ธัญญ่า เปิดใจวู้ดดี้เกิดมาคุย ยันยังรัก เป๊ก

          เรียกได้ว่า เป็นเสือปืนไวจริง ๆ สำหรับรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ที่ก่อนหน้านั้นได้เชิญนางเอกสาวพิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช มาเปิดใจไปแล้วครั้งหนึ่งถึงประเด็นข่าวฉาวกับครอบครัวของสาวธัญญ่า และหนุ่มเป๊ก สัณชัย เองตระกูล ล่าสุดครั้งนี้หนุ่มวู้ดดี้ ก็ติดต่อสาวธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล มาเปิดอกผ่านรายการได้เช่นกัน โดยใช้เทคโนโลยีสุดล้ำนั่งคุยข้ามทวีปจากสหรัฐอเมริกา ผ่านระบบเทเลเพรสเซนต์ขนาดเท่าตัวจริงเลยทีเดียว

          งานนี้ สาวธัญญ่ามาพร้อมลูกสาวน้องลียา โดยสาวธัญญ่า พูดถึงกิจวัตรประจำวันที่ต้องดูแลลูกสาวสุดที่รักให้ฟังว่า น้องลียา เป็นเด็กที่ทานง่าย โดยชอบทานแตงโมและนม และเริ่มพูดได้บ้างแล้ว และที่สำคัญช่วงนี้น้องลียากำลังซนมากเลยทีเดียว ส่วนเรื่องการเรียนของลูกสาว ธัญญ่าบอกว่า เดิมที่พี่เป๊กอยากให้กลับไปเรียนเมืองไทย แต่ไป ๆ มา ๆ ก็อยากให้เรียนที่โรงเรียนในสหรัฐอเมริกาเลย เพราะจะได้เรียนเรื่องภาษาไปด้วยในตัว

          และเมื่อเปิดประเด็นถึงเรื่องเมืองไทย พิธีกรหนุ่มวู้ดดี้ ก็ได้ทีถามสาวธัญญ่าทันทีว่า สาวธัญญ่าจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ซึ่งสาวธัญญ่า ก็ตอบกลับมาทันทีว่า ยังไม่มีกำหนด จึงยังตอบไม่ได้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ แม้ใจจริงจะคิดถึงเมืองไทย และอยากกลับไปทำงานที่เมืองไทยมาก 

          จากนั้นหนุ่มวู้ดดี้ก็เริ่มเข้าประเด็นข่าวที่ใครต่อใครอยากรู้ทันทีว่า วินาทีที่เธอตัดสินใจอุ้มลูกสาวบินมายังสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่ และรู้สึกอย่างไร สาวธัญญ่า ตอบว่า ตอนแรกตั้งใจจะมาเที่ยวที่สหรัฐอเมริกา 2 อาทิตย์ โดยมีพี่เป๊กมาส่งด้วย แต่เมื่อถึงกำหนดกลับ เธอรู้สึกว่า ไม่อยากจะกลับเมืองไทยตอนนั้นเลย เพราะช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เธอรู้สึกร้อนรน และเจอเรื่องหนัก ๆ ทรมานมาตลอดทั้งปี จนไม่มีกำลังใจเลี้ยงลูก แต่กลับกัน ช่วงเวลาที่มาอยู่อเมริกาเธอกลับรู้สึกสบายใจมาก และยิ้มได้ทุกวัน 

          ส่วนประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของสาวธัญญ่า และหนุ่มเป๊กกลับมาคืนดีกันหรือยังนั้น สาวธัญญ่า ยอมรับว่าตัวเองก็ยังงง ๆ อยู่ว่าเป็นยังไง แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ทะเลาะกัน คุยกันดี ๆ ด้วยเหตุผล และปรึกษาเรื่องลูกสาวกันตลอด โดยยอมรับว่า เคยคุยกันว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งในอนาคตมีการหย่าร้างเกิดขึ้นมาจริง ๆ ก็จะยังเป็นเพื่อนกันต่อไป เพื่อทำหน้าที่พ่อและแม่ของลูกสาวให้ดีที่สุด และเชื่อว่าเธอจะสามารถยอมรับได้ หากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น ไม่ต้องเครียดกับเรื่องที่ผ่านมา

          สาวธัญญ่าเล่าต่อว่า การที่เธอตัดสินใจมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้เธอต้องทิ้งทุกอย่าง ทั้งบ้านที่เคยอยู่ ทั้งงาน ทั้งเพื่อน จนดูเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่ทำตามความรู้สึกของตัวเอง แต่ทั้งหมดที่เธอทำไปเพื่อลูกสาวจะได้มีแม่ที่มีความพร้อมทั้งจิตใจและร่างกายที่จะดูแลลูกให้ดี โดยตอนนี้เธอดูแลลูกสาวอย่างเดียว 24 ชั่วโมง ไม่ได้ทำงานใด ๆ โดยค่าใช้จ่ายพี่เป๊กเป็นผู้จัดการให้ทั้งหมด

          จากนั้นวู้ดดี้ก็วกมาถึงเรื่อง "คลิปเสียง" ซึ่งประเด็นสำคัญที่เป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ ไปทั่วบ้านทั่วเมืองเมื่อก่อนหน้านี้ ว่าจริง ๆ แล้วเป็นอย่างไรกันแน่ งานนี้สาวธัญญ่ายอมรับว่า ที่ทำคลิปเสียงไว้ เพราะกลัวว่าในอนาคตวันหนึ่ง หากมีแนวโน้มว่าจะเสียลูกสาวไป ก็คงต้องใช้คลิปเสียงนี้ แถมยังพูดขำ ๆ ด้วยว่า เพื่อนที่โทรมาก็พากันกลัวเธออัดเสียงไว้หมดแล้ว และโดยจริง ๆ แล้วมีคลิปมากกว่านี้ แต่ได้ทำลายไปหมดแล้ว เพราะรู้สึกแย่ ไม่อยากให้ใครมาได้ยินเสียงทะเลาะกัน กลายเป็นความเสียหายไปหมดทุกฝ่าย

          หลังจากนั้น ธัญญ่า ก็ได้เคลียร์ข่าวที่ว่า ทะเลาะกับพี่เป๊กอย่างรุนแรง จนแม่ต้องแจ้งตำรวจว่า ไม่เป็นความจริง จริง ๆ เป็นเพียงไปทานข้าวด้วยกัน และไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งอะไรเลย ส่วนที่เคยมีข่าวมาตลอดว่า พี่เป๊กเคยลงไม้ลงมือทำร้าย สาวธัญญ่ายืนยันว่า แม้พี่เป๊กจะเป็นคนอารมณ์ร้าย แต่ก็ไม่เคยลงไม้ลงมืออะไรตามที่เป็นข่าว และยืนยันหนักแน่นว่า ยังรักหนุ่มเป๊กอยู่ เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน และเป็นพ่อของลูก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในช่วงเวลาหนึ่งที่เกิดปัญหาถาโถมเข้าใส่ตัวเธอมามาก ๆ เธอก็เคยรู้สึกกลัวว่า สามีอาจจะแย่งลูกสาวไปจากเธอเหมือนกัน แต่ก็เป็นแค่ ณ อารมณ์ขณะนั้น 

          ต่อจากนั้นสาวธัญญ่า ก็ปฏิเสธข่าวที่ว่า ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้จัดทุกคนในช่อง 3 ให้แบนนางเอกสาวคนหนึ่งที่เป็นประเด็นอยู่ พร้อมท้าให้ไปถามผู้จัดดูได้เลย เพราะเธอไม่มีเหตุผลต้องทำแบบนั้น และยืนยันว่า การที่เธอบอกว่ายังรักพี่เป๊กอยู่ ไม่ได้เป็นการสร้างภาพ หรือกลบข่าวใด ๆ และไม่ได้ใช้ "น้องลียา" เป็นเครื่องมือในการต่อรองใด ๆ แน่นอน เพราะลูกสาวไม่ใช่สิ่งของเครื่องมืออะไรที่จะไปทำเช่นนั้นได้ 

          ทั้งนี้ สาวธัญญ่าได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ช่วงเวลาที่เกิดปัญหาเป็นช่วงเวลาที่เธอเครียดและทรมานมากจริง ๆ แต่ ณ เวลานี้ เธอตื่นเช้าขึ้นมาทุกวันอย่างมีความสุข และยังคงไม่มีกำหนดจะกลับเมืองไทย อยากจะขออยู่อย่างนี้ไปก่อน เพื่อจะได้ดูแลลูกสาวสุดที่รักของเธอได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งถึงเธอให้ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ไปให้ได้ ส่วนสุดท้ายบทสรุปจะจบลงอย่างไร ก็ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก