นับเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่ที่ทำเอาแฟนนางงามถึงกับตื่นเต้น หลังจากที่ แอน จักรพงษ์ นักธุรกิจชื่อดังเจ้าของ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ได้เป็นเจ้าของธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล หรือ Miss Universe Organization (MUO) คนใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งหลายคนก็ตั้งตารอดูว่า จะมีความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน
อ่านข่าว : แอน จักรพงษ์ จัดใหญ่มากวิ ! ทุ่ม 550 ล้าน กวาดลิขสิทธิ์ Miss Universe แบบ 100%
ล่าสุด (28 ตุลาคม 2565) ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า แอน จักรพงษ์ ได้แถลงข่าวถึงการถือครองลิขสิทธิ์ครั้งนี้และประกาศเป็นเวทีแรกของโลกที่อนุญาตให้เกิด One Universe โดยจะมีการกำหนดกติกาใหม่ให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหย่าร้าง รวมถึงสาวข้ามเพศ สามารถเข้าชิงมงกุฎมิสยูนิเวิร์สได้
แอน จักรพงษ์ กล่าวว่า "เวทีมิสยูนิเวิร์สเป็นเวทีส่งเสริมผู้หญิง ให้แรงบันดาลใจแก่คนทุกคน และ LGBTQ การที่เราสามารถนำจักรวาลนี้ออกสู่สายตาคนทั่วโลก ในรูปแบบใหม่ ๆ ให้ประจักษ์ต่อสายตาคนทั่วโลก แล้วทำให้คนรู้สึกว้าว แต่ยังอยู่บนพื้นฐานระดับสากล ไม่ใช่เวทีการประกวดเฉพาะของคนไทย แต่เป็นเวทีมาตรฐานสากล กรรมการระดับสากล ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือความยุติธรรมระดับสากล เพียงแต่เปลี่ยนเจ้าของเป็นคนไทยคนแรก และยังเป็นผู้หญิงข้ามเพศอีกด้วย ซึ่งเวทีนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงข้ามเพศเข้าประกวดได้ ตามแนวคิด One Universe"
สิ่งที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่สำหรับเวทีนางงามระดับโลกคือ แอน จักรพงษ์ ได้ประกาศกำหนดกติกาใหม่ว่า ผู้เข้าประกวดต้องอายุไม่เกิน 27 ปี ผู้หญิงที่แต่งงานมาแล้ว หย่ามาแล้ว สามารถเข้าประกวดได้ รวมถึงผู้หญิงข้ามเพศด้วย สามารถพูดได้ว่าเป็นเวทีแรกและเวทีเดียวของโลกที่อนุญาตให้เกิด One Universe หรือความเท่าเทียมกันของสิทธิความเป็นมนุษย์และความเป็นผู้หญิง ที่จะสามารถขึ้นมาเฉิดฉายสร้างความศรัทธาให้กับคนทั่วโลกได้เหมือนกัน
แอนได้ย้ำถึงแนวคิดของความยุติธรรมและความเท่าเทียมบนเวทีนี้ด้วยว่า "กติกาการประกวดมันต้องมีอยู่แล้ว อะไรที่ดำรงคงไว้ถึงความขลังยังคงอยู่ต่อไป รูปแบบการประกวดจะคล้ายเดิม แต่จะมีกติกาเพิ่มเติม แต่จะยุติธรรม นานาชาติ สากล และเป็นธรรมยังไม่พอ ยังอนุญาตให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ที่จะให้ทุกคนขึ้นมาเฉิดฉายบนเวทีนี้ได้"
อย่างไรก็ตาม หลายคนสนับสนุนแนวคิดนี้ แต่อีกหลายคนมองว่าควรแยกเวทีและประเภทของการประกวดจะดีกว่า เรื่องที่ว่าจะให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหรือหย่าร้างมาประกวดก็คิดว่าเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มากแล้ว ส่วนสาวข้ามเพศก็มีเวทีประกวดอยู่แล้ว ถ้านำมารวมมิตรกันแบบนี้อาจจะยิ่งเละเทะไปกันใหญ่ เพราะแต่ละเวทีก็มีความเหมาะสมกับแต่ละประเภท
นอกจากนี้ ชาวเน็ตบางรายยังยกตัวอย่างเปรียบเทียบด้วยว่า หากมองไปอีกวงการหนึ่งอย่างวงการกีฬา ถ้าไม่มีกฎเรื่องการแบ่งประเภทของชายกับหญิง สาวข้ามเพศก็น่าจะลงแข่งในกีฬาประเภทหญิงหมดแล้ว