เรื่องย่อ Snowdrop ที่ถูกมองว่าเป็นปัญหา ?
ถูกดราม่าตั้งแต่ยังไม่ออกอากาศ-ชื่อนางเอกถูกเปลี่ยน
ภายหลังมีเรื่องย่อของ Snowdrop หลุดออกมา ก็ทำให้ชาวเน็ตเกาหลีรู้สึกไม่พอใจ และมองว่าซีรีส์อาจมีการพาดพิงไปถึงการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย อาจจะมีการบิดเบือนประวัติศาสตร์ไปจากความจริง มองว่าเหมือนใช้ความโรแมนติกของเรื่องมาลบล้างการกระทำของรัฐบาลในยุคนั้นที่สร้างบาดแผลให้กับผู้ประท้วง
แต่ต่อมาผู้ผลิตอย่าง JTBC ก็ออกมาชี้แจงว่า Snowdrop ไม่ใช่ซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยแต่อย่างใด ฉากที่ตัวละครหลักทั้งชายและหญิงในเรื่องมีส่วนร่วมหรือเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยนั้นไม่มีอยู่ในบท ส่วนเรื่องสายลับเกาหลีเหนือที่ถูกหน่วยงานความมั่นคงตามไล่ล่า ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐบาลหรือองค์กรใด ๆ
อีกทั้งชื่อของนางเอกนั้นที่ก็ไปคล้ายคลึงกับ ยองโช นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีชีวิตอยู่จริงและยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ได้รับบาดแผลจากการถูกทรมานและสอบสวนในช่วงที่ออกมาประท้วงในยุค 80 จึงทำให้ทางผู้ผลิตต้องเปลี่ยนชื่อของนางเอกไปจากเดิมที่ชื่อ ชอนยองโช เป็น อึนยองโร แทน
กระแสดราม่าแรงต่อเนื่องหลังออกอากาศตอนแรก
และภายหลังจากการออกอากาศตอนแรกก็ยิ่งทำให้ดราม่าดังกล่าวร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อผู้ชมมองว่าตัวละครหลัก ซูโฮ เป็นสายลับ ขณะที่ในประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ มีนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่ตกเป็นเหยื่อ โดยถูกทรมานและถูกสังหารจากการถูกปรักปรำว่าเป็นสายลับ
นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตไม่พอใจต่อตัวละครที่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานวางแผนความมั่นคงแห่งชาติที่อยู่ภายใต้อำนาจของระบอบเผด็จการในเวลานั้น มองว่าการสร้างซีรีส์เรื่องดังกล่าวนั้นบ่อนทำลายคุณค่าของขบวนการประชาธิปไตยอย่างชัดเจน
รวมไปถึงการใช้เพลงประกอบที่เป็นเพลง Sola Blue Sola ซึ่งเป็นเพลงที่ถูกใช้ระหว่างการเคลื่อนไหวของนักศึกษาที่เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการทางประชาธิปไตย ตอกย้ำถึงความเจ็บปวดและชัยชนะของผู้เคลื่อนไหว จึงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ที่เพลงนี้ถูกนำมาใช้ประกอบในฉากที่ตัวละครหลักที่เป็นสายลับถูกไล่ล่าจากตัวละครที่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ
ส่งผลให้มีผู้ร่วมลงชื่อคำร้องเพื่อขอให้ยกเลิกการออกอากาศซีรีส์ Snowdrop บนกระดานคำร้องสาธารณะของทำเนียบประธานาธิบดี (Blue House) แล้วมากกว่า 300,000 รายชื่อ (ตามกฎแล้วหากมีการลงชื่อในคำร้องมากกว่า 2 แสนรายชื่อ ทางรัฐบาลเกาหลีจะออกมาตอบสนองต่อประเด็นนั้น ๆ) และยังยื่นคำร้องที่ชี้ให้เห็นถึงความน่ากังวลที่ซีรีส์ Snowdrop ถูกเผยแพร่ผ่านบริการ Disney+ ในหลายประเทศทั่วโลก เพราะมองว่าที่อาจจะทำให้ชาวต่างชาติเข้าใจผิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของชาวเกาหลีก็เป็นได้
แบรนด์ต่าง ๆ ตัดสินใจถอนสปอนเซอร์สนับสนุนซีรีส์
JTBC ผู้ผลิตชี้แจงอีกครั้ง ยันออกอากาศต่อ
หลังชี้แจงมาถึง 2 ครั้ง แต่ดราม่ายังคุกรุ่น ล่าสุด (21 ธันวาคม 2564) ภายหลังมีผู้ลงชื่อกว่า 3 แสนราย JTBC ก็ออกมาชี้แจงอีกครั้ง โดยแสดงจุดยืนว่า "แรงจูงใจ ภูมิหลัง และสาระสำคัญของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Snowdrop คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงเวลาของระบอบการปกครองของกองทัพ ด้วยภูมิหลังนี้จึงมีเรื่องสมมติของกลุ่มอำนาจที่สมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาลเกาหลีเหนือเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองเอาไว้ Snowdrop เป็นผลงานที่จะแสดงให้เห็นถึงการเล่าเรื่องของบุคคลที่ต้องถูกสังเวยและถูกใช้โดยผู้มีอำนาจเหล่านั้น
ยืนยันว่าในซีรีส์ Snowdrop ไม่มีสายลับที่เป็นผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ไม่มีฉากที่ตัวละครหลักชายและหญิงเข้าร่วมหรือเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในตอนที่ 1 และ 2 และไม่มีปรากฏในส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวบทหลังจากนั้น
สำหรับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนประวัติศาสตร์และการดูหมิ่นขบวนการประชาธิปไตยที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่นั้นจะได้รับการคลี่คลายผ่านพัฒนาการของโครงเรื่องในอนาคต ทั้งเจตนารมณ์ของทีมผู้ผลิต หวังว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยช่วงเวลาที่เสรีภาพและความสุขของแต่ละคนถูกกดขี่ด้วยอำนาจที่ไม่เป็นธรรม
น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเปิดเผยพล็อตเรื่องได้มากก่อนการออกอากาศ แต่ขอให้จับตารอดูพัฒนาการของเรื่องราวของซีรีส์ในอนาคตต่อไป และยืนยันว่าจะมีการออกอากาศต่อไป แต่ทาง JTBC ยังมีแผนที่จะเปิดหน้าต่างแชตเรียลไทม์บนหน้าเว็บไซต์ และกระดานข่าวสำหรับผู้ชมอย่างเป็นทางการ เพื่อที่จะรับฟังความคิดเห็นอันมีค่าเกี่ยวกับผลงานของเรา"
ทั้งนี้ ภายหลังมีการชี้แจงจากผู้ผลิตกระแสดราม่าก็ยังไม่ซาลงไปอยู่ดี นอกจากนี้ ชาวเน็ตยังวิจารณ์ไปถึงพระเอกของเรื่องอย่าง จองแฮอิน ว่าควรเลือกรับงานที่ดีกว่านี้ เพราะซีรีส์ก่อนหน้านี้ก็มีประเด็นจนถูกลดตอนออกอากาศไปแล้ว เรตติ้งก็ตกต่ำ และเรื่อง Snowdrop ก็ยังมาได้รับกระแสดราม่า มีความเสี่ยงจะถูกถอดกลางอากาศ ชาวเน็ตยังวิจารณ์แรงว่า เหมือนเขากำลังทำลายอาชีพในวงการของตัวเอง