หมิว สิริลภัส เกือบเสียคุณแม่เพราะแสกมเมอร์ ช้าอีกนิด อาจะไม่มีคุณแม่แล้ว ยิ่งอ่านแชตยิ่งโกรธ แม่ลนลานเพื่อโอนให้ สูญไปกว่า 1.2 ล้าน ลั่นตอนนี้ไม่มีเงินแล้ว พร้อมรับงานมาก เป็นเรื่องที่สร้างความตกใจอย่างมากในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (19 ธันวาคม 2568) เมื่อ หมิว สิริลภัส กองตระการ นักแสดงสาวและ สส.พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าถึงมรสุมชีวิต เกือบเสียคุณแม่เพราะมิจฉาชีพ หลังคุณแม่ถูกหลอกเอาเงินเก็บทั้งชีวิตไปกว่า 1.2 ล้านบาท โดยเธอยอมรับว่า ไม่อยากคิดสภาพหากกลับมาไม่ทัน ตอนนี้เธอไม่มีเงินแล้ว สิ่งเดียวที่อยากขอคือ "ของาน" พร้อมรับงานหมดทั้งพิธีกร รีวิวสินค้า ไลฟ์ขายของ หรืองานอื่น ๆ ทุกงาน หมิว สิริลภัส ได้เปิดภาพข้อความที่กลุ่มสแกมเมอร์ใช้หลอกลวงคุณแม่ ให้ทุกคนได้ดูกันเป็นอุทาหรณ์ พร้อมลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ดังนี้... 1. เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ได้มีญาติโทร. มาที่เบอร์ประสานงาน ให้หมิวติดต่อกลับ แจ้งว่ามีเรื่องจะคุยเกี่ยวกับแม่ 2. หมิว โทร. ติดต่อกลับไป ได้ข้อมูลมาว่าแม่มีการไปปรึกษาเรื่องเงินด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลอย่างมาก 3. หมิวพยายามติดต่อแม่ แต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย จึงพยายามติดต่อหาทางเพื่อนบ้านจึงได้รู้ว่าแม่ได้ไปนั่งอยู่ร้านอาหาร มีอาการเครียดอย่างมาก เพื่อนบ้านจึงได้พาแม่กลับบ้าน ได้คุยกับเพื่อนบ้านเบื้องต้นจึงรู้ว่าแม่ถูกหลอกจาก scammer 4. หลังจากที่สอบถามจากเพื่อนบ้าน ทางเพื่อนบ้านจึงเอาโทรศัพท์มาให้คุยกับแม่ แม่พูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนคนสติหลุดไปแล้ว บอกแค่ว่าหมดแล้วไม่เหลืออะไรแล้ว แม่ขอโทษ ไม่เหลืออะไรแล้ว หมิวจึงบอกแม่ไปว่า ให้ใจเย็น ๆ ก่อน เดี๋ยวลงคะแนนเสร็จจะรีบกลับไปที่บ้าน เมื่อลงคะแนนเสร็จหมิวก็รีบกลับบ้านโดยทันที โดยบอกฟาโรห์ ว่าถ้าเสร็จงานไวรบกวนให้รีบออกไปที่บ้านเพื่อไปดูแม่ก่อนได้ไหม ฟาโรห์เสร็จจากงานพอดี จึงรีบมาดูแม่ที่บ้าน 5. เมื่อหมิวมาถึงที่บ้านก็มีเพื่อนบ้านยังอยู่เป็นเพื่อนแม่ สีหน้าแม่ไม่ดีเลย เราก็ค่อย ๆ ถาม ว่าเกิดอะไรขึ้น 6. แม่เล่าให้ฟังว่า แม่โพสต์ขายคาร์ซีท ของเด็กที่หมิวเคยเลี้ยง และมีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อ โดยได้โอนเงินค่าสินค้าเรียบร้อย เมื่อแม่สอบถามว่าต้องจัดส่งสินค้าไปที่ไหน ก็มีการบอกว่าให้เข้ากลุ่ม LINE เพื่อเปิดร้าน 7. แม่กลัวว่าได้เงินมาแล้วแต่ไม่ส่งสินค้าจะถูกหาว่าฉ้อโกง จึงได้เข้ากลุ่ม LINE นั้น ในกลุ่มได้ให้มีการเปิดร้านออนไลน์เพื่อทำการซื้อขาย และบอกแม่ว่าจะส่งที่อยู่ให้ในกลุ่ม LINE นี้ และให้มีการลงทะเบียนเพื่อเปิดร้านค้า และทดลองขายสินค้า ทดลองเบิกเงิน โดยอ้างว่าเป็นไปตามกระบวนการของการซื้อขาย 8. แม่ก็ยังไม่ได้ที่อยู่ แต่ได้มีการเปิดร้านค้าและลงทะเบียนเรียบร้อย และมีการทดลองขายสินค้าเมื่อมียอดเข้ามาก็ต้องเข้าไปทำการถอนเงิน 9. เมื่อเข้าไปทำการถอนเงิน จะมีเหตุแจ้งว่าทำธุรกรรมผิดพลาด ทำให้ร้านค้าเสียหาย ต้องโอนเงินเข้ามาเพื่อทำการซ่อมแซมร้านค้า ถึงจะถอนยอดที่อยู่ในร้านค้าได้ 10. แม่จึงทำการโอนเงินเข้าไปเพื่อทำการซ่อมแซมร้านค้า และพยายามจะถอนเงินที่อยู่ในร้านค้าออกมา แต่ก็ไม่สามารถถอนเงินได้ โดยทางมิจฉาชีพบอกว่าจะต้องทำการซ่อมแซมร้านค้า ภายใน 5-10 นาที ไม่อย่างนั้นบัญชีร้านค้าจะถูกอายัดไม่สามารถถอนเงินได้อีก และเมื่อทำธุรกรรมผิดพลาด ร้านค้าเสียหายก็ต้องจ่ายเงินเข้าไปเพื่อซ่อมแซมร้านค้าอีก 11. แม่จ่ายเงินเข้าไปเพื่อซ่อมแซมร้านค้าหลายยอดมากเพราะกลัวว่าเงินที่เป็นยอดอยู่ในร้านค้าออนไลน์ที่มี จะถอนออกมาไม่ได้ มิจฉาชีพได้หลอกให้แม่โอนเงินไปเรื่อย ๆ จนแม่ไม่มีเงินที่จะโอนแล้ว 12. เงินเก็บแม่ทั้งหมดทรัพย์สินส่วนตัวของแม่ แม่เอาไปจำนำ เพื่อเบิกเงินเงินสดออกไปฝาก ให้กับบัญชีมิจฉาชีพ รวมถึงการโอนเงินออนไลน์ ยอดค่าเสียหายทั้งหมด 1,255,865.80 บาท ทั้งนี้ เมื่อทราบสิ่งที่เกิดขึ้น หมิวและฟาโรห์ ต้องค่อย ๆ อธิบายและปลอบใจแม่ ว่าทุกอย่างมันเสียไปแล้วไม่เป็นไร เดี๋ยวเราหากันใหม่ หมิว ถามแม่ว่า ทำไมถึงไม่บอกกัน แม่บอกว่าเห็นหมิวเครียดมากพอแล้ว กลัวลูกดุ และปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่มาก เกิดขึ้นจากแม่คนเดียว แม่เป็นคนสร้างปัญหานี้และแม่อยากเป็นคนจบปัญหานี้เอง หมิว ถามแม่ว่า แม่จะจบปัญหานี้ยังไง แม่บอกว่าไปนั่งกินข้าวที่ร้านอาหาร และจะทิ้งไว้รถไว้ที่นั่น และจะขอหายไปเลย หมิว ถามแม่ว่าแม่จะหายไปไหน แม่จะไปยังไง แม่บอกว่า ถ้ากินข้าวเสร็จแล้ว แม่จะทิ้งรถ และเดินไปที่สะพานนวลฉวี….เพื่อจบปัญหาทัังหมด "หมิวไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าวันนั้นหมิวกลับมาไม่ทัน หรือถ้าเพื่อนบ้านไม่ไปเจอแม่ก่อน จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าวันนั้นหมิวกลับมาไม่ทัน ณ วันที่โพสต์อยู่ตอนนี้ อาจจะไม่มีแม่อยู่ตรงนี้แล้วก็ได้" หมิวนั่งอ่านแชท ที่แม่คุยกับมิจฉาชีพนั่งอ่านไปก็ร้องไห้ไป และโกรธมาก ๆ ว่าทำไมมันถึงมาทำกับแม่เราได้ขนาดนี้ แม่หมิวลนลานพยายามหาเงินเติมเข้าไปเพื่อหวังว่าจะได้ถอนเงินออกมา วิ่งไปธนาคารนู้น ธนาคารนี้ ขอร้องให้มิจฉาชีพยืดเวลาเพราะไปธนาคารไหนคนก็เยอะไปหมด แม่กลัวว่าจะโอนเงินได้ไม่ทันเวลา จนแม่เบลอเพราะข้าวปลาก็ไม่ได้กิน มันกดดันให้แม่โอนเงินแล้วโอนเงินอีก จนสุดท้ายแม่บอกว่าไม่มีเงินจะโอนแล้วเหลือแค่ชีวิตเท่านั้น พอไม่มีเงินที่จะโอนเข้าไปแล้ว มันส่งเอกสารมาขู่ว่า จะถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงบริษัท สรุปเหตุการณ์และความคืบหน้า 1. ตอนนี้หมิวได้ทำการแจ้งความไว้ที่ สน.ดอนเมือง เป็นที่เรียบร้อย และนำเอกสารไปขอยื่นอายัดบัญชีปลายทางตามธนาคารต่าง ๆ ต้องขอขอบคุณทาง สน.ดอนเมือง เป็นอย่างมากที่รับเรื่อง และรับปากว่าจะพยายามติดตามเรื่องและดำเนินการให้ไวที่สุด 2. เอาเงินเก็บส่วนตัวที่มีเหลืออยู่ทั้งหมด ไปไถ่ทองของแม่ เพื่อไม่ต้องให้จ่ายดอกและเอาของที่เป็นทรัพย์สินของแม่กลับมาให้ได้มากที่สุด 3. ตอนนี้สภาพจิตใจของแม่ยังคงเครียดมาก หมิวจึงต้องคอยอยู่ดูแลและสังเกตการณ์ พาแม่ไปจัดการเรื่องเอกสารต่าง ๆ เรื่องการแจ้งความ และต้องอยู่ให้กำลังใจและอยู่ข้าง ๆ แม่ 4. นั่งโทษตัวเองว่านี่ฉันเป็นลูกที่แย่ขนาดนั้นเชียวหรอ เมื่อแม่มีปัญหาแม่กลัวลูกคนนี้ขนาดนั้นเลยหรอ 5. มันน่าเจ็บใจตรงที่ว่า สมัยเป็น สส. หมิวทำโครงการ "ผู้สูงวัยรู้ทันภัยคอลเซ็นเตอร์" ไปให้ความรู้กับชมรมผู้สูงอายุ และไปรณรงค์ตามชุมชนต่าง ๆ แต่สุดท้าย คนในครอบครัวกลับมาโดนหลอกเสียเอง และขอยอมรับตรง ๆ ว่าตอนนี้หมิวไม่มีเงินแล้ว อยากจะขอรับงาน ใครมีงานพิธีกรให้ทำ หรือมีงานไหนให้ทำ จะรีวิวสินค้า ไลฟ์ขายของ ขอให้ติดต่อเข้ามาได้เลย ทั้งนี้ หมิวอยากหาเงินเอากลับมาให้แม่ เพราะเงินที่เสียไปทั้งหมดเป็นเงินที่แม่เก็บไว้เพื่อมาใช้ชีวิตบั้นปลาย การตามเส้นเงินคงเป็นสิ่งที่ยาก และหมิวไม่ได้คาดหวังแล้วว่าจะได้เงินกลับคืนมา เพราะฉะนั้นจึงอยากทำงานเพื่อหาเงินเอามาคืนให้แม่ ให้เขามีเงินที่จะเอาไว้ใช้ต่อไป ส่วนตัวเงินเก็บของหมิว ที่พาแม่ไปไถ่ของ หมิวก็ดึงมาเกือบหมดบัญชีแล้วเช่นกัน และตอนนี้ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ยังต้องจ่ายในแต่ละเดือน จึงอยากหาเงินเพื่อมาสำรองค่าใช้จ่ายของตัวเองด้วย สิ่งที่ขออย่างเดียวตอนนี้คือ "ของานค่ะ" พร้อมรับงานพิธีกร งานรีวิว หรืออื่น ๆ ทุกงาน สามารถติดต่อมาได้โดยตรงเลย และสุดท้ายนี้ก็ต้องทำใจ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด หมิวยังโชคดี ที่ยังไม่เสียแม่ไป และยังมีกำลังในการทำงาน หลายคนอาจจะคิดว่ายอดเงินแค่ 1,000,000 กว่าบาท มันไม่เยอะ บางคนโดนเยอะกว่านี้อีก จริงว่ายอดเงินอาจจะไม่สำคัญ แต่นี้เป็นเงินที่แม่เก็บมาทั้งชีวิต ล้านบาทของเรากับ ล้านบาทของคนรวยมันไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ด้วยความรู้ความสามารถของหมิว ศักยภาพในการทำงานของหมิว หมิวเชื่อว่า หมิวยังสามารถเป็นพิธีกรได้ดี มีทักษะการพูด หรือ ความรู้ความสามารถในด้านอื่น ๆ ถ้ามีใครอยากจะใช้งาน ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวเลย ตลอดชีวิตการทำงานตั้งแต่อายุ 17-18 ปี หมิวสามารถบริหารจัดการเงิน และหารายได้มาด้วยดีตลอด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รวยแต่ก็พออยู่พอกิน อาจจะมีติดขัดบ้าง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่เคยเป็นหนี้ใคร ไม่เคยขอยืมเงินใคร ครั้งนี้หมิวแค่อยากหาเงินมาเติมให้แม่ในส่วนที่แม่เสียไป และจะไม่ขออะไรเลย ขอแค่งาน ที่ให้หมิวได้ไปทำเพื่อหาเงินมาให้แม่เท่านั้น พร้อมกันนั้น หมิว สิริลภัส ยังทิ้งเบอร์โทรศัพท์สำหรับการติดต่องานไว้ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมขอบคุณสำหรับทุก ๆ กำลังใจ โดยชี้ว่าหลังจากผ่านไป 1 อาทิตย์ที่จัดการเดินเรื่องเอกสาร ตั้งสติ ทุก ๆ อย่าง จิตใจเริ่มคงที่แล้วจึงอยากมาโพสต์ให้ทุกคนได้อ่านเป็นอุทาหรณ์ ขณะที่ผู้คนมากมายต่างเข้ามาร่วมส่งกำลังใจให้ หมิว สิริลภัส และคุณแม่ ให้ผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายนี้ไปได้