เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ว่ากันว่าความรู้สึกของคนส่วนใหญ่มักจะสลับสับเปลี่ยนกันอยู่เสมอ อย่างเช่น คนโสดต้องการใครสักคนมาเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์ด้วยการสร้างครอบครัว ในทางกลับกันคนที่แต่งงานไปแล้วก็อยากจะกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง แถมบางคนยังออกอาการเข็ดขยาดชีวิตคู่ด้วย ทำเอาคนโสดงงไปตาม ๆ กันและเกิดอาการสงสัยขึ้นมาทันทีว่า จริง ๆ แล้วการแต่งงานจะช่วยให้ชีวิตของเรามีความสุขจริงหรือไม่ ดังนั้น ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยเอาประสบการณ์แต่งงานจากหลายคู่มาบอกกัน
1.ไม่เข้าใจกัน
ถึงแม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมานานหลายเดือนหรือเป็นปี ก็ยังคงมีปัญหาเข้ามาและเกิดความขัดแย้งได้ตลอด หากทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันไม่เข้าใจหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเรื่องปิดบังกันอยู่ ดังนั้น ก่อนที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับใครควรพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ให้รอบคอบเสียก่อน โดยเฉพาะแนวความคิดกับอุปนิสัย พร้อมทั้งมั่นใจว่าสามารถเปิดใจคุยกันได้ทุกเรื่องจริง ๆ ก่อนที่จะเสียใจในภายหลัง
2.งานแต่งไม่ได้เนรมิตด้วยเวทมนตร์
ก่อนที่จะมีงานแต่งงานสวย ๆ เกิดขึ้นมาได้ คู่บ่าวสาวต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่หาฤกษ์แต่งงาน สถานที่ ชุดแต่งงาน และอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่ใช้เวลานานเป็นปีไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืนเหมือนในละคร แถมยังมีค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ค่อนข้างมากพอสมควร เพราะฉะนั้น หากคิดจะแต่งงานก็ควรจัดสรรเวลาตัวเองให้ได้และเตรียมการเงินให้พร้อมเสียก่อน
3.แบบแหวนหมั้นไม่โดนใจ
เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงแอบปลื้มไม่น้อยเวลาที่เห็นแฟนหนุ่มเซอร์ไพรส์ด้วยแหวนหมั้นเพื่อขอแต่งงาน ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่ามีสาว ๆ จำนวนไม่น้อยเลยที่แอบผิดหวังกับดีไซน์แหวนหมั้นของตัวเอง ถ้าหากไม่อยากจะเจอกับเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ก็ควรจะตกลงกับคู่หมั้นให้เรียบร้อย หรือเลือกซื้อด้วยกันเลยดีกว่า
4.ไลฟ์สไตล์แตกต่างโดยสิ้นเชิง
สำหรับคนโสดไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากมายแค่ทำชีวิตของตัวเองให้มีความสุขก็พอ แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสวมแหวนหมั้นหรือกำลังจะแต่งงาน โดยเฉพาะเรื่องของนิสัยการใช้เงิน เพราะนอกจากจะต้องเตรียมงบประมาณสำหรับงานแต่งแล้ว ก็ยังมีแผนอื่น ๆ ที่วางร่วมกันในอนาคตด้วย หากต่างฝ่ายต่างทำตามใจตัวเองก็คงจะอยู่ด้วยกันได้ยาก
5. ทุกคนให้ความสนใจมากขึ้น
หลังจากที่ประกาศเรื่องงานแต่งไปแล้วก็จะมีคนเข้ามาให้ความสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือญาติพี่น้องทั้งที่สนิทและห่างหายกันไปนาน เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าหลังจากนี้เจ้าสาวจะมีเวลาให้พวกเขาน้อยลง และคงมีโอกาสเจอกันไม่มากเหมือนตอนที่ยังโสดนั่นเอง อีกทั้งทุกคนอยากจะแสดงความยินดีเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
6. เพื่อนและครอบครัวจะมีความสำคัญมากขึ้น
หลังจากการแต่งงานเพื่อนหรือพ่อแม่จะมีความสำคัญมากขึ้นทันที โดยเฉพาะเวลาที่มีปัญหากับคนรัก เพราะพวกเขาเป็นคนเดียวที่เข้าใจและสามารถระบายความรู้สึกได้ทุกเรื่อง อีกทั้งยังมีคำแนะนำดี ๆ เพื่อช่วยหาทางออกให้เสมอ ตั้งแต่การใช้ชีวิตไปจนถึงเรื่องบนเตียง แถมบางครั้งยังช่วยเป็นกาวใจสมานความรักให้แนบแน่นขึ้นด้วย
7. ชีวิตคู่ของทุกคนแตกต่างกัน
รูปแบบของการใช้ชีวิตไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัว ฉะนั้น ไม่ควรนำคู่ของตัวเองไปเปรียบเทียบคนอื่น ๆ หรือดำเนินตามแบบอย่างเสียทุกเรื่อง เพราะต่างคนต่างก็มีไลฟ์สไตล์ ความคิด และปัจจัยอื่น ๆ ไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากเริ่มจากการพูดคุยทำความเข้าใจกับคู่รักของตัวเอง แล้วค่อย ๆ ปรับตัวเข้าหากัน
8. การแต่งงานจะทำให้เห็นนิสัยที่แท้จริง
การแต่งงานจะทำให้ต่างฝ่ายต่างเห็นนิสัยที่แท้จริงของกันและกันมากขึ้น ซึ่งบางคนอาจจะมีนิสัยผิดไปจากที่เคยเห็นโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้ อย่างเช่น จากคนที่เคยสุขุมเยือกเย็นหรือดูเข้มแข็งมาตลอด กลับกลายเป็นเด็กน้อยชอบเล่นซนอยู่ตลอดเวลา ทิ้งของเกลื่อนกลาดต้องคอยเตือนคอยบ่นกันอยู่เสมอ เป็นต้น
9. พิธีแต่งงานเป็นแค่คำสัญญา
หลายคนอาจจะคิดว่าพิธีแต่งงานจะช่วยให้ชีวิตคู่มั่นคงขึ้น ทั้งที่จริงแล้วเป็นเพียงแค่การทำข้อตกลงกันเท่านั้น เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับคนสองคนว่าจะช่วยประคับประคองความรักไปได้ยาวนานแค่ไหน อาจจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต หรือแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่พร้อมจะแต่งงาน
10. ยิ่งพร้อมยิ่งดีกับชีวิตคู่
บางคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวัยที่เหมาะสมก็สามารถแต่งงานได้แล้ว ถ้าหากเจอคนที่คิดว่าใช่ หากมองในแง่ของความเป็นจริงแล้วความรักเพียงอย่างเดียวไม่สามารถจะช่วยให้ชีวิตคู่ประสบความสำเร็จได้ นอกเสียจากทั้งสองคนจะมีความพร้อมทางด้านวุฒิภาวะ การศึกษา หน้าที่การงาน และความมั่นคงในชีวิต
11. ผู้ชายก็ให้ความสนใจงานแต่งไม่น้อยไปกว่ากัน
ถึงแม้ฝ่ายชายจะมอบหมายให้ฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการเรื่องงานแต่งงานเป็นส่วนใหญ่ และดูเหมือนจะไม่ใส่ใจมากนัก แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ ผู้ชายเองก็ให้ความสำคัญเรื่องงานแต่งไม่น้อยไปกว่ากันเลย เพราะเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ดังนั้น เขาก็อยากจะทำให้งานแต่งงานออกมาสมบูรณ์แบบและสวยงามที่สุดเช่นกัน
12. ไม่ควรใช้ความชอบเลือกชุดแต่งงาน
ทุกคนก็คงอยากได้ชุดแต่งงานที่ดูสวยงาม หรูหรา และตรงกับความชอบของตัวเองเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ควรจะดูปัจจัยอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะ 3 เรื่องหลัก คือ งบประมาณ สถานที่จัดงาน และร้านชุดแต่งงาน
13. จดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน
เนื่องจากงานแต่งงานมีรายละเอียดเยอะแยะมากมายเกินกว่าที่จะจำได้หมด หากเป็นไปได้ควรจดข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้เก็บเป็นหลักฐาน หากมีเรื่องขาดตกบกพร่องและใช้ในการเตือนความจำเมื่อถึงเวลาสำคัญ อย่างเช่น วันลองชุด ดูสถานที่ พูดคุยกับช่างภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้ว่าที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวสามารถจัดสรรเวลาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
14. สนุกกับเพื่อนและครอบครัวให้เต็มที่
หลังจากผ่านพ้นวันแต่งงานไปจะต้องทุ่มเทเวลาให้กับคู่แต่งงานมากขึ้น เวลาหลังเลิกงานก็ต้องรีบกลับไปดูแล ทำกับข้าว และทำความสะอาดบ้าน ทำให้เวลาที่จะได้พบปะพูดคุยกับคนอื่น ๆ น้อยลง ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าไปอยู่ในวงจรชีวิตแบบนั้นควรใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ให้เต็มที่ ทั้งกินข้าว ช้อปปิ้ง เฮฮาสังสรรค์ก่อนที่จะไม่ได้ทำอีกเลย
15. คอยตอบคำถามเรื่องลูก
เพื่อน ๆ หรือญาติพี่น้อง หรือคนรู้จักมักจะมาพร้อมกับคำถามเรื่องลูกเสมอ ฉะนั้น ก็ควรจะทำใจเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเป็นเรื่องทั่วไปที่ทุกคู่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องรู้สึกเครียดหรือกดดันมากเกินไป เพราะพวกเขาก็แค่อยากรู้ความเป็นไปของชีวิตคู่เท่านั้นเอง
16. ปัญหาจากพ่อแม่ของฝ่ายตรงข้าม
พ่อแม่ทุกคนต่างก็รักและหวงลูกของตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจหากบางคนจะรู้สึกต่อต้าน แค่ทำตัวไปตามปกติเอาอกเอาใจคอยดูแลพวกท่านอย่างสม่ำเสมอ สักวันหนึ่งจะสามารถเอาชนะใจได้อย่างแน่นอน
17. ความต้องการน้อยลง
คนโสดอาจจะคิดว่าคู่แต่งงานมีแนวโน้มจะมีเซ็กส์กันบ่อยขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับตรงกันข้าม เพราะความรู้สึกวาบหวิวตื่นเต้นแบบตอนแรกเริ่มหายไปกลายเป็นความผูกพันแทน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวในแต่ละวันให้ต้องขบคิด ฉะนั้น ไม่ต้องแปลกใจหากแต่งงานไปแล้วความต้องการเรื่องอย่างว่าจะน้อยลงกว่าเดิม
18. ความเครียดช่วยให้ชีวิตคู่ดีขึ้น
จริง ๆ แล้วความเครียดไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไป เพราะบางครั้งเป็นเหมือนแรงกระตุ้นที่ช่วยผลักดันให้ชีวิตคู่ดีขึ้นเช่นกัน ถ้าหากไม่มีความเครียดเลยชีวิตแต่ละวันก็จะผ่านไปเรื่อย ๆ ในทางกลับกันความเครียดจะทำให้เกิดความคิดและปรับปรุงสิ่งรอบตัวให้มีความพร้อม เพื่อรองรับแผนครอบครัวในอนาคต
19. เปลี่ยนนามสกุล
เรื่องการเปลี่ยนนามสกุลอาจดูธรรมดาในสายตาของทั่วไป ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำจริง ๆ จะต้องเจอกับเอกสารมากมายอย่างคาดไม่ถึง ที่มาพร้อมกับความลังเลใจ แต่ถ้าหากไม่เปลี่ยนก็จะต้องเจอกับคำถามจากคนรอบข้างมากมาย เริ่มตั้งแต่พ่อแม่ เพื่อนสนิท ญาติพี่น้อง วิธีจัดการปัญหาเหล่านี้ก็คือ ฟังเสียงของตัวเองของตัวเองอย่างเดียวก็พอ
20. คู่ชีวิตที่ดีคือคนที่ทำให้มีความสุข
การพิจารณาชีวิตคู่ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ได้แก่ ฐานะทางบ้าน การศึกษา ไลฟ์สไตล์ ฯลฯ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ควรเป็นคนที่ทำให้ชีวิตเรามีความสุข อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น และพร้อมเดินข้างกันไปตลอดทางไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเรื่องรักอย่างแท้จริง
ชีวิตหลังการแต่งงานไม่ได้สวยหรูหรือมีความสุขอย่างที่คนโสดคิดเสมอไป เพราะพวกเขาก็ต้องเจอกับเรื่องราวและปัญหาต่าง ๆ มากมายเข้ามาเช่นเดียวกัน ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตคู่กับใครควรคิดพิจารณาให้รอบคอบ ไม่ควรเอาอารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะอาจทำให้เสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้ หากพบว่าต่างฝ่ายต่างไม่ใช่คนของกันและกัน