ำสักครู่
2. จากนั้นก็นำพริกมาคลุกเคล้าเกลือ โขลกให้แหลก เมื่อได้ที่ให้ใส่หอมกระเทียม และขมิ้น ลงไปตำให้แหลก เมื่อเครื่องแกงแหลกดีแล้วก็ใส่กะปิ แล้วตำไปเรื่อย ๆ แล้วตักออก
3. ต่อมาเป็นขั้นตอนการหมักปลา โดยการเตรียมเครื่องสมุนไพร ด้วยการหั่นขมิ้น แล้วตำพริกไทยดำพอบุบ ใส่ขมิ้น กระเทียม โขลกไปเรื่อย ๆ จนเสร็จ
4. นำปลาที่หั่นไว้ มาโรยเกลือ เอาเครื่องสมุนไพรที่ตำไว้ มาคลุกเคล้ากับปลา แล้วปรุงรสตามใจชอบ
5. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ ก็นำปลากระบอกที่หมักเครื่องสมุนไพรแล้ว ลงไปทอดในกระทะให้เหลืองกรอบ
6. เตรียมหม้อแกงส้ม โดยใส่น้ำเปล่าปิดฝารอน้ำเดือด ระหว่างนั้นเด็ดยอดอ่อนชมจันทร์ไปพลาง ๆ พอน้ำเดือดก็ใส่พริกแกงลงผสมน้ำ แล้วปิดฝารอให้น้ำเดือดอีกสักพัก จากนั้นทำการปรุงรส โดยใส่น้ำมะขามเปียก ส้มแขก น้ำตาล น้ำปลา
7. เมื่อชิมรสพอใจแล้ว ให้ใส่มะม่วง ตามด้วยยอดดอกชมจันทร์ แล้วกวนเพียงเล็กน้อย เดี๋ยวดอกชมจันทร์จะเละ จากนั้นยกหม้อลง ตักเนื้อปลาปรุงขมิ้นที่ทอดแล้วมาผสม แค่นี้ก็อร่อยเด็ดถึงใจแล้ว
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับ 2 เมนูเด็ดนี้ ทั้งน่าอร่อย และดีต่อสุขภาพ แม้ดอกชมจันทร์จะหาทานยากสักเล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นเมนูเด็ด เคล็ดลับชาวบ้าน ที่น่าสนใจมาก ๆ หากใครมีโอกาสได้ลิ้มลองกับข้าวที่มีส่วนผสมของดอกชมจันทร์แล้ว อย่าลืมมาบอกเล่ารสชาติของดอกชมจันทร์ให้เราทราบกันด้วยนะคะ ส่วนเมนูเด็ดในครั้งต่อไปจะเป็นอะไรนั้น ต้องติดตามจ้า