เรียกว่าสวยและรวยมากสุด ๆ สำหรับนักร้องลูกทุ่งสาวแซ่บ กระแต อาร์สยาม ที่ทุ่มงบสร้างบ้านสุดอลังการเกิน 100 ล้านบาท แถมยังทำเอาฮือฮาทุกครั้งที่เปิดบ้านกับคลังแสงของแบรนด์เนม เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งที่ราคาแรงไม่เบา จนมิวายถูกแซะว่าอวดรวย
ล่าสุด (9 กรกฎาคม 2567) กระแต อาร์สยาม ก็ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า เป็นน้ำพักน้ำแรง พูดตลอดว่าเราค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ สร้าง เราหว่านผลมาตั้งแต่เด็กน้อย ปีนี้อายุ 37 แล้ว ก็เป็นรางวัลชีวิตให้ตัวเอง อยากให้ทุกคนมองถึงความตั้งใจ และเอาทุกอย่างที่เราโพสต์เป็นแรงบันดาลใจ ว่าจากคนที่ติดลบ มีวันนี้ได้เพราะเราสู้จริง ๆ ตัวเลขมันอลังการขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่บอกว่าค่อย ๆ เติม
ถามว่า เกิน 100 ล้านไหมก็เกินแล้ว แต่เกินไปกี่ร้อยไม่กล้านับเลย ค่อย ๆ ทำงานแล้วก็เติมไปเรื่อย ๆ เราทำแล้วก็เอาไปใช้ในงานเราด้วย ทำบ้านเป็นที่ถ่ายทำได้ แล้วก็เป็นสตูดิโอ ไม่ถึง 300 ล้าน มันไปหนักพวกดีเทลในบ้าน เพราะเราเอาไว้ถ่ายงานได้จริง ๆ ทำสวยทุกจุดเพราะยังไงฉันต้องได้คืน ลงทุนไปแล้วต้องได้คืน ต้องได้ใช้ทุกมุม ทำไม่หยุดเลยค่ะ รีโนเวตห้องแต่งตัวใหม่อีกแล้ว ไปเห็นอะไรมาก็ทำ ทำในสิ่งที่เราอยากทำ
ส่วนไวรัลเตียงนอนราคาเป็นล้าน สาวกระแตเผยว่าเป็นคอนเทนต์ที่เห็นของต่างชาติมา แล้วเรารู้สึกว่าเรามีเหมือนกัน เราขอเล่นบ้าง จริง ๆ ไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ อยากทำ ถ้าอะไรแปลกประหลาดก็คือสั่งทำ มีความสุขแน่นอนเวลาได้ใช้ ได้ทำ แต่กว่าจะมีความสุขก็ทุกข์มาเยอะค่ะ ถ้าคนติดตามจะรู้ว่าเราสู้มาก ต่อยมวยครั้งแรก 300 บาท ร้องเพลงค่าตัว 500 บาท เก็บประสบการณ์มาเรื่อย ๆ อย่างที่บอกว่าเราหว่านมาหลายปีกว่าจะมีวันนี้ อยากให้ทุกคนมองความตั้งใจและความสู้ของเรามากกว่า ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าเราตั้งใจ แต่น่าจะหยุดเติมแล้ว มันเต็มบ้านแล้ว จริง ๆ เวลาลงคอนเทนต์บ้าน จะลงเป็นคอนเทนต์สนุก ๆ ไวรัล เรามีมุมสวย เราก็อยากโชว์ เผื่อใครได้แรงบันดาลใจ
สาวกระแต ยัวเปิดใจถึงเรื่องที่คนมองว่าอวดรวยว่า จริง ๆ ถ้ามองว่าอวดก็อวด อย่างที่บอก มันคือการอวดแหละ แต่ถ้ามองว่าอวดรวย ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่ง ก็ถูกต้อง แต่ว่าลึก ๆ เราไม่ได้รู้สึกว่าเฮ้ย ฉันรวย ไม่ใช่เลย แต่เราอยากให้เห็นถึงความตั้งใจ เด็กบ้านนอกตัวเล็ก ๆ ที่สู้ด้วยตัวเองมาตลอด 30 กว่าปี เอาประสบการณ์ทุกอย่างมาสร้างตัวเองให้มีวันนี้ได้ ก็อยากให้ทุกคนมองจุดนี้ ถามว่านอยด์ไหม โดนมาบ่อยจนชิน ชินในที่นี้คือเข้าใจกับธรรมชาติว่ามันจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบเป็นปกติ ถ้าเขาได้รู้จักเราจริง ๆ เขาจะไม่เกลียดหรือไม่ชอบเรา เขาจะต้องภูมิใจกับเรามากกว่า ว่าเราสู้มาขนาดนี้ อยากให้เป็นกำลังใจมากกว่ามาว่ากัน
นอกจากนี้ ยังเปิดใจถึงเรื่องที่โดนยืมเงินแต่ถูกลูกหนี้เชิดเงินหนี้ไปเป็นล้านด้วยว่า มีคนยืมทุกวัน ทั้งคนที่ไม่เคยรู้จักและรู้จัก ทุกคนเดือดร้อนมา เขาเห็นว่าเราอาจจะพอพึ่งพาได้ ก็โดนเยอะอยู่ค่ะ แรก ๆ ให้เยอะเลย เปิดมูลนิธิได้เลย แต่หลัง ๆ มาทำบุญดีกว่าเพราะไม่ได้คืน เหตุผลที่ยืมก็คือเดือดร้อน บ้านจะโดนยึด รถจะโดนยึด เราก็ขี้สงสาร เพราะรู้จักกัน ช่วยกัน ขนาดมีสัญญาแล้วยังไม่ได้เงินเลย ก็หลักล้าน แต่เราเป็นคนไม่ทำมากกว่า ส่วนมากคนที่เราให้จริง ๆ คือผู้มีพระคุณด้วย มองว่าเขาเคยช่วยเหลือเรา ไม่เป็นไร ถ้าเขาพร้อมด้วยเขาคืนเอง ใจดี ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ได้คืน
แต่ที่พูดถึงนี่คือเมื่อก่อนนะ ตอนนี้ไม่ให้สักคนเลย ไม่อยากผิดใจ เพื่อนกันแล้วมันเสีย พอยืมปุ๊บมันจะกลายเป็นไม่อยากเจอหน้ากัน แล้วก็เกรงใจกัน วิธีปฏิเสธคือตอนนี้เงินมันอยู่ในรูปแบบบริษัท เอาออกยากมากเลย อาจจะไม่สะดวก เขารู้แกวเราแล้ว