เชียร์ ฑิฆัมพร เล่าตำนานละครช่อง 7 แบบถ่ายไปออนแอร์ไป มีข้อดี พอเรตติ้งดี MV มาทันที พร้อมเผยเบื้องหลังดาราที่กลายมาเป็นผู้กำกับ เคยผ่านงานนี้มาก่อน... เรียกว่าเป็นตำนานของวงการละครไทยเลยก็ว่าได้ สำหรับละครถ่ายไปออนแอร์ไปของช่อง 7 สี ในยุคก่อนหน้านี้ ที่ช่วงหลัง ๆ ได้มีดาราอดีตลูกหม้อของวิกหมอชิต ออกมาบอกเล่าประสบการณ์ในยุคนั้นให้แฟน ๆ ได้รับรู้ถึงเบื้องหลังสุดทรหดกันด้วย อย่างล่าสุดเมื่อ เชียร์ ฑิฆัมพร ได้ไปเป็นแขกรับเชิญและร่วมพูดคุยใน ขมคอ Story Podcast ทางช่องของ เบนซ์ ขมคอ ก็มีช่วงหนึ่งที่เจ้าตัวได้บอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของการถ่ายละครแบบถ่ายไปออนแอร์ไป กับประสบการณ์สุดพีค ที่หล่อหลอมให้นักแสดงหลายคนกลายมาเป็นผู้กำกับได้ด้วย ทั้งนี้ เชียร์ ฑิฆัมพร เล่าว่า ข้อดีของการทำงานไปออกอากาศไป ถ้าเรตติ้งดีเมื่อไหร่ MV จะมาทันที สมมุติคุย ๆ กันอยู่ ปกติทะเลาะกันแล้วจบมันต้องไปซีนอื่นต่อ อันนี้ทะเลาะกันเสร็จปุ๊บ จะต้องมานั่งแยกคนเดียว ต้องนั่งนึกแล้ว MV ก็จะสาดไปสาดมา แพนกล้องไปแพนกล้องมา มันก็จะได้ไปเบรกหนึ่ง อันนี้คือข้อดีของการทำงานละครออนแอร์ เรตติ้งดีปุ๊บ นั่งนึก เพลงขึ้น มันจะมีโมเมนต์แบบนี้ พอเราถ่ายกันไป คนเขียนบทเขาก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเหมือนกัน เพราะเขาก็ต้องเขียน บางทีตี 2 พัก ถามทำไมพัก บทจบแล้ว ต้องรอบท พอรอบทแป๊บหนึ่ง ตี 2 ครึ่ง ต้องตื่น บทมาแล้ว ส่งเป็นแฟกซ์มา สมัยนั้นยังไม่มี iPad ส่งเป็นแฟกซ์ใบเดียว ดูกันทั้งกอง มาเป็นซีน ๆ แล้วนักแสดงยุคนั้นทำไมถึงมาเป็นผู้กำกับได้ เพราะฉันต้องกำกับกันเองด้วย มันถ่ายไม่ทัน สมมุติซีนนี้ ผู้กำกับอยู่นี่ ผู้กำกับมีคนเดียว อีกซีนนึงต้องถ่ายแล้ว เอากล้องไปตัวหนึ่ง ไปถ่ายข้างนอก กำกับกันเอง เพราะถ่ายไม่ทัน แต่จัดไฟไม่เป็นนะ พี่ตากล้องจัดไฟให้ แต่ช่วยกันคิดซีนกันเอง เคยมีอยู่ซีนนึง ละครเรื่องนึง เป็นซีนบู๊ด้วย ปกติสมมุติกล้องมันต้องวาง 2 ตัว แล้วมันต้องตัดสลับ วันนั้นมีกล้องตัวเดียว เป็นกล้องแบบวิดีโอแคมแบบง่าย ๆ แล้วสมมุติจะเสียบมีดกัน ปกติมันต้องเสียบปุ๊บเข้าหน้า หรือเห็นภาพกว้างเลย อันนี้ต้องเสียบปุ๊บรอตากล้องวิ่งถอยหลัง แล้วค่อยต่อยครั้งต่อไป คือถ้าใครได้เคยดูอะไรที่มันดูจังหวะประหลาด ก็ต้องบอกว่าพวกเราลำบากกันมากจริง ๆ งานมันไม่ทัน แต่มันก็เต็มที่ในสิ่งที่พวกเราทุกคนจะช่วยและทำกันได้ แต่มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้มากกว่าปกติ