- ช่วงนี้กลับมาอยู่เมืองไทยแล้วเหรอ ?
นนนี่ : ใช่ค่ะ กลับมาได้ประมาณ 4 เดือนแล้วค่ะ
- เป็นความตั้งใจที่จะกลับมาเพราะโควิดหรือว่ามันบังเอิญ ?
นนนี่ : เป็นคนที่กลับเมืองไทยอยู่แล้วทุกปีค่ะ ก็ช่วงประมาณเดือนเมษายน
แอน : ปีละครั้งค่ะ ไม่งั้นเกินงบค่าเครื่องบิน ไม่ไหว
นนนี่ : พอมันมีข่าวเรื่องโควิด แม่ก็เลยบอกว่ากลับมาเร็วนิดหนึ่งไหม ก็เลยเลื่อนตั๋วขึ้นมาเป็นมีนาคม
แอน : คือบอกให้เขากลับมาเอง ตอนแรกเขาจะไม่กลับ เขาบอกว่าไม่มีอะไรหรอก คือตามประสาวัยรุ่น เขาจะไม่ค่อยขี้กังวล แต่แบบเราเป็นคนแก่ไง เราก็จะรู้สึกว่าไม่ได้ แล้วไหนจะยายบอกว่าทำไมไม่ให้หลานกลับมาสักทีอะไรอย่างนี้ เราก็เลยบังคับให้ลูกกลับมา
- พอมาอยู่ด้วยกันแล้วเป็นยังไงคะ ?
แอน : ก็ตีกันสิคะ ไม่เห็นจะยากเลยค่ะ
นนนี่ : นิดหน่อยค่ะ ก็ไม่นิดนะ
แอน : คือเราก็บ่นไปเรื่อยอะไรงี้ค่ะ พูดไปบ่นไป บางทีเขาหาของไม่เจอ ก็หาไม่เจอก็บอกแล้วให้วางให้เป็นที่
นนนี่ : จะเป็นอารมณ์แบบเรียกทั้งวันมากกว่า ก็คือแบบ แม่ แม่ ไอ้นี่อยู่ไหน ไอ้นั่นอยู่ไหน แม่ก็จะตอบกลับ ทำไมไม่รู้จักเก็บให้เป็นที่ คือเป็นคนที่ทุกอย่างจะวางแบบว่าอยู่ตรงนั้น
- แล้วเวลาบ่นเนี่ยถึงขั้นไหน โกรธเลยไหม ?
แอน : คือถ้าโกรธก็จะหายใจลึก ๆ อะค่ะ โอเค ไม่เป็นไรเนอะ
- คุณแม่ดุไหม ?
นนนี่ : ก็ดุ แต่ก็ไม่ได้ดุแบบกลัวขนาดนั้น
แอน : คือว่าแม่ดุค่ะ แต่ลูกไม่กลัว
- พี่แอนหวงไหม ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเดียว ?
แอน : ถามว่าหวงไหม คือทั้งหวงทั้งห่วงแหละค่ะ เพราะว่าเราก็มีลูกอยู่คนเดียว แต่ว่าในจุดตรงนั้นเนี่ยเราก็ต้องยอมรับความจริงด้วย เพราะว่าหลักของชิวิตคือแบบว่าต่างคนต่างเกิดเนอะ ดังนั้น เขาเกิดมาเป็นลูกเรา เราก็ดูแลเขาระดับหนึ่ง แต่ว่าเมื่อเขาโตแล้ว เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตของเขาแล้ว เราก็จะต้องให้เขาใช้ชีวิตของตัวเขาเอง ทุกคนต้องเดินทางไป มันต้องมีก้าวผิดก้าวถูกกันไปบ้างในระหว่างทางเนี่ย สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมันก็จะเป็นประสบการณ์ชีวิตของเขาค่ะ มันไม่มีทางที่เราจะแบบว่าให้ทุกอย่างโรยกลีบกุหลาบดอกไม้ เป็นไปไม่ได้ แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดคนเรามันต้องมีพื้นฐานชีวิตที่ดี มันถึงจะแบบว่าก่อร่างสร้างอนาคตของตัวเองไปได้ เดี๋ยวนี้ยุคมันก็เปลี่ยนไป แต่ก่อนแอนเล่นไอจีไม่เป็นนะ ก็เรียนรู้จากลูกอย่างนี้ คือทุกอย่างมันต้องปรับเข้าหากัน มันไม่ใช่ปรับแค่ลูกอย่างเดียว เราก็ต้องปรับด้วย
นนนี่ : แต่เดี๋ยวนี้ก็จะกลายเป็นลูกเรียนรู้จากแม่แล้วนะ
แอน : เก่งมาก ตัดคงตัดคลิป
นนนี่ : ให้ไปเลยในวันวันหนึ่ง แล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะเดิม เจอตอนเที่ยง 6 โมงก็ยังจะนั่งอยู่ แล้วเราจะได้เห็นคลิปสัก 2-3 ทุ่ม
แอน : นี่ทำให้ลูกนะ เดี๋ยวนี้เก่งจากที่ไม่รู้เลยอะค่ะ แต่ว่าชอบตลอดเวลาไหม มันเสียเวลา แต่ว่าถามว่าต้องรู้ไหม ก็ต้องรู้ ก่อนที่เราจะทำอะไร เราก็ต้องเรียนรู้สิ่งนั้นก่อน แอนไม่เข้าใจเลยนะยูทูบ สมัยก่อนแอนไม่รับเลยค่ะ เพราะแอนก็มองว่าเราอายุขนาดนี้แล้ว เราอยู่ในโลกใบนี้ คือเดี๋ยวนี้ทุกคนเรียนรู้ทุกอย่างจากยูทูบหมดเลย เราก็ต้องปรับตัวเราไม่งั้นเราก็อยู่ไม่ได้เนอะ มันก็ลำบาก มันก็เลยเป็นที่มาของการทำนู่นทำนี่ขึ้นมา
- แล้วก็มีคลิปออกมาเยอะแยะไปหมด รวมถึงคลิปที่หลายคนเห็นแล้วบอกว่าจะไปเป็นเกษตรกรแล้ว ไปปลูกที่ไหนคะ ?
แอน : ไปปลูกที่บางเสร่ ที่บ้านที่แทมารีน รีสอร์ท ตอนนั้นเป็นช่วงโควิดกำลังระบาด นนนี่ก็เพิ่งกลับมาใหม่ ๆ ก็เลยชวนกันไปอยู่ต่างจังหวัด
- เรียนรู้เองเลยเหรอคะ ?
แอน : เราก็มีผู้ช่วยด้วย เราก็เรียนรู้เหมือนกัน เพราะว่าเราไม่ค่อยได้ไปใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้งสักเท่าไหร่
- นี่คือปลูกเพื่อมากินเองเหรอ ?
แอน : ปลูกเพื่อทานเองที่บ้านในครอบครัวค่ะ เป็นจริงเป็นจัง ซื้อถุงมือซื้ออุปกรณ์ใหม่หมดเลยค่ะ
- น้องนนนี่เคยไปลงสวนกับคุณแม่ไหม ?
แอน : เขาทำแต่ป้ายค่ะ แม่ขอให้เขาช่วยเขียนป้ายภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
นนนี่ : แล้วป้ายนั้นก็ไม่ได้ใช้ เพราะว่าไม่ได้พรินต์ออกมาให้
- มีผักอะไรบ้างคะที่ปลูก ?
แอน : มีผักบุ้ง ถั่วฝักยาว มะนาวเขาปลูกไว้อยู่แล้ว กะเพรา โหระพา อันนี้เบสิกต้องมีอยู่แล้ว
- คลิปทั้งหมดพวกนี้พี่แอนถ่ายเอง ตัดต่อเองเหรอ ?
แอน : ถ่ายเอง ตัดต่อเอง ก็มีคนช่วยด้วยค่ะ มีคนช่วยลงสงลงเสียง
- หลายคนบอกว่า พี่แอน สิเรียม ในยุคนี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น อาจจะเป็นเพราะแต่ก่อนเราไม่มีสื่อที่จะได้เห็นไลฟ์สไตล์จริง ๆ ?
แอน : เดี๋ยวนี้โลกมันแคบแนอะ ใกล้ชิดกันมากขึ้น จริง ๆ รั่วมากเลยนะคะ
- อยู่กับโลกโซเชียลมากขึ้น จนมีแฟนคลับตามไปทุกที่ ซึ่งเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์มาก เพราะว่าเหล่าเอฟซีของพี่แอน รุ่นที่เรียกน้องนนนี่ว่าพี่ ?
แอน : อาจจะมาจากคลับฟรายเดย์ แอนคิดว่าที่แอนไปเล่นคลับฟรายเดย์ (ตอน รักล้ำเส้น)
- ซึ่งมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วนะเรื่องนั้น แฟนคลับยังแน่นอยู่ ?
แอน : ใช่ รู้งี้เล่นคลับฟรายเดย์มาตั้งนานแล้ว ติดต่อมาตั้งหลายครั้งก็ปฏิเสธเขา ถ้ารู้ว่าเล่นแล้วดังอย่างนี้นะเล่นไปแล้ว
- นนนี่ได้ดูคุณแม่เล่นไหม รู้สึกยังไง ?
แอน : ขนาดนั้นเลยเหรอแม่ โทร. มาตอนนั้น
นนนี่ : อารมณ์เหมือนแบบว่า จริงดิ ถามจริง อะไรอย่างเนี้ย ส่วนใหญ่จะแซวมากกว่า
แอน : แต่แอนว่ามันสนุกดีนะ มีความรู้สึกว่าจริง ๆ ละครสมัยนี้มันทำให้มันเหมือนชีวิตจริงของมนุษย์ มันไม่ต้องมาเป็นแบบ ทุกคนมีในแง่บวก-แง่ลบของชีวิตกันทั้งนั้น ตอนเห็นบทตอนแรกก็สองจิตสองใจ แต่ก็ลองเล่นดู เราก็ไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้ แล้วมันรู้สึกได้พัฒนาทางด้านการแสดงค่ะ
- เวลาแม่ถ่ายชุดว่ายน้ำ มีคอมเมนต์ไหมจากคุณลูก ?
นนนี่ : ไม่มี บอกแม่สวย แม่ต้องโชว์เลย ไม่เคยขัดเลยค่ะ
- หลัง ๆ เห็นเล่นบทร้ายมากขึ้น จนเริ่มจะไม่เล่นบทร้ายแล้ว ?
แอน : มันเหนื่อยอะค่ะ
นนนี่ : กลับบ้านมาแบบ เฮ้อ.....(ถอนหายใจยาว) ไม่พูดอะไรเลย กลับมาถอนหายใจ หนูก็แบบกลัวอะ กลัวอารมณ์ยังค้างอยู่ ที่บ้านหันซ้ายหันขวาไม่มีใครนะคะ มีเรา
แอน : หนีกันไปหมดเลย ทิ้งฉันไว้คนเดียวเหรอเนี่ย
- มีไหมติดอารมณ์นั้นกลับมาบ้าน ?
แอน : แน่นเลยค่ะ กลับมาเหมือนข้างในมันยังกรุ่นอยู่ มันยังตึก ๆ เพราะว่าแอนไปเล่น ด้วยความที่คนเขาจะคิดว่าหน้าแอนใจดี แต่จริง ๆ แอนเป็นคนตาดุนะ เอาจริง ๆ เวลาไม่ยิ้มอะไรอย่างนี้ แอนก็เลยแบบว่าไม่ต้องพูด มองอย่างเดียว
- น้องนนนี่อยากเข้าวงการไหม ?
แอน : อยากรู้เหมือนกันนะเนี่ย ฝากฝังเลยลูกกับพี่ฉอด ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดกว้างแล้ว เดี๋ยวแม่จับลดน้ำหนักมากเข้าไปอีก (หัวเราะ)
นนนี่ : ก็อยากลองนะคะ คือแต่ก็แบบแอบกลัวนิดหนึ่ง
แอน : เล่นเป็นตัวร้ายไปเลยลูก เพราะเราเป็นนางเอกไม่ได้ แม่ดูละ (แซวลูก) แม่เคยเป็นผู้จัดมาก่อน