จากกรณีสุดร้อนที่ ดีเจพี่อ้อย และเพื่อน ๆ ดีเจหลายคน ถูกโกงเงินค่าตั๋วเครื่องบิน และนายยุทธนา ธรรมพรต ผู้ที่ถูกกล่าวหา ก็ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ยุทธนา โผล่มอบตัวกับตำรวจ หลังดีเจอ้อยแจ้งจับ โกงเงินตั๋วเครื่องบิน สูญ 20 ล้าน)
ล่าสุด (10 เมษายน 2562) รายการ ห้องข่าวบันเทิง รายงานบทสัมภาษณ์ ดีเจเป้ วิศวะ กิจตันขจร หลังเดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สน.ทองหล่อ เพราะเจ้าตัวก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายเหมือนกัน ซึ่งรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 390,000 บาท
โดย ดีเจเป้ กล่าวว่า ณ วันนี้ตนมองว่าคดีนี้เป็นคดีฉ้อโกง เพราะมีการโอนเงินไปเพื่อที่จะจองตั๋วเครื่องบิน แต่กลับไม่ได้บิน ซึ่งตนได้จองไว้ 2 ทริป คือประเทศอังกฤษ ที่จะเดินทางในเดือนกรกฎาคม และอีกที่คือประเทศอเมริกา ที่ได้มีการจองไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยทยอยโอนเงินแบ่งเป็น 3 รอบ รวมมูลค่ากว่า 390,000 บาท ด้วยความที่ตนเห็นว่าทำงานด้วยกันมาหลายปี จึงไว้ใจซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านน้องที่อาสาติดต่อเพื่อนที่เป็นเอเย่นต์ขายตั๋ว เพราะเคยจองตั๋วเครื่องบินให้เพื่อน แล้วเพื่อนได้ไป แต่พอถึงคราวของตัวเองกลับไม่ได้ไป ตนยอมรับว่าเจ็บช้ำน้ำใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้จากคนใกล้ตัว เพราะตนก็ทำงานในด้านสื่อ เสพข่าว อ่านข่าวอยู่ตลอด
โดยทางน้องที่ถูกกล่าวหาก็มีการส่งหลักฐานที่สามารถหามาให้ดูได้ในบางส่วนมาแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว และยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการโกงเงินจริง ๆ โดยดีเจเป้ บอกว่า ยังติดต่อทางฝั่งของนายยุทธนา ธรรมพรต ไม่ได้ แต่ก็ได้เห็นหน้าตาจากภาพที่สื่อต่าง ๆ นำมาลงข่าวแล้ว
ดีเจเป้ ยังบอกอีกว่า ได้มีการถูกเชิญให้เข้าไปในกลุ่มไลน์ของผู้เสียหาย แต่ตนยังไม่อยากเข้าไป เพราะเหนื่อยที่จะไปรับฟังเรื่องราวเยอะ ๆ จึงขออยู่ห่าง ๆ และตามข่าวก่อน ซึ่งขณะนี้ยังคุยเรื่องคดีความไม่จบ ต้องไปคุยกับทางเจ้าหน้าที่ต่อว่าคดีจะมีความคืบหน้าได้อย่างไรบ้าง โดยที่ตนมาในวันนี้ก็เพื่อที่จะมาดูขั้นตอนต่อไปว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เพราะ ณ วันนี้ ผู้ที่ถูกกล่าวหามารับข้อกล่าวหา แต่ยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา เพราะคิดว่าทางฝั่งนั้นก็ต้องการมาปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนจึงถือโอกาสนี้มาแจ้งความว่าตนเป็นผู้เสียหาย และอยากจะปรึกษาทางตำรวจว่าจะเป็นอย่างไรต่อ
ทั้งนี้ ตนอยากจะให้คดีนี้ดำเนินให้เร็วที่สุด เพราะมันเป็นการฉ้อโกงจากคนที่ใกล้ตัวมาก และเป็นการทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ด้วย โดยลึก ๆ ตนก็ได้แต่ภาวนาว่าจะได้เงินคืน และต่อจากนี้ก็คงต้องดูคนให้ลึกกว่านี้ จากที่ผ่านมาที่รู้สึกว่าดูลึกแล้ว แต่ก็คงต้องดูให้ลึกกว่านี้อีก
ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ส่วนตัวตนไม่กล้าฝากและไม่กล้าเตือนใครแล้ว เพราะโดนมากับตัว เอาเป็นว่าดูเคสของตนไว้เป็นตัวอย่างดีกว่า ว่ามันเกิดขึ้นจากคนใกล้ตัว ซึ่งเราเชื่อใจเขา และเขาก็ไปเชื่อใจเพื่อนอีกคนหนึ่ง เป็นการเชื่อใจเพื่อนต่อเพื่อน จึงอยากให้ระมัดระวังให้มาก