จากเดิมที่ผู้หญิงมองว่าการแต่งงานเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชีวิต เป็นสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งให้สมบูรณ์ ด้วยการทำหน้าที่แม่และภรรยา แต่ไม่ใช่กับความคิดของผู้หญิงในสมัยนี้ เพราะหลายคนเลือกที่จะเบนน้ำหนักชีวิตในเรื่องการทำงานแทน ซึ่งสร้างความสุขให้กับตนเองได้ไม่น้อยกว่าการทำหน้าที่แม่และภรรยา
2. เรื่องเยอะ
ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าการจะเลือกให้ใครสักคนหนึ่งมาเป็นคู่ชีวิต ไม่ใช่ว่าจะเลือกกันได้ง่าย ๆ อย่างน้อยที่สุดอีกฝ่ายควรที่จะมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงมากกว่าตัวเอง ดังนั้นการแต่งงานโดยขาดการวางแผนการเงินที่รัดกุม นั่นอาจไม่คุ้มกับการที่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับความไม่แน่นอน จะพูดว่าเรื่องเยอะไม่ได้หรอกนะ ถ้าแต่งแล้วมีแต่จะพากันล่มจม อย่างนั้นอยู่เป็นโสดจะดีกว่า
3. เก่งทุกเรื่อง
เมื่อชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีหน้ามีตาในสังคม มีรายได้ที่มั่นคงแน่นอน บางครั้งการตัดสินใจที่จะครองโสดหรือแต่งงานอาจสร้างความหนักใจให้กับเธอ เพราะผู้หญิงประเภทนี้มักไม่ชอบผู้ชายที่เข้ามาบงการหรือควบคุมชีวิตเธอมากเกินไป เพราะเธอเห็นว่าไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องงอนง้อหรือพึ่งพาอะไรจากฝ่ายชาย ในเมื่อตัวเธอเองก็สามารถหาเงินได้ไม่แพ้กัน
4. ไม่อยากอยู่ในกรอบเดิม ๆ
อย่างที่บอกว่าการแต่งงานขีดเส้นให้ผู้หญิงต้องทำหน้าที่แม่และภรรยาที่ดีของสามีโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนความคิดก็เปลี่ยนตาม ผู้หญิงหลายคนกลับมองว่าการทำหน้าที่แม่และภรรยา เช่น ทำความสะอาดบ้าน เลี้ยงดูลูก เป็นสิ่งที่ปิดกั้นให้ผู้หญิงต้องอยู่กับกรอบเดิม ๆ หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสิ้นดี สู้เอาเวลาที่ใช้ดูแลสามีและลูกมาสร้างความสุขให้ตัวเองจะดีกว่า
5. รอคนที่ใช่
ผู้หญิงหลายคนเลือกที่จะรอผู้ชายในอุดมคติ หรือไม่ก็ผู้ชายที่สามารถตกหลุมรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ และถ้าสุดท้ายแล้วจะไม่มีผู้ชายแบบนั้นอยู่บนโลกจริง ๆ เธอก็พร้อมที่จะอยู่ครองความโสด ผู้หญิงพวกนี้จัดได้ว่าเป็นประเภทสาวช่างเลือก เพราะเธอจะคิดแล้วคิดอีก ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ได้เป็นผู้ชายในสเปคของเธอตั้งแต่แรก
ต่อไปนี้ห้ามใครคิดว่าผู้หญิงโสดคือผู้หญิงที่ไม่มีใครเอานะ เพราะโลกยุคใหม่ทำให้รู้ว่าความโสดเป็นเหมือนพลังอำนาจที่ทำให้ผู้หญิงเป็นผู้เลือกมากกว่าผู้ถูกเลือก และถ้าตอนนี้คุณมีอำนาจนี้อยู่ในมือแล้วละก็ จงใช้มันเพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง หรือถ้าไม่มีใครมีค่าพอที่คุณจะแต่งงานด้วย การอยู่เป็นโสดก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอีกต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
huffingtonpost.com และ livestrong.com