ติงสาววิตถาร ฉีดสารเสริมอวัยวะเพศ
เตือนหญิงสาวฉีดสารเสริมอวัยวะเพศให้อวบอิ่ม หวังเพิ่มเสน่ห์มัดใจชาย เสี่ยงผิวหนังบวมอักเสบ หย่อนคล้อยและบิดเบี้ยวผิดรูปได้ง่าย ชี้เมื่อทำแล้วแก้ไขให้คืนสภาพเดิมยาก ด้านสมาคมศัลยกรรมฯ ตั้งโครงการช่วยเหลือคนไข้ที่ได้รับความเสียหายหลังผ่าตัดเสริมสวย หวังกู้ภาพลักษณ์หมอศัลยกรรม
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2551 พล.ต.ต.นพ.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย และกรรมการแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันการให้บริการทางการแพทย์ด้านศัลยกรรมกำลังถูกสังคมเฝ้าจับตามอง มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องจรรยาบรรณของแพทย์ ซึ่งเน้นการโฆษณาแข่งขันทางธุรกิจมากกว่าคุณธรรมจริยธรรม ทั้งนี้ปัญหาที่พบในการทำศัลยกรรมเสริมความงามมากที่สุดคือ การใช้ยาหรือสารฉีดเสริมดั้งจมูกและคางที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้จมูกทะลุ หรือสารที่ฉีดเข้าไปไหลย้อยไปกองรวมกันทำให้จมูกผิดรูป ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดจากความบกพร่องของแพทย์
นายกสมาคมศัลยกรรมฯ กล่าวว่า นอกจากปัญหาที่เกิดจากการใช้สารฉีดเพื่อเติมเต็มบนส่วนต่างๆ ของใบหน้าแล้ว ขณะนี้พบว่ามีผู้หญิงหลายคนแห่กันไปฉีดเสริมอวัยวะเพศ เพื่อให้เนื้อหนังบริเวณนี้มีความโหนกนูนหรืออวบอิ่มมากกว่าปกติ หวังจะเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดความสนใจของฝ่ายชายหรือคนรัก บางรายฉีดสารเพื่อปรับแต่งผิวหนังปากช่องคลอดให้เรียบร้อยสวยงาม ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดและไม่ควรทำ
"การฉีดสารเข้าไปที่ผิวหนังอวัยวะเพศจะไปขัดขวางเส้นเลือด มีผลให้ผิวหนังบวมอักเสบและเลือดคั่งมีสีดำคล้ำ หากฉีดสารที่มีฤทธิ์แบบถาวรจะไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมได้ พื้นผิวหนังเสียรูปร่าง ขรุขระเป็นพังผื เมื่อปล่อยไว้นานๆ จะไหลไปรวมกันทำให้หย่อนยาน" พล.ต.ต.นพ.อรรถพันธ์กล่าวเตือน
วันเดียวกัน มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสมาคมศัลยกรรมฯ กับโรงพยาบาลกรุณาพิทักษ์ เปิดตัวโครงการ "กรุณาพิทักษ์ศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อมวลชน" โดยทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ด้านศัลยกรรมและบุคลากรทางการแพทย์ให้บริการกับประชาชน ซึ่งจะใช้โรงพยาบาลกรุณาพิทักษ์เป็นศูนย์กลางให้คำปรึกษา คำแนะนำ และช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาหรือได้รับความเสียหาย อันเกิดจากการผ่าตัดเสริมความงาม
พล.ต.ต.นพ.อรรถพันธ์ ในฐานะกรรมการแพทยสภา กล่าวว่า โครงการนี้จะมีหน่วยงานเอกชนเข้ามาสนับสนุนงบประมาณ ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการทำศัลยกรรม โดยจะทำศัลยกรรมช่วยเหลือคนไข้ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ อาจจะไม่คิดค่าใช้จ่าย หรือคิดให้น้อยที่สุดแล้วแต่กรณี เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์แพทย์ศัลยกรรมที่ในช่วงหลังตกเป็นข่าวทางลบบ่อยครั้ง แต่ที่จริงแล้วเป็นความผิดพลาดของแพทย์เพียงส่วนน้อย และยังต้องการสร้างความสมานฉันท์ระหว่างประชาชนกับแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดคดีความฟ้องร้องแพทย์ได้
"คนไข้จะต้องพูดคุยปรึกษาหารือกับแพทย์ด้านความงามหลายครั้ง ก่อนตัดสินใจรับการรักษาผ่าตัดโดยขอดูผลงานหมอว่าดีจริงหรือไม่ สอบถามเกี่ยวกับเครื่องไม้เครื่องมือ ความสามารถ และประสบการณ์เป็นอย่างไร ถ้าหากหมอบ่ายเบี่ยงที่จะอธิบายหรือตอบไม่ตรงประเด็น รวมทั้งบอกให้คนไข้รักษาทันที ผมอยากจะให้คนไข้รีบปฏิเสธ หรือบอกเลิกการรักษากับหมอคนนั้นไปเลย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง" กรรมการแพทยสภากล่าวในที่สุด
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต