

โดย โบว์ แวนด้า ได้เผยภายหลังขึ้นรับรางวัลว่า "วันนี้เป็นตัวแทนของพี่ปอมารับรางวัลค่ะ ช่วงนี้เราก็พยายามทำแทนเขาค่ะ เพราะทุกรางวัลมันก็มีค่ากับชีวิตเขา ทุกรางวัลเราก็รู้สึกตื้นตันแทน อย่างวันนี้มาก็มีชื่อเขาอยู่บนรางวัลก็ตื้นตัน"
โบว์ แวนด้า : ได้อยู่ค่ะ มีเจ้ามะลิคอยกวนทุกวัน ก็นอนด้วยกัน 2 คน เรื่องงานก็มีเหนื่อยบ้าง แต่พอเห็นหน้ามะลิก็หายเหนื่อยค่ะ ถามว่าเริ่มชินกับสื่อหรือยัง ก็สบาย ๆ เพราะก็อยู่กับสื่อตั้งแต่โรงพยาบาลแล้ว
โบว์ แวนด้า : คงต้องถามอาน้ำอ้อยค่ะ เพราะจริง ๆ เราก็ไม่รู้ว่ามีคิวงานที่ไหนบ้าง แต่เราก็ยังจัดสรรเวลาได้อยู่
โบว์ แวนด้า : คุณอาก็มีพูดมาบ้างค่ะ แต่เวลารับงานโบว์ก็จะไม่ค่อยถามค่ะ นอกจากคุณอาจะมาบอกว่ามีงานวันไหน ๆ ถ้างานไหนเราไหวก็ยินดีทำเต็มที่ค่ะ งานส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานของน้องมะลิมากกว่า
โบว์ แวนด้า : ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูน้องด้วยนะคะ เราเป็นแม่เราก็รู้สึกดีใจค่ะ ถ้าพี่ปอยังอยู่ก็คงดีใจมาก
โบว์ แวนด้า : จริง ๆ เราเคยบ่นกับพี่ปอว่าอยากได้เป้สักใบเวลาไปไหนมาไหน เพราะที่จริงก่อนเขาป่วยเราจะมีทริปไปต่างประเทศด้วยกันอีกทริปหนึ่งค่ะ แล้วอีกอย่างพี่ปอก็เพิ่งถอยมอเตอร์ไซค์มาก็เลยคิดว่ามันต้องหิ้วเป้แล้วล่ะ เขาก็เลยพาไปห้างแล้วก็พาไปซื้อเลย เราก็ขอบคุณนะ ประมาณอาทิตย์กว่า ๆ ก่อนที่เขาจะป่วยค่ะ ไม่ได้ซื้อในโอกาสพิเศษอะไรเลย คือเขาอยากจะซื้อให้เขาก็ซื้อ เขาอยากทำอะไรให้ก็ทำเดี๋ยวนั้นเลย
โบว์ แวนด้า : เป็นของชิ้นสุดท้ายที่เขาให้เรา แล้วก็ตั้งใจจะให้เราด้วย ก็เหมือนไปไหนก็มีพี่ปอไปด้วยทุกครั้ง
โบว์ แวนด้า : ในกระเป๋ามันจะมีแผ่นพับที่พี่ปอเขาได้รางวัลเกี่ยวกับนักแสดงที่เขาเคยเล่นเรื่องพระมหาชนก แล้วพระมหาชนกมันเป็นที่สุดของชีวิตเขา ที่เขาพูดกับโบว์มาโดยตลอด มันเป็นความภาคภูมิใจและเขาก็พูดกับโบว์ว่า การเล่นพระมหาชนกมันทำให้เขาได้ความรู้ดี ๆ ต่าง ๆ มากมายที่ดีต่อชีวิต และที่สำคัญที่สุดคือพระมหาชนกสอนให้เขารู้ว่า ความเป็นพ่อควรทำอะไรบ้าง ในแผ่นพับมันจะมีขีดเวลาสวดมนต์ตั้งแต่วันแรกที่พี่ปอเข้าโรงพยาบาล 37 จบ ทุกคืนจนวันสุดท้ายที่เขาจากไป มันก็อยู่ในแผ่นพับนั้นทั้งหมด รวมไปถึงเส้นผมที่โบว์ตัดเก็บไว้ซึ่งโบว์ก็จะเก็บติดตัวไว้ตลอดเวลา อยู่บ้านก็จะเอาไว้ใต้หมอน ก็จะรู้สึกว่าพี่ปอไม่ได้จากเราไปไหน














