อ้อม เจ้าหนี้ ปู มัณฑนา จากยืมเงินกลายเป็นชวนลงทุน บอกขายของดีแต่ไม่เคยเห็นของ โดนไปเหนาะ ๆ 1.16 ล้าน
ปู มัณฑนา และอ้อม รู้จักกันผ่านเพื่อน ปูเข้ามาหาอ้อมครั้งแรกเพื่อขอยืมเงิน และเสนอให้ดอกเบี้ยกับอ้อม 3% ซึ่งมันไม่เยอะอ้อมก็ให้ไป ตอนนั้นปูคืนเงินหมดแล้ว หลังจากนั้นปูก็พยายามยืมเงินอ้อมอีก แต่อ้อมบอกว่าไม่ได้มีอาชีพปล่อยเงินกู้ ที่ให้ไปในรอบแรกเพราะอยากช่วย
จากนั้นปูได้บอกอ้อมว่า ปูลงทุนทำธุรกิจคอลลาเจนกับเพื่อน ได้กำไรดีมาก ปันผลดีมาก และชักชวนให้อ้อมมาทำคอลลาเจนด้วยกัน เพราะมีลูกค้าสั่งเยอะมาก แม่ค้าเอาไปขายต่อ มีขายในเซเว่นฯ จนอ้อมก็ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับปู ปูบอกว่าทำธุรกิจนี้กับเพื่อนหลายคน อ้อมก็บอกว่าขอคุยกับเพื่อนของปูได้ไหม แต่ไม่ได้คุย เมื่อขอดูคอลลาเจน ปูก็บอกว่าทำหลายยี่ห้อตามกระแส จนอ้อมก็ไม่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ ตอนนี้ปูค้างเงินอ้อมที่ 1.16 ล้านบาท
เวลาปูจะเอาเงินก็คือจะบอกว่ามีลูกค้าสั่งของ ต้องการลงทุน และถ้าลงทุนด้วยอ้อมจะได้ปันผลเท่านั้นเท่านี้ บางที 5 ทุ่มก็ยังมีคนสั่งของ อ้อมโอนเงินให้ทั้งวัน 4 ครั้ง และเมื่อจะใช้คืน ปูก็บอกว่าจะเขียนเช็คคืนเป็นยอดเดียว และเช็คนั้นคือเช็คชำระหนี้ แต่กลายเป็นเช็คเด้ง
อย่างไรก็ตาม ทนายฝั่งปูบอกว่าอ้อมคิดดอกเบี้ยเยอะแบบทบต้นทบดอก ทั้งที่ในความเป็นจริงมันคือการลงทุนและปันผลที่ปูต้องให้อ้อม และมีการลงรายละเอียดเอาไว้ด้วย หรือการที่ปูบอกว่า ลูกหมี รัศมี ให้ปูเซ็นกระดาษเปล่า ปูก็ยอม อ้อมให้ปูเขียนว่าดอกเบี้ยคือปันผล ปูก็เขียน แต่ในความเป็นจริงคือ ปูก็เป็นดาราดัง ไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบ ที่จะให้เขียนอะไรก็เขียน ให้เซ็นอะไรก็เซ็น
ปูมีพฤติกรรมชอบกล่าวอ้างถึงบุคคลที่สองหรือที่สาม พูดยังไงก็ได้เพื่อให้ได้เงิน ปูเคยแอบอ้างว่าพี่สะใภ้เป็นซีอีโอหลายบริษัท พี่สะใภ้เดือดร้อนและต้องการยืมเงิน เมื่อถึงดีลโอนเงินคืนก็อ้างว่าพี่สะใภ้หาเงินก้อนไม่ทัน จะขอโอนเงินคืนครั้งละ 30,000-50,000 บาท ซึ่งอ้อมเชื่อว่าพี่สะใภ้ไม่รู้เรื่อง
คนที่พูดความจริงจะเอาหลักฐานออกมาโชว์ แต่ปูเคยมีหลักฐานอะไรบ้าง มีแต่น้ำตา น้ำตาช่วยไม่ได้ มีแต่ความจริงที่ช่วยได้ ซึ่งอ้อมได้แจ้งความปูเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ในคดีฉ้อโกง เพราะธุรกิจนั้นเมื่อตรวจสอบแล้วกลับไม่มีอยู่จริง ถ้าจะไกล่เกลี่ยกับอ้อม ให้ปูมาเอง ไม่ต้องส่งบุคคลที่สามมา (บริษัทที่รับหน้าที่ไกล่เกลี่ย) หรืออีกทางคือให้บุคคลที่สามถือเงินมาใช้คืน
และอ้อมมีหลักฐานเด็ดที่ไม่ได้มาโชว์ด้วย บุคคลนี้เป็นผู้ใหญ่ระดับประเทศ หากปูไม่เล่าความจริงให้หาญส์และทนายฟังจะไม่มีใครช่วยคุณได้ และฝากถึงทนายฝั่งลูกหนี้ด้วยว่า อย่ารับรองพฤติกรรมเขาเยอะ เพราะหาญส์ที่อยู่กับปูทุกวันยังบอกเลยว่า บางอย่างเกี่ยวกับปู หาญส์ก็ไม่รู้เหมือนกัน อยากให้เขาออกมาคุยกับเจ้าหนี้ อย่ายืนบนหัวเจ้าหนี้ อ้อมไม่ได้อยากให้เขาไม่มีที่ยืน แต่เขาต้องออกมาพูดความจริง อย่าดันทุรังบอกว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ
ลูกหมี รัศมี ชี้ ปู มัณฑนา มีเวลาตั้งเยอะที่จะคุยเจ้าหนี้ แต่เลือกไม่คุย เช็คเด้งคือให้โอกาส พร้อมอธิบายเรื่องปล่อยกู้ร้านแว่น
ปูโทร. หาลููกหมีวันที่ 27 กันยายน อ้างว่ามีเพื่อนทำธุรกิจกระเป๋าแบรนด์เนม ต้องการเงินไปลงทุน ลูกหมีก็ให้ จากวันนั้นจนถึง 2 มีนาคม มีการโอนกันไปกันมาจนเหลือยอด 2 ล้านบาท ลูกหมีก็บอกให้ปูทำสัญญาเงินกู้ รวมเช็คมาเลย ในสัญญาเงินกู้ ลูกหมีเขียนด้วยลายมือของลูกหมี แล้วปูก็ให้เมสเซนเจอร์มารับ และมีลายเซ็นของปูเป็นลายเซ็นแรก ไม่ใช่การเซ็นกระดาษเปล่าอย่างที่เข้าใจ จากนั้นลูกหมีก็เอามาเซ็น มีพยานร่วมเซ็น และถ่ายรูปสัญญากลับคืนไปให้
ปู มัณฑนา เซ็นเช็คให้ลูกหมีตั้งแต่เดือนตุลาคม สามารถเอาเงินขึ้นได้วันที่ 1 มกราคม แต่เช็คใบแรก 1 ล้านบาท และใบที่สอง 9 แสนบาท เด้งทั้ง 2 ใบ แต่ลูกหมีไม่ได้แจ้งความและให้โอกาส และเนื่องจากลูกหมีต้องเอาเงินไปใช้ส่วนตัว ลูกหมีจึงบอกปูว่าให้จ่ายมาก่อนก็ได้ 1 ล้านบาท ลูกหมีต้องเอาไปใช้จริง ๆ มีการทวงถามตลอด แต่ปูก็ไม่ใช้
วันที่ 4 เมษายน ลูกหมีได้ไปแจ้งความ มีการเปิดสปีกเกอร์ต่อหน้าพนักงานสอบสวน แต่ปูกลับบอกว่าอย่าทำแบบนี้ ปูไม่เคยมีคดีความ และตั้งแต่ 4 เมษายน - 13 มิถุนายน เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนที่ปูสามารถพูดคุยกับลูกหมีได้ แต่ไม่ทำ ความเสียหายมันเยอะ ไม่ใช่การที่จ่ายเลตแค่ครั้งเดียว
ส่วนเรื่องปล่อยกู้ร้านแว่นนั้นคือการเชือดไก่ให้ลิงดู เกิดจากการที่ลูกหมีร่วมลงทุนกับร้านแว่น 40,000 บาท ทำแว่นตายี่ห้อ LR (มาจากคำว่า ลูกหมี รัศมี) แต่เรื่องแว่นนั้นไม่เกิดขึ้น ร้านแว่นติดเงินลูกหมีจริง ลูกหมีจึงใช้กรณีร้านแว่นมาบอกปูว่า ถ้าไม่คืนเงินลูกหมี ลุกหมีจะส่งหมายข่าวว่าไปแจ้งความนะ เหมือนเป็นการขู่ว่าลูกหมีเอาจริงกับลูกหนี้เท่านั้น ทั้งที่ร้านแว่นติดเงินน้อยมาก ไม่ต้องแจ้งความก็ได้
ถ้าลูกหมีโอนเงินให้ปู 40 ครั้ง เพื่อให้ปูโอนเงินให้เพื่อนไปทำธุรกิจ ก็ควรจะมียอดจากปูที่โอนให้เพื่อน 40 ครั้งเช่นกัน แต่ธุรกิจของปูไม่มีจริง เป็นการอ้างบุคคลอื่นเหมือนที่ทำกับอ้อม และมีการเสนอดอกเบี้ยให้เอง
และถ้าปูคืนเงินให้ จะ 1.6 ล้าน หรือ 1.4 ล้าน ลูกหมีก็พร้อมถอนแจ้งความ พร้อมขอโทษ พร้อมออกทุกรายการถ้ารายการเชิญ แต่จะให้ขอโทษก่อนมันไม่ใช่
โทนี่
โทนี่รู้จักกับปูมานาน โทนี่เป็นนักร้องกลางคืนและขายของด้วย ปูก็มักจะจ้างไป ตอนแรกปูก็ยืมไม่เยอะ เป็นการช่วยเหลือกันและกันและทยอยคืน แต่เป็นการยืมมาตลอด 2-3 ปี โดยเป็นการที่ปูบอกว่าเพื่อนของปูทำของเล่นเด็ก ต้องการใช้เงิน และโทนี่เคยเจอเพื่อนของปู และปูบอกว่าถ้าโทนี่ไม่สบายใจที่จะทำธุรกิจกับเพื่อน ปูจะเซ็นสัญญาเป็นลูกหนี้ให้แทนได้ ในเรื่องดอกเบี้ยไม่ได้ระบุไว้ แต่จะให้สูงสุดตามกฎหมาย ถ้าเป็นการร่วมลงทุนและแบ่งกำไรกัน บางอันพอครบดีลก็แบ่งกำไรให้จริง
ก้อนล่าสุด ปูบอกว่าพ่อแม่เข้าโรงพยาบาล และขอยืมเงิน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สัญญาใบแรกตั้งแต่ปี 2564 ส่วนเรื่องยอดนั้นโทนี่ตอบไม่ได้เพราะยังไม่รวม ที่ผ่านมาไม่เคยออกมาเพราะไม่อยากมีความรู้สึกไม่ดี เราติดต่อเขาได้ตลอด
อย่างไรก็ตาม ที่ออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะจ่ายหนี้คนอื่นหมดแล้วไม่เหลือจ่ายของเรา แล้วจะกลายเป็นว่าคนที่ไม่โวยวายจะไม่ได้เงิน ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีหลักฐานอะไรอีก เราเข้าใจเขาว่าชีวิตคนมีขึ้นลง เราก็รอได้เท่าที่จะรอ ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งความ แต่แค่มาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหนี้คนหนึ่ง